บุตรีของเสนาบดีกรมพิธีการกล่าวถึงคุณงามความดีของกู้เย่ว์เพียงสั้นๆ ซูหว่านจึงได้เข้าใจ
นางคิดเอาไว้แล้วเชียว ที่กู้เย่ว์ทำความดีมากมายคงมิใช่แค่มีจิตใจเมตตาเท่านั้น ที่แท้ก็เป็นไปตามที่นางคาดไว้จริงๆ ว่านางกำลังสร้างสถานะให้ตนเอง
หวยหมินเสี้ยนจู่ ตำแหน่งนี้ช่างเหมาะสมกับมู่หรงเซิงยิ่งนัก ดีจริงๆ จากนี้หากได้พบกันก็คงต้องคารวะนางแล้ว
เหล่าภรรยาขุนนางทยอยกันมาครบแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปนั่งประจำที่ของตน
ที่นั่งของกู้เย่ว์อยู่ตำแหน่งสุดท้ายของแถวแรกใกล้กับทางเข้า ร่วมกับบรรดาจวิ้นจู่ทั้งหลาย
ในเมืองหลวงมีเพียงนางคนเดียวที่เป็นเสี้ยนจู่
ฮองเฮานำบรรดาพระสนมมาถึงตำหนักเว่ยยาง ขันทีประกาศครั้งหนึ่ง แล้วฮองเฮาที่ทรงเครื่องลายหงส์ และสวมมงกุฎหงส์ ก็ปรากฏกายอย่างช้าๆ
ยามนี้ทุกคนไม่สามารถมองไปที่อื่น แต่ต่างก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อถวายความเคารพอย่างนอบน้อมและอยู่ในระเบียบ
ไม่จำเป็นต้องคำนับใหญ่โต เพียงแค่ย่อกายก็พอแล้ว
พระสนมทั้งหลายที่มางานเลี้ยงในวังครั้งนี้มีหกท่าน ได้แก่ สี่พระชายา กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟย เสียนเฟย และยังมีลี่เฟยกับสวีเจาอี๋อีกด้วย
วันนี้บรรดาพระสนมต่างแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างเต็มที่และคู่ควรกับยศศักดิ์ของตน
การออกงานใหญ่ย่อมมิอาจทำให้ราชวงศ์ต้องเสื่อมเสียเกียรติ
แต่ก็มีเพียงพวกนางเท่านั้นที่รู้ว่า ตอนนี้บ้านเมืองเพิ่งผ่านพ้นสงครามมา ทั้งยังต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการสร้างเขื่อน ทำให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ฮองเฮาจึงทรงเป็นผู้นำในการบริจาคทรัพย์สิน และลดทอนรายจ่ายลงมากมาย แม้แต่เครื่องใช้ของบรรดาพระสนมในวังก็ยังลดลงจากเดิมมาก หรือแม้แต่ฮ่องเต้เองก็ทรงลดรายจ่ายลงด้วยเช่นกัน
ผู้ใดกล้าสวมใส่เครื่องประดับทองคำล้ำค่าให้ฮ่องเต้เห็นเข้า หากทรงกริ้วขึ้นมาจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่
“ถวายบังคมฮองเฮา ขอจงทรงพระเจริญพันปีพันๆ ปี ถวายบังคมเฉินกุ้ยเฟย ขอจงทรงพระเจริญ..."
หลังจากที่ทำความเคารพพระสนมทีละคนจนเสร็จสิ้นแล้ว ฮองเฮาจึงโบกมือให้ทุกคนนั่งลง
จากนั้นนางได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ งานเลี้ยงจึงเริ่มขึ้นอย่างแท้จริง เรื่องราวหลังจากนั้น ซูหว่านคนนี้จะไม่ขออธิบายยืดยาว
ถัดจากนั้น ฮองเฮาได้พูดคุยกับบรรดาพระสนมในบรรยากาศที่ค่อนข้างสบายๆ ไม่มีความตึงเครียดดั่งเช่นที่เห็นในละครโทรทัศน์ จากนั้นก็พูดคุยกับบรรดาองค์หญิง และเหล่าภรรยาขุนนางชั้นสูงก็เข้าร่วมวงสนทนาด้วย
ซูหว่านนั่งเงียบๆ อยู่ในที่ของตน ชิมรสชาติอาหารในวังหลวงอย่างสบายใจ
อาหารค่อนข้างจืดชืดและปริมาณก็น้อย มีเพียงขนมเท่านั้นที่รู้สึกถูกปาก
ขณะที่นางกำลังทานอาหารอยู่นั้น นางก็คิดว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับตนเอง แต่แล้วฮองเฮาก็กลับเอ่ยถึงนางขึ้นมา
"น้องสาวของท่านรองเจ้ากรมขุนนางซูจิ่งอยู่ที่ใดกันรึ"
ไม่นานนัก ฮองเฮาก็ประกาศว่า เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ดอกไม้ในอุทยานหลวงนั้นบานสะพรั่งงดงามยิ่งนัก ทุกคนสามารถไปเดินชมได้ตามสบาย หรือจะพักอยู่ในตำหนักเว่ยยางแห่งนี้ก็ได้
บรรดาฮูหยินจะต้องอยู่เป็นเพื่อนกับฮองเฮาและเหล่าพระสนม แต่คุณหนูทั้งหลายสามารถทำกิจกรรมได้ตามสบาย
เสิ่นชิงหลีจึงเดินมาหาซูหว่าน เพื่อเตรียมออกไปสูดอากาศด้านนอกด้วยกัน
……
ด้านตำหนักชิงเหอฝ่ายหน้า ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นนั้น ซูจิ่งและซูเฉินไม่ได้นั่งร่วมกัน
เนื่องด้วยตำแหน่งของขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊นั้นแยกจากกันโดยชัดเจน
เมื่อซูจิ่งย่างเท้าเข้าสู่ตำหนักก็ตรงไปสนทนากับมหาบัณฑิต ส่วนซูเฉินได้แต่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งของตนตามลำพัง โดยมีเหล่าขุนศึกที่เคยผ่านสมรภูมิรบเข้ามาทักทายเขา
เป็นที่รู้กันว่าเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นมักไม่สมาคมกับขุนนางฝ่ายบู๊
เจียงอวี้ติดตามเจียงกั๋วกงเข้างานเลี้ยงมาด้วยกัน เขามิได้มีตำแหน่งขุนนาง จึงสวมใส่เพียงอาภรณ์ธรรมดา
เขามาในชุดจีนโบราณสีม่วง พร้อมกับหน้ากากที่ปกปิดใบหน้า วันนี้เขาแต่งตัวมาอย่างดี กลับมาสู่ภาพลักษณ์คุณชายผู้สง่างามและเย็นชาดังเดิม
ทว่ารูปโฉมของเขาในเมืองหลวงยังคงเป็นปริศนามาโดยตลอด นอกจากจะแทบไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนแล้ว ทุกครั้งที่ออกมาเขาก็ยังคงสวมหน้ากากเอาไว้เสมอ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...