เจียงอวี้เองก็รู้ว่ามันไม่เหมาะสม จึงยอมปล่อยให้นางผลักตัวเองไปซ่อนเอาไว้
ซูเฉินเดินมาถึงหน้าประตู ส่วนซูหว่านก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนไขว้มือยิ้มเอียงคอมองซูเฉิน
“พี่สาม มาเสียดึกดื่นมีอะไรหรือ?”
ซูเฉินก้าวเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองไปรอบๆ เหมือนกำลังหาคน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ลืมตอบคำถามของซูหว่าน
“ได้ยินเสียงเจ้าเล่นกู่เจิ้งขาดๆ หายๆ เลยคิดว่าจะมาดูเสียหน่อย เป็นอะไรไป ฝึกซ้อมไม่ค่อยราบรื่นหรือ?”
คำแก้ตัวของเขานี้ ดูจะไม่เหมือนกับที่หลิวอวิ๋นพูดก่อนหน้านี้เลย
“ไม่หรอก ราบรื่นดี ฝึกซ้อมก็มักจะเล่นๆ หยุดๆ อยู่แล้ว” ซูหว่านพูดพลางมีท่าทีแอบรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย
ซูเฉินเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เขาเดินเข้ามาหาซูหว่านแล้วเอ่ยยิ้มๆ
“ให้พี่สามได้ฟังเจ้าเล่นเพียงลำพังได้ไหม?”
“ได้สิ ข้าจะบรรเลงเพลงให้พี่สามฟัง ถ้าเล่นไม่ดี พี่สามอย่าถือสาก็แล้วกันนะ” ซูหว่านตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เจียงอวี้กอดอกซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น เขารู้ดีว่าซูเฉินรู้ตัวแล้ว เพียงแต่ยังไม่พูดออกมาเท่านั้น
ซูเฉินนั่งลงตรงที่ที่เจียงอวี้เคยนั่ง เขามองเก้าอี้ตัวนั้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ยกมือปัดไปมา ทั้งที่มันไม่ได้มีฝุ่นสักนิด
ซูหว่านบรรเลงเพลงสุ่มๆ สองสามบทเพลงให้ซูเฉินฟัง ซูเฉินฟังอย่างมีความสุข เห็นน้องสาวช่างมีความสามารถถึงเพียงนี้ ก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
น้องสาวของเขานี่เก่งจริงๆ ทำได้หมดทุกอย่าง
หลังจากซูหว่านบรรเลงจบแล้ว ก็หันไปมองซูเฉินแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“พี่สามคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะหรือไม่?”
ซูเฉินพยักหน้าตอบว่า
“เพราะสิ แน่นอนว่าเพราะ แต่พี่ไม่มีความรู้มาก เลยพูดคำชมไม่เก่ง รู้แค่ว่าเพราะจริงๆ”
คำพูดนี้ทำให้ซูหว่านนึกย้อนถึงตอนอยู่ที่หุบเขาซานหยางขึ้นมาอีก พี่สามเคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเหมือนจะพูดถึงขนมข้าวซอยตัดอะไรสักอย่าง
“พี่สามจะกลับไปพักผ่อนเลยหรือไม่?”
ซูหว่านพูดออกไปอย่างขอไปที เพราะในใจยังคิดถึงเจียงอวี้ที่อยู่ตรงนี้ อยากรีบไล่พี่สามกลับไปก่อน แล้วค่อยจัดการเจียงอวี้ต่อ
ซูเฉินจะไม่รู้ทันความคิดเล็กๆ ของซูหว่านได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น กระแอมเล็กน้อย
ร่างทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง สู้กันอย่างดุเดือด เจียงอวี้เอาแต่ตั้งรับ ขณะที่อีกฝ่ายบุกโจมตีอย่างรุนแรงไม่หยุด
ซูเฉินกำลังเดือดดาล กระบวนท่าจึงรวดเร็วและหนักหน่วงเป็นพิเศษ
เจียงอวี้ไม่อยากสู้กับเขาจริงจัง จึงกระโดดขึ้นกำแพง แต่ซูเฉินไม่ยอมลดละ ไล่ตามมาติดๆ ทั้งสองไล่ต้อนไปตามหลังคาและกำแพงจวนสกุลซู
สุดท้ายทั้งคู่ก็ออกไปถึงด้านนอกจวน เจียงอวี้เลิกหลบ ยอมให้เขาต่อยเต็มแรงหนึ่งหมัดที่ใบหน้า และอีกหนึ่งฝ่ามือซัดเข้าที่อก
ยังดีที่ซูเฉินเห็นว่าเขาไม่ตอบโต้จึงผ่อนแรงลงกว่าครึ่งหนึ่ง ทำให้เจียงอวี่เพียงแค่ไอออกมาไม่กี่ครั้งเท่านั้น
“ทำไมไม่หลบ? หากเมื่อครู่ข้าไม่ผ่อนแรง เจ้าคงล้มไปอย่างน้อยครึ่งเดือน” ซูเฉินหอบเล็กน้อย มองเจียงอวี้ด้วยความโกรธ
เจียงอวี้ใช้ปลายลิ้นดุนแก้มตัวเอง แล้วยิ้มออกมาอย่างยียวน
“ข้ามีความผิด ให้เจ้าลงโทษไม่ได้หรือ?”
ซูเฉินได้ยินแล้วก็ยังคงไม่สบอารมณ์นัก แต่ความอึดอัดในใจก็ค่อยๆ คลายไป
“สกุลซูของเรามีประตูใหญ่ เจ้าไม่คิดใช้ กลับทำตัวราวกับโจร?”
“ช่วยไม่ได้ พี่ใหญ่ไม่อนุญาตให้ข้ามา!” เจียงอวี้พูดออกมาอย่างน้อยใจ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...