กู้เย่ว์เดินเข้าไปในห้องรับแขก เพื่ออวยพรวันเกิดหวังเฟย ตอนนั่งลง แม่ซูก็นั่งอยู่ตรงข้ามนาง
แม่ซูเห็นกู้เย่ว์ ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เรื่องของนาง ตนได้ยินพวกลูก ๆ เล่าแล้ว
เพียงแต่ ตอนสายตาของทั้งสองคนสบกัน กู้เย่ว์เห็นดวงตาของนางมีน้ำตาเอ่อ แม่ซูเบือนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ปฏิเสธที่จะสบตากับนาง
เรื่องนั้น ยังคงอยู่ในใจของนาง เด็กที่เลี้ยงดูมาหลายสิบปี ถึงแม้ฐานะทางบ้านจะไม่ดี แต่ก็เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ด้วยความรักและทะนุถนอมเป็นอย่างมาก
ต่อมา นางเรื่องที่นางทำกับเจ้าสี่ ก็ทำให้นางรู้ว่า ลูกสาวคนนี้ ไม่เหมาะจะอยู่ในตระกูลซูของพวกเขา คนในตระกูลซูอย่างพวกเขาต่างคิดถึงกัน ยามคับขันแค่คิดว่าจะปกป้องอีกฝ่ายอย่างไร ไม่มีทางลากอีกฝ่ายมาชดใช้กันด้วยชีวิต
ผิดหวังแล้ว เวลาผ่านไปนานแล้ว นางรู้สึกเลื่อนลอย ตอนเจอกันอีกครั้ง คลื่นลมสงบ แค่รู้สึกอึดอัด
ไม่นาน ซูจิ่งกับซูเฉิน รวมถึงมู่หรงไหวก็มาแล้ว หลังจากอวยพรวันเกิดหวังเฟยก็ถอยออกไป
ระหว่างนั้น ซูจิ่งกับซูเฉินเพิกเฉยต่อกู่เย่ว์
ถึงจะกวาดตามองแวบหนึ่ง แต่ก็รีบเบือนสายตาไปทางอื่นอย่างเงียบ ๆ ทำให้หัวใจของกู้เย่ว์ รู้สึกเหมือนหล่นเข้าไปในโพรงน้ำแข็ง
ซูหว่านช่างโชคดีจริง ๆ จากตระกูลกู้ กลับมายังตระกูลซู แค่ปีเดียว นางยังเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ ข้างกายไม่ขาดคนปรนนิบัติ ตอนนี้เหล่าพี่ชายล้วนมีอนาคตแล้ว แต่ความรักของพวกเขาไม่ใช่ของตัวเองแล้ว พวกเขาทำได้เพียงยืนอยู่ข้างหลังซูหว่าน คอยมองตัวเองอย่างเงียบ ๆ
ซูจิ่งกับซูเฉินไปหาซูหว่าน สุดท้ายเจอซูหว่านตรงระเบียงทางเดิน นางกำลังพูดคุยและหัวเราะกับเจียเฉิงจวิ้นจู่
เจียเฉิงจวิ้นจู่นิสัยตรงไปตรงมา ไม่ถือตัว ได้ยินว่าถึงนางจะเป็นหญิง แต่ความสนใจและงานอดิเรกล้วนเป็นการขี่ม้ายิงธนู เล่นโปโลและโยนหม้อ
ทุกครั้งที่ราชวงศ์ล่าสัตว์ นางมักจะล่าเหยื่อได้มากมาย เทียบได้กับผู้มีความสามารถในหมู่สตรี
คนแบบนี้เข้ากันได้สบายมาก ไม่จำเป็นต้องพยายามมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิด ซูหว่านชอบเจียเฉิงจวิ้นจู่มาก
“หวานหว่าน!” ซูเฉินเรียกนางจากด้านหลัง
จวิ้นจู่ทั้งสองหันมาพร้อมกัน ซูหว่านเห็นพี่ชายใหญ่กับพี่สาม ก็ยิ้มกว้าง
“พี่ชายใหญ่พี่สาม”
ทั้งสามเดินเข้าไปใกล้ จวิ้นจู่ทั้งสองเห็นว่าองค์ชายเจ็ดก็อยู่ด้วย จึงรีบลุกขึ้น
“คารวะองค์ชายเจ็ด”
“คารวะองค์ชายเจ็ด” เจียเฉิงกับองค์ชายเจ็ดเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“เกรงใจอะไรกัน อยู่กับข้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี” องค์ชายเจ็ดเข้าถึงง่ายมาก เขาเอามือวางไว้บนไหล่ซูเฉิน และหัวเราะตามใจชอบ
ที่แท้สองสามวันก่อน ซูเฉินเข้าดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำกองรักษาการณ์เมือง ขี่ม้าลาดตระเวนในยามค่ำคืน
เจียเฉิงแอบออกจากจวนอ๋องไปเที่ยวเล่น ถูกคนขโมยจี้หยก โชคดีนางรู้ตัวทัน นางจึงตะโกนเสียงดัง กำลังคิดจะไล่ตาม แต่ซูเฉินบังเอิญมาเจอ จึงกระโดดลงจากม้า จากนั้นใช้วิชาตัวเบา จับขโมยได้อย่างรวดเร็ว ได้รับเสียงชื่นชมจากทุกคน คนเดินถนนต่างปรบมือให้ไม่หยุด
ซูเฉินคืนหยกให้เจียเฉิงแล้วขึ้นม้าจากไป โดยไม่หันกลับมามอง ทำให้เจียเฉิงไม่ได้ถามชื่อเขา ยังคิดว่าเขาเป็นคนเย็นชามากเสียด้วยซ้ำ
ทว่า ฝีมือไม่กี่กระบวนท่าของซูเฉินทำให้นางเลื่อมใสมาก จึงจดจำไว้ในใจ
เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง ช่างมีวาสนาจริง ๆ
“เรื่องนั้น ต้องขอบคุณเจ้า ที่ช่วยเอาจี้หยกกลับมาให้ข้า นั่นเป็นของที่พี่ชายมอบให้ข้า มันสำคัญกับข้ามาก” เจียเฉิงขอบคุณซูเฉิน ใบหน้าแดงเรื่อ
สองพี่น้องลงจากว่าราชกิจเปลี่ยนชุดแล้วจึงมายังจวนอ๋อง ซูเฉินสวมชุดสีหมึก วันนี้มิได้แต่งตัวเรียบร้อย ปล่อยแขนเสื้อลงมา ยังมีความสง่าของคุณชายเล็กน้อย
ซูเฉินเกิดมาหล่อเหล่าอยู่แล้ว เป็นความหล่อเหลาแบบชายชาตรี เหมือนกับนักกีฬา
“จวิ้นจู่เกรงใจเกินไปแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ต่อให้ข้าไม่ใช่รองผู้บัญชาการประจำกองรักษาการณ์เมือง ข้าพบเจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องออกโรงอยู่แล้ว”
ซูเฉินยิ้มแบบไร้เดียงสาเล็กน้อย หลัก ๆ ก็คือชอบช่วยเหลือคนอื่น

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...