เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 498

"ส่วนพวกนั้น คือเจ้าเสี่ยวจวี๋ สุ่ยโม่ ฉางเฟิง และเสี่ยวฮวา" เจียเฉิงชี้ไปยังแมวเหล่านั้นพลางแนะนำ

ซูหว่านที่ชื่นชอบแมวหัวกลมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินว่าเจียเฉิงจะมอบแมวให้

"ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ เพราะหน้าข้าค่อนข้างหนาอยู่แล้ว และข้าก็รักแมวมาก เพียงแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เลี้ยงเลย"

ซูหว่านคิดในใจว่าการได้เลี้ยงแมวสักสองตัวก็คงดีไม่น้อย พวกมันสามารถมอบความสุขทางใจได้ แถมยังช่วยเยียวยาจิตใจอีกด้วย

"ไม่เป็นไรอยู่แล้ว อย่างไรเสียถ้าเยอะเกินไปก็เลี้ยงไม่ไหว ข้าน่ะไม่ค่อยถูกชะตากับพวกคุณหนูจากเมืองหลวงเท่าไหร่นัก พวกนางมาขอข้าก็ไม่ยอมให้นางหรอก แต่เจ้าไม่เหมือนใคร ข้ารู้สึกว่าได้เล่นกับเจ้าแล้วสบายใจกว่ามาก”

เจียเฉิงเป็นคนตรงไปตรงมา นางมักจะแสดงความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เล่นกับแมวกันอยู่ตรงนั้นจนขนแมวติดเสื้อผ้าไปหมด กระทั่งมีคนจากเรือนหน้ามาแจ้งว่างานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว ทั้งสองจึงจัดแจงทำความสะอาดร่างกายอย่างง่ายๆ ก่อนจะไปยังเรือนหน้า

แคว้นจิ้นไม่ถือสาเรื่องการนั่งร่วมโต๊ะของชายหญิง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถนั่งร่วมรับประทานอาหารกันได้ ทว่าผู้ที่มิได้คุ้นเคยกันดีนักก็ยังคงแยกกันนั่งไปตามมารยาทเว้นแต่เป็นพี่น้องกัน ซูหว่านนั่งร่วมโต๊ะกับซูจิ่งและซูเฉิน อย่างไรเสียบนโต๊ะอาหารก็มีตะเกียบกลางสำหรับทุกคนอยู่แล้ว จะได้ไม่มีใครเอาไปนินทาได้

มู่หรงไหวก็มาร่วมรับประทานด้วย เจียเฉิงจึงถือโอกาสนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาอย่างมิขัดเขิน ส่วนกู้เย่ว์ก็ไปนั่งร่วมโต๊ะกับองค์ชายห้ามู่หรงเซิง

มู่หรงเซิงนั้นสนิทสนมกับองค์ชายหก จึงนั่งร่วมโต๊ะกันพร้อมด้วยคุณชายสูงศักดิ์อีกสองคน ซึ่งเจียเฉิงแนะนำว่าเป็นท่านโหวน้อยจากจวนจงหย่งโหวและจวนซุ่นเต๋อโหว

ทว่าการที่กู้เย่ว์กับองค์ชายห้าอยู่ด้วยกัน ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ทุกคนต่างพากันคาดเดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ในสายตาคนนอก ทั้งสองคนไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันได้เลย

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะดึงสองตระกูลใหญ่นี้เข้ามาเป็นพวกแล้ว หลังจากที่ฟังเจียเฉิงอธิบาย ซูหว่านก็นึกขึ้นได้ว่า ในเนื้อเรื่องเดิมสองคนนี้เป็นแค่คนตามตื๊อกู้เย่ว์ การที่พวกเขามาร่วมมือกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ตอนนี้สามารถยืนยันได้ว่า เจียงอวี้กับพี่ชายของตนนั้นวางตัวเป็นกลาง เมื่อปราศจากสองอำนาจนี้แล้ว มู่หรงเซิงก็คงจะชิงตำแหน่งฮ่องเต้ได้ยาก

มู่หรงไหวนั่งอยู่ตรงข้ามซูหว่าน สนทนากับซูเฉินอย่างออกรสออกชาติ องค์ชายเจ็ดผู้นี้รูปงามไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเจียงอวี้แล้ว นางก็ยังรู้สึกว่าเจียงอวี้ดูดีกว่า และถูกจริตกับความชอบของนางมากกว่า

ซูหว่านเริ่มรู้สึกตัวว่าทำไมนางถึงเอาแต่คิดถึงเจียงอวี้อยู่เรื่อย ๆ ในชั่วขณะนั้นก็รู้สึกร้อนรนจนว้าวุ่นใจ

บทกวี ‘เจียงจิ้นจิ่ว’ บทนั้นเรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นเลิศที่หาใครเทียบได้ยากยิ่งในรอบร้อยปี นับแต่ที่บทกวีนี้เผยแพร่ออกมาก็สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ทุกคนอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่องค์ชายเจ็ดไม่ยอมเปิดเผยชื่อและที่มาของผู้แต่ง ไม่อย่างนั้นคงจะสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการกวีไม่น้อยเลย

“หวานหว่าน บทกวีเจียงจิ้นจิ่วขององค์ชายเจ็ดนี้ แม้แต่ข้ายังรู้สึกละอาย ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจประพันธ์บทกวีได้ดีเช่นนี้ แต่เจ้ากลับบอกว่า มีสหายของเจ้าคนหนึ่งแต่งบทกวีได้ดีเท่ากัน ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าบทกวีแบบไหนกันที่สามารถทัดเทียมกับเจียงจิ้นจิ่วได้"

ปกติซูจิ่งก็ชอบแต่งโคลงกลอนอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสนใจบทกวีของซูหว่านมากเป็นพิเศษ

“นั่นสิ บทกวีของสหายข้าคนนี้น่าทึ่งยิ่งนักแล้ว ขอข้าฟังหน่อยซิว่าเป็นบทกวีใดกันที่สามารถเทียบเคียงกับเจียงจิ้นจิ่วได้"

มู่หรงไหวพลางคิดในใจ เมื่อบทกวีของหลี่ไป๋ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนทั้งงานต่างตกตะลึง เพราะมันเป็นผลงานระดับสุดยอด แล้วในยุดนี้ยังจะมีกวีที่เก่งกาจกว่าหลี่ไป๋อีกหรือ

ซูหว่านเล่นสำบัดสำนวนเล็กน้อย และก็สามารถเรียกความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ จนบางคนที่รู้สึกสนใจเป็นพิเศษก็เข้ามามุงดูกันอย่างครึกครื้น

กู้เย่ว์มองมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าซูหว่านกลายเป็นจุดสนใจ นางอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากและคิดในใจว่า นางคนนี้ช่างชอบทำตัวเด่นเสียเหลือเกิน

บทกวี ‘เจียงจิ้นจิ่ว’ ที่นางเพิ่งได้ยินนั้น น่าจะเรียกได้ว่าไม่มีปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนใดในยุคนี้จะเทียบได้ แล้วนางไปรู้จักเพื่อนคนใดที่สามารถแต่งบทกวีที่ดียิ่งกว่า ‘เจียงจิ้นจิ่ว’ ได้อีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม