ซูหว่านถลึงตาใส่เขาหนึ่งที แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“เจอจวิ้นจู่อย่างข้า แล้วเจ้ายังมาทำท่าทีส่งๆ เช่นนี้อีกหรือ?”
“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนสกุลเจียง พวกเราอยู่ระดับขั้นเดียวกัน แบบนี้ไม่เรียกว่าท่าทีส่งๆ หรอกนะ” เจียงอวี้โต้กลับทันที
ซูหว่านถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะก็จริงตามที่เขาว่า เจียงกั๋วกงเป็นโหวขั้นหนึ่ง ตำแหน่งซื่อจื่ออย่างเขาก็ถือว่าใกล้เคียงกับนาง
แต่ถึงจะเสียหน้าไปหน่อย นางก็ยังต้องทำเป็นถือดี
“เจ้าก็ทำส่งๆ อยู่ดีนั่นแหละ!”
นางถลึงตาใส่เขา เจียงอวี้ก็พลันรู้ตัวว่าตัวเองผิด รีบย่อตัวลงจับมือนางไว้ด้วยท่าทีเคารพ
“ก็ได้ ข้าผิดเอง จวิ้นจู่โปรดอภัยให้ข้าได้หรือไม่?”
ซูหว่านเห็นท่าทางแบบนั้นของเขา ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากเขา เจียงอวี้ถึงกับเอนหัวหลบไปมาไม่หยุด
“ปากคอเราะร้ายจริงๆ!”
เจียงอวี้นั่งตัวตรง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หวานหว่าน ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงคิดจะบริจาคอวี้เหยียนถัง? เจ้าลงแรงไปตั้งมากมาย ไม่รู้สึกเสียดายบ้างหรือ?”
เรื่องนี้ของซูหว่านเกิดอย่างกะทันหัน เขาเองก็คาดไม่ถึงว่านางจะตัดสินใจแบบนั้น เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยนางคงยกผลประโยชน์สักหกเจ็ดส่วนให้ราชสำนัก แต่ไม่คิดเลยว่านางจะยกทั้งหมดให้เลย
“ไม่หรอก การบริจาคออกไปช่วยให้ตระกูลซูอยู่อย่างสงบสุข รุ่งเรืองมั่งคั่ง ต่อให้หลายชั่วรุ่นก็ไม่ต้องกังวล ไม่ดีหรอกหรือ? ตอนที่ข้าชวนท่านมาร่วมเปิดปิงจีถัง ข้าก็คิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว อีกอย่างข้าอยากกทำอะไรสักอย่างเพื่อบ้านเมืองในขณะที่ยังมีความสามารถอยู่ บรรดาทหารกล้าที่สละชีพ พวกเขาต่างก้มีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง ทุกวันนี้แม้จะดูเหมือนสงบสุขแต่แค่ดูก็รู้แล้วว่าในคลังหลวงขาดดุลมากแค่ไหน ข้าเอาอวี้เหยียนถังไปแลกตำแหน่งจวิ้นจู่มา ไม่ดีหรือ?”
“ข้าจะบอกท่านให้ กู้เย่ว์น่ะตั้งใจทำ แค่ได้เป็นเสี้ยนจู่ก็มาทำตัววิเศษวิโสโอหัง บังคับให้ข้าคำนับนาง คราหน้าข้าจะเอาคืนนางแน่นอน”
เมื่อพูดถึงกู้เย่ว์ ซูหว่านก็มีอารมณ์ราวกับเด็กสาววัยแรกรุ่นขึ้นมา
เพียงแต่นางเป็นแบบนี้ต่อหน้าเจียงอวี้เท่านั้น เพราะนางรู้ดีว่าเจียงอวี้จะไม่มองว่านางเป็นคนใจแคบหรือชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ก็จริงอยู่ เจียงอวี้ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องเลยสักนิด แถมยังคิดด้วยว่าซูหว่านของเขาน่ารักจะตายไป
ที่จริงแล้วเรื่องที่ซูหว่านแข่งกับกู้เย่ว์ก็แค่แข่งกัเท่านั้น นางไม่ได้ตั้งใจจะข่มอีกฝ่าย ที่ทำก็เพราะนางรู้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้านำอวี้เหยียนถังไปบริจาค ฝ่าบาทต้องตอบแทนนางอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็คงแต่งตั้งให้เป็นเสี้ยนจู่อะไรทำนองนั้น แต่ผลลัพธ์กลับเกินคาด นางกลายเป็นจวิ้นจู่ไปเลย
“ยัยบื้อ เจ้าน่ะดีที่สุดแล้ว ไม่มีใครมาเทียบได้ อย่างน้อยก็ในใจข้า” เจียงอวี้เอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่แก้มของนาง แววตาสื่อออกมาด้วยความลึกซึ้ง
อยู่ๆ เมื่อได้รับความอ่อนโยนแบบนี้ ก็ทำเอาซูหว่านถึงกับเขินอายขึ้นมา
เขาคิดในใจว่า อนาคตชีวิตหลังแต่งงานของพวกเขาสองคนก็คงเป็นเหมือนอย่างตอนนี้ใช่ไหม? แค่คิดก็รู้สึกพอใจแล้ว
เสียงดนตรีหวานชวนเคลิบเคลิ้ม ส่วนหลิ่วอวิ๋นกับหลิ่วอิ๋งที่มองเห็นเงาของคนสองคนสะท้อนอยู่บนหน้าต่าง ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าอิจฉาชื่นชมออกมา
“ซื่อจื่อกับคุณหนูนี่ช่างเหมาะสมกันจริงๆ!” หลิ่วอิ๋งเอ่ยด้วยความประทับใจ
หลิ่วอวิ๋นก็พยักหน้าตาม
แต่แล้วทันใดนั้นภายนอกลานก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นมา หากฟังดีๆ จะรู้ว่าเป็นก้าวเดินที่หนักแน่นและมั่นคง ที่มีแต่คนฝึกวรยุทธ์เท่านั้นถึงจะก้าวได้เช่นนี้ ทั้งสองจึงรีบตั้งท่าระวังทันที
ทันใดนั้นซูเฉินก็เดินเข้ามาในลาน หลิ่วอวิ๋นรีบก้าวไปขวางเขาเอาไว้ เพราะหน้าต่างห้องของซูหว่านหันออกมาพอดีกับประตูเรือน
“คุณชายสาม ดึกดื่นป่านนี้ ท่านมาที่นี่ทำไมกัน”
“ข้าได้ยินเสียงหวานหว่านบรรเลงกู่เจิ้ง เลยอยากมาฟังด้วยตัวเอง” ซูเฉินตอบ
ทางฝั่งหลิ่วอิ๋งก็รีบไปแจ้งซูหว่าน ทำให้เสียงดนตรีพลันขาดหายไปในทันที
ซูหว่านรีบผลักเจียงอวี้ให้ไปหลบอยู่หลังฉากกั้น เขาแอบมาหานาง หากพี่สามรู้เข้า คงไม่รอดแน่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...