คำนับครั้งที่สองขอให้รักใคร่และปรองดองผืนดินก็กลายเป็นทอง คำนับครั้งที่สาม”
สุดท้ายคือพิธีคารวะระหว่างสามีภรรยา ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากัน
“คำนับครั้งที่หนึ่ง มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน*”*
“คำนับครั้งที่สอง สามีภรรยารักใคร่กัน มีลูกชายไว ๆ”
“คำนับครั้งที่สาม ครองคู่จนแก่เฒ่า รักกันกลมเกลียวตลอดไป พิธีเสร็จสิ้น!”
เมื่อพิธีดำเนินมาจนเสร็จสิ้น ในงานก็มีเสียงปรบมือดังด้วยความอบอุ่นดังขึ้น เพื่อแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ที่สวรรค์บันดาลให้เป็นคู่ชีวิตกัน
ซูหว่านถึงกับตื้นตันจนหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งออกมา
ไม่ง่ายเลย มันไม่ง่ายเลย เดินมาถึงจุดในวันนี้ พี่ชายใหญ่ช่างยากลำบากจริง ๆ
สุดท้ายแล้วก็ถึงพิธีส่งเข้าห้องหอ พี่ชายใหญ่ต้องอยู่เลี้ยงอาหารแขกตรงโถงด้านหน้า ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่ก็ส่งกลับเรือนหอ
อีกสักพัก ซูหว่านกับซุนหลิงเอ๋อร์จะไปอยู่เป็นเพื่อนนาง เพื่อไม่ให้นางรู้สึกเบื่อเมื่ออยู่ในห้องคนเดียว
พี่สาวสองคนของนางล้วนแต่งงานแล้ว มาอยู่ด้วยไม่ได้ ดังนั้นจึงมีเพียงซูหว่านผู้เป็นน้องสาวสามีเท่านั้นที่สามารถมาได้
ตอนนางกำลังจะตามไปยังห้องหอ พอหันกลับไปก็พบว่าเจียงอวี้กำลังยืนอยู่ข้างหลังนาง จึงชนเข้ากับอกของเขาเข้าอย่างจัง
เจียงอวี้ประคองไหล่ของนาง ทำให้นางยืนมั่นคง ซุนหลิงเอ๋อร์อยู่ข้าง ๆ กลับทำหน้าเหมือนถูกกระแทก
มีเพียงเจียเฉิงที่กะพริบตาปริบ ๆ ทำท่าเหมือนไม่เข้าใจ
ทำไมเจียงกั๋วกงซื่อจื่อถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? แถมดูเหมือนจะสนิทกับพี่หญิงหวานหว่านเสียด้วย
ซูหว่านหน้าแดง และกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า
“ทำไมท่านยืนอยู่ข้างหลังข้าถึงไม่ทักทายกันล่ะ?”
สีหน้าของเจียงอวี้ภายใต้หน้ากากไม่ชัดเจน แต่มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“เพราะเจ้าเคลิบเคลิ้มจนเกินไป จึงไม่สังเกตเห็น”
แน่นอนว่า เมื่อครู่เจียงอวี้อยู่ข้างหลังนางตลอด แต่นางไม่รู้ตัวเลยสักนิด ได้เห็นงานแต่งของซูจิ่งกับเสิ่นชิงหลี เขาเองก็รู้สึกตื้นตันใจมาก
เขาตั้งตาคอยที่จะแต่งงานกับซูหว่านในอนาคต เขาต้องมอบงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และยากจะลืมเลือนให้กับนาง
เขาเฝ้าคอยให้วันนั้นมาถึงอย่างมาก แค่คิดมุมปากก็อดยกยิ้มไม่ได้
พูดมาถึงตรงนี้ เจียเฉิงก็ก้มหน้ายิ้มอย่างเขินอาย ในหัวคิดถึงร่างของคนคนหนึ่ง แล้วหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ไปกันเถอะ พวกเราไปดูตรงครัวด้านหลังกัน ทำอาหารไปให้พี่สะใภ้ของข้าหน่อย”
ซูหว่านเคารพคำสั่งของพี่ชายใหญ่ เมื่อถึงห้องครัวก็ทำน้ำแกงไก่ที่ตักน้ำมันออกถ้วยหนึ่ง แล้วทำข้าวต้มผักอีกถ้วย แล้วยังมีขนมอีกหนึ่งถ้วยจากนั้นถือไปยังเรือนหอ
เสิ่นชิงหลีนั่งอยู่ในห้องอย่างซื่อตรง มีเสียงประดับดังมาจากข้างนอกเป็นระยะ สาวใช้ที่เฝ้าอยู่ตรงประตู เดินไปมาในลานบ้านอย่างวุ่น ๆ
ลานบ้านของซูจิ่งตกแต่งตามความชอบของนาง นางชอบดอกไห่ถังกับพุดซ้อน ในลานบ้านจึงปลูกดอกไห่ถังกับพูดซ้อนเต็มไปหมด แถมยังสร้างชิงช้าให้นางด้วย โดยรวมไม่ต่างกับตอนที่นางอยู่จวนเสิ่นสักเท่าไหร่ ของตกแต่งภายในห้อง ไม้ที่เลือกใช้ก็เป็นแบบเดียวกับที่นางใช้ในห้องตามปกติ
บนโต๊ะเครื่องแป้ง มีทั้งกระจกทองแดง หวีไม้ เครื่องประดับแบบต่าง ๆ ชาดทาแก้ม แป้งน้ำ และยังมียาบำรุงผิวของปิงจีถัง มีทุกอย่างที่ควรมี
พอนางมาถึงตรงนี้ ก็เหมือนกลับบ้านของตัวเอง รู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัยมาก จากสิ่งนี้สามารถมองเห็นน้ำใจที่ซูจิ่งมีต่อนาง
เล่อเอ๋อร์อยู่ข้าง ๆ นาง เมื่อเห็นทุกอย่าง ก็หยอกคุณหนูของตนว่า
“คุณหนู…โอ้ไม่ ตอนนี้ควรเรียกท่านว่าฮูหยินแล้ว ฮูหยิน ลูกเขยของพวกเราดีกับท่านจริง ๆ ลานบ้านนี้ล้วนตกแต่งตามความชอบของท่าน บ่าวเข้ามา ยังคิดว่ากลับไปยังสวนดอกไห่ถังของพวกเราเสียอีก”
เสิ่นชิงหลีได้ยินแบบนั้น ก็ก้มหน้ายิ้มด้วยความเขินอาย พอคิดว่าวันนี้แต่งงานกับซูจิ่งแล้ว นางยังรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่เลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...