เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 499

ซูหว่านคลี่ยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย ในเมื่อทุกคนปรารถนาจะฟังนางก็จะร่ายให้ฟัง อย่างไรเสียนางก็เอ่ยไปแล้วว่าเป็นบทกวีของสหาย หาได้เกี่ยวอะไรกับตัวนางไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือก็เพื่อเปิดเผยตัวตนคนบ้านเดียวกัน

"บทกวีที่สหายของข้าแต่งไว้เป็นเช่นนี้ ขอพวกท่านตั้งใจฟังให้ดี!"

ซูหว่านเปิดเผยปริศนาที่ปกปิดไว้ นางกระแอมไอกระแอมอีกครั้ง ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“ลมแรงฟ้าสูงเสียงลิงโศก

ปักษาโบกกลับรังพลันเหว่ว้า

ใบไม้ร่วงโรยไม่สิ้นทิวา

แม่น้ำเชี่ยวไหลบ่าหลั่งริน

หมื่นลี้พลัดถิ่นในยามเศร้า

ร้อยปีป่วยเหงาสู่หอคอยเดียวดายยิ่ง

ความยากลำบากจนผมขาวพรั่งพริ้ง

ต้องหยุดดื่มทุกสิ่งจิตระทม!”

สำหรับบทกวีชื่อ ‘เติงเกา’ นี้ ซูหว่านรู้สึกว่าเทียบเคียงกับเจียงจิ้นจิ่วได้ เมื่อนำบทกวีทั้งสองมาเทียบกันแล้วก็ถือว่าไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

หากมู่หรงไหวสามารถอุปโลกน์สหายขึ้นมาได้ นางก็สามารถทำได้เช่นกัน

ตอนที่นางกำลังร่ายกวีนั้น ก็มีผู้คนนำกระดาษและปากกาออกมาจดบันทึกเอาไว้

เมื่อทุกคนได้ฟังจบก็เผยสีหน้าตกตะลึง เพราะกวีบทนี้มีความหมายลึกซึ้งและชวนให้ตีความ

โดยเฉพาะมู่หรงไหว ในตอนแรกสีหน้ายังคงเป็นปกติ แต่เมื่อได้ฟังบทกวีจบ สีหน้าของเขาก็ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงมาเลยทีเดียว

จากสีหน้าปกติ ก็กลายเป็นตกใจ ตามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายก็ลุกขึ้นยืนอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วก็นั่งลงอีกครั้ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หากไม่ใช่เพราะมีคนมากมายอยู่ที่นี้จะเป็นการไม่เหมาะสม มู่หรงไหวคงจะเดินเข้าไปหาซูหว่านเพื่อขอความกระจ่างแล้ว

โอ้พระเจ้า! อยู่ในยุคนี้มาหลายปี ในที่สุดก็เจอพวกเดียวกันแล้ว

เดิมทีเคยคิดว่ามีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่เดินทางทะลุมิติมา ไม่นึกเลยว่าจะมีคนอื่นด้วย

ความจริงแล้วในวันนี้ที่เขาเผยแพร่บทกวีนี้ออกมา ก็แค่ต้องการตามหาพวก และอยากรู้ว่ายังมีคนเดินทางข้ามมิติเช่นเขาอยู่อีกไหม ขอเพียงเป็นคนที่เคยร่ำเรียนมาบ้างย่อมต้องคุ้นเคยกับบทกวี ‘เจียงจิ้นจิ่ว’ เป็นอย่างดีแน่นอน

ต่อให้เป็นคนที่ไม่ได้ร่ำเรียนมามากนัก อย่างไรก็คงต้องเคยได้ยินบทกลอนอมตะที่เขาว่ากันมาบ้างไม่มากก็น้อย

ทางฝั่งกู้เย่ว์ เมื่อมู่หรงเซิงได้ฟังบทกวีจบก็กล่าวชื่นชมไม่ขาดปากพลางพยักหน้าอยู่หลายครั้ง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านโหวน้อยทั้งสอง ขณะที่กู้เย่ว์ได้แต่กลอกตาด้วยความไม่พอใจ

ในใจนึกตำหนิซูหว่าน บทกวีก็ไม่ใช่ของของตัวเอง แต่กลับนำออกมาโอ้อวด

ทั้งที่ซูหว่านก็อธิบายอยู่หลายครั้ง ว่าไม่ได้เอาความดีความชอบเข้าตัวเอง แล้วยังต้องการอะไรอีก

“องค์ชายเจ็ด ข้าไม่ได้โกหกท่านใช่ไหม บทกวีนี้เทียบได้กับเจียงจิ้นจิ่วจริงๆ ใช่ไหม"

มู่หรงไหวพยักหน้าหงึกๆ

“ใช่แล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย วิเศษจริงๆ วิเศษจริงๆ!"

มู่หรงไหวยกนิ้วโป้งขึ้นพลางยิ้มอย่างเซ่อซ่า ไม่ได้การ เขาต้องหาโอกาสพบกับซูหว่านแล้วพูดคุยกันสักหน่อยแล้ว

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนต่างกลับไปที่นั่งของตน เจียเฉิงดูตื่นเต้นมาก นางเอาแต่ดึงแขนซูหว่านและพูดคุยกันกระซิบกระซาบ

หวังเฟยเห็นจวิ้นจู่ทั้งสองสนิทสนมเข้าขากันได้ดี จึงยิ้มแย้มด้วยความปลาบปลื้ม

ฮูหยินเสิ่นพาแม่ซูไปยังบริเวณจัดเลี้ยงสำหรับบรรดาฮูหยินโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น รู้เพียงว่ามันคึกคักมาก

แม่ซูอยู่มานานขนาดนี้จึงเริ่มคุ้นชินกับงานเช่นนี้แล้ว เพียงแต่ตอนทานอาหารมีกฎระเบียบและมารยาทบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งนางยังไม่เข้าใจ จึงทำได้เพียงมองฮูหยินเสิ่นและทำตามสิ่งที่ผู้อื่นทำ จะได้ไม่ทำให้เป็นเรื่องน่าตลก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม