เขาคงไม่สามารถบุกไปถึงจวน แล้วขอร้องให้เขาแต่งงานกับตนเองได้หรอกกระมัง?
……
ยามพลบค่ำ งานเลี้ยงที่จวนสกุลซูได้เลิกราแล้ว องค์ชายห้าและองค์ชายหกกลับไปนานแล้ว ส่วนมู่หรงไหวและซูเฉินนั้นดื่มจนเมามาย กอดคอกันพูดจาเรื่อยเปื่อย
เจียงอวี้เองก็ดื่มไปไม่น้อย เขาใช้มือยันศีรษะพลางหลับตาอยู่ ไม่แน่ใจว่าหลับไปแล้วหรือเพียงแค่พักผ่อน
สุดท้าย เป็นขันทีน้อยสองคนข้างกายมู่หรงไหวที่ช่วยพยุงเขากลับจวนองค์ชายเจ็ด
ตอนที่เดินผ่านหน้าซูหว่าน เขายังยิ้มร่าแล้วเอ่ยขึ้นว่า
“สหาย ไว้เจอกันใหม่!”
หัวใจของซูหว่านกระตุกวูบ นางคิดในใจว่า แค่ดื่มเหล้าเข้าไปหน่อยก็ลำพองใจเสียแล้ว หากความลับเปิดเผยขึ้นมาจะทำเช่นไร?’
นางรีบแสร้งทำเป็นหยอกล้อว่า
“องค์ชายเจ็ดช่างมีอารมณ์ขันนัก สหายที่ว่าคือสิ่งใดหรือเพคะ?”
พี่รองก็เมาไม่ต่างกัน ซุนหลิงเอ๋อร์ประคองเขากลับห้อง ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดเนื้อเช็ดตัว ทว่าซูมู่กลับกลายร่างเป็นหมาป่าน้อย โถมเข้าใส่ซุนหลิงเอ๋อร์จนล้มลงบนตั่ง แล้วก้มศีรษะลงจุมพิตริมฝีปากของนาง
เนิ่นนานผ่านไป เขาก็พึมพำขึ้นประโยคหนึ่งว่า
“หลิงเอ๋อร์ อีกไม่นานพวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่?”
กล่าวจบ ซูมู่ก็ซบศีรษะลงบนซอกคอของนางแล้วหลับใหลไปในที่สุด
หัวใจของซุนหลิงเอ๋อร์เต้นระรัว แต่กลับแย้มยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและหวานล้ำ นางโอบรอบเอวของเขา แล้วกระซิบแผ่วเบาว่า
“ย่อมต้องดีใจอยู่แล้ว”
……
ซูอวิ๋นและซูอี้รับหน้าที่ดูแลพี่สาม ส่วนซูหว่านหลังจากส่งเจียเฉิงขึ้นรถม้าแล้วจึงกลับมา
ในโถงรับรองว่างเปล่าไร้ผู้คน
เดิมทีซูจิ่งตั้งใจจะครองสติให้สมบูรณ์ แต่ก็ยังมึนเมาไปถึงเจ็ดส่วน เดินโซซัดโซเซกลับมาถึงห้องหอของตน
เหล่าสาวใช้เห็นดังนั้นก็รีบถอยออกจากลานบ้านไป
เมื่อผลักประตูเข้าไป เสิ่นชิงหลีได้แต่งกายใหม่เรียบร้อยแล้ว ในมือกำลังถือพัดนั่งรออย่างสงบบนขอบตั่ง
แม่สื่อยังต้องอยู่ดูทั้งสองดื่มสุรามงคลสมรส กินเกี๊ยวดิบ พร้อมกล่าวคำอวยพรอีกมากมายจนจบแล้วจึงจากไป
เสิ่นชิงหลีเผลอกินไปถึงสามชิ้นอย่างไม่ทันคิด จึงถูกหยอกล้อว่าในอนาคตคงต้องมีบุตรถึงสามคน ทำเอานางอับอายยิ่งนัก
ภายในห้องเหลือเพียงคนสองคน ซูจิ่งหยิบพัดของนางออก บรรจงถอดมงกุฎบนศีรษะให้อย่างแผ่วเบา แล้วจึงช่วยนวดคลึงต้นคอให้นาง
“ข้านึกว่าท่านกลับไปแล้วเสียอีก”
ซูหว่านเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง เจียงอวี้รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางกลับมา เขาจงใจรอนางอยู่ที่นี่
เขาขยับตัวอย่างเป็นธรรมชาติ เว้นที่ว่างบนชิงช้าให้ครึ่งหนึ่ง แล้วตบลงบนที่ว่างเป็นเชิงให้นางนั่งลง
ซูหว่านก็นั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน ทันทีที่นั่งลง มือข้างหนึ่งของเจียงอวี้ก็อ้อมจากด้านหลังมาโอบนางไว้ ส่วนมืออีกข้างก็โอบรอบเอวของนางจากด้านหน้า แล้ววางศีรษะลงบนบ่าของนาง ราวกับเป็นสามีขี้อ้อนตัวน้อย
ซูหว่านคิดในใจ เป็นอะไรไป? ยังจะมาทำตัวออดอ้อนอีก
ทว่า ถึงในใจจะตำหนิ ปากกลับไม่ได้ว่ากระไร เพียงปล่อยให้เขาพิงนางอยู่อย่างนั้น
สำหรับวาจาของกู้เย่ว์ในวันนี้ นางก็เก็บมาขบคิดอยู่บ้างเหมือนกัน เพียงแต่นางสงสัยว่า ว่าที่ลูกสะใภ้ในใจของเจียงกั๋วกงคือผู้ใดกันแน่
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เจียงอวี้ก็เอ่ยขึ้นว่า
“อีกเดี๋ยวข้าจะกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปพูดคุยเรื่องการสู่ขอกับท่านพ่อ เจ้าจงรอข้า ข้าจะรีบมาแต่งเจ้าแล้ว”
ถ้อยคำที่เขากล่าวเจือความมึนเมาอยู่บ้าง น้ำเสียงที่เอ่ยจึงราวกับกำลังออดอ้อน
ซูหว่านนึกถึงคำพูดของกู้เย่ว์ นางพยักหน้าแล้วรับคำ เจียงอวี้เป็นคนเด็ดขาด นางนึกสมน้ำหน้าเขาอยู่ในใจขณะเดียวกันก็หัวเราะเยาะตนเอง โดยหารู้ไม่ว่า ด้วยนิสัยของเจียงอวี้นั้น เรื่องที่เขาไม่เต็มใจทำ บิดาของเขาก็อย่าได้หวังว่าจะบังคับได้
เขาซบอยู่บนไหล่ของซูหว่านเนิ่นนานจนไม่อยากจะผละจากไป แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ยังทำไม่ได้ เขาต้องสู่ขอนางอย่างเป็นทางการ แต่งนางกลับเข้าบ้านไปให้ได้เสียก่อน เช่นนั้นจึงจะถูกต้องตามธรรมเนียม

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...