“เจ้าค่ะ ท่านกั๋วกง ข้าขอตัวลา”
น้ำเสียงของหนิงเวยสั่นเครือ เจือด้วยเสียงสะอื้น ในโพรงจมูกรู้สึกแสบร้อนอย่างผิดปกติ
ยามที่หันหลัง ในใจนางเหลือเพียงความเคียดแค้นชิงชังที่อัดแน่นเต็มอก
ไม่เป็นไร เจียงอวี้คงอยู่ที่จวนนี้ได้อีกไม่นานเดี๋ยวก็ไป รอให้เขาไปแล้ว ที่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับนาง นางจะทนอีกสักหน่อย
หลังจากที่นางจากไปแล้ว เจียงอวี้ก็ดื่มน้ำแกงหมดถ้วยเช่นกัน เมื่อครู่ท่านพ่อยังนับว่าไว้หน้าเขาอยู่บ้าง ตอนนี้เขาจึงอารมณ์ดีไม่น้อย และถือโอกาสเอ่ยเรื่องของซูหว่านขึ้นมา
“ข้ามีสตรีที่พึงใจแล้วขอรับ” เจียงอวี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เจียงกั๋วกงที่กำลังคีบอาหารอยู่ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองบุตรชายของตนพลางขมวดคิ้ว
หลายวันก่อน เขากำลังกลัดกลุ้มเรื่องคู่ครองของเจียงอวี้อยู่พอดี ตอนนี้เจียงอวี้ก็อายุยี่สิบสามแล้ว เจียงเยี่ยนที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสองปีก็มีอนุถึงสองคนแล้ว มีเพียงเขา ที่ตลอดหลายปีมานี้แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียงก็ยังไม่มี จะไม่ให้เขาร้อนใจได้อย่างไร
ดังนั้นเขาจึงหมายตาจงหลีเอ๋อร์ บุตรสาวสายตรงของจวนซุ่นเต๋อโหวเอาไว้
นางอายุสิบเจ็ดปี มีความสามารถและรูปโฉมงดงาม ที่สำคัญคือตระกูลซุ่นเต๋อโหวไม่ได้มีอำนาจหรืออิทธิพลมากมายนัก การเกี่ยวดองกับจวนกั๋วกงนับว่าฐานะทัดเทียมกันดี เบื้องบนย่อมไม่ขัดข้อง
แต่มาตอนนี้ เขากลับพูดว่ามีสตรีที่พึงใจแล้ว ทำเอาเขาตั้งตัวไม่ทัน เขาต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นใคร แม้ฐานะจะด้อยกว่าอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่เหมาะสมก็พอ
“ผู้ใดรึ? ลองว่ามาให้ฟังสิ”
“น้องสาวของจวนรองเจ้ากรมขุนนาง เซวียนเล่อจวิ้นจู่ ซูหว่านขอรับ!” เจียงอวี้แนะนำอย่างภาคภูมิ ในน้ำเสียงเจือความลำพองใจอยู่บ้าง
เมื่อเจียงกั๋วกงได้ฟัง ก็ทบทวนในใจอย่างละเอียด ชื่อเสียงของเซวียนเล่อจวิ้นจู่นั้นโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง เรื่องราวต่าง ๆ ที่นางได้ทำไว้ รวมทั้งพี่ชายแต่ละคนของนาง ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา
ก่อนหน้านี้เจียงอวี้ก็สนิทสนมกับซูเฉินในค่ายทหาร ดังนั้นการที่เขารู้จักเซวียนเล่อจวิ้นจู่จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทว่าเขาไม่เคยพบเซวียนเล่อจวิ้นจู่มาก่อน จึงยังไม่ขอตัดสินว่านางเป็นคนเช่นไร
แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ของทั้งสองตระกูลแล้ว นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ตระกูลซูในตอนนี้โดดเด่นเกินไป มีขุนนางในตระกูลเดียวถึงสองคน คนหนึ่งฝ่ายบุ๋น คนหนึ่งฝ่ายบู๊ ทั้งยังเพิ่งเกี่ยวดองกับจวนมหาบัณฑิต อำนาจในอนาคตย่อมกว้างขวางสุดจะคาดเดา หากยังมาเกี่ยวดองกับตระกูลกั๋วกงของพวกเขาอีก เกรงว่าเบื้องบนจะมีความเห็นได้
เจียงกั๋วกงมองการณ์ไกล ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะขัดขวางคู่รัก
หากเขาเป็นฮ่องเต้ ก็คงต้องคิดว่าคนพวกนี้กำลังวางแผนก่อกบฏเป็นแน่
การรับใช้เบื้องสูงนั้นเปรียบดั่งการอยู่กับเสือ ตั้งแต่โบราณมาผู้เป็นใหญ่ล้วนขี้ระแวง ชีวิตคนหลายร้อยชีวิตล้วนขึ้นอยู่กับเขาเพียงผู้เดียว เขาจะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไร
“เรื่องแต่งงานของข้า ข้าจะตัดสินใจเอง อย่างมากก็แค่ไม่เป็นซื่อจื่อแห่งจวนกั๋วกง อย่างไรเสียข้าก็ยังมีสำนักเฟิงเย่ว์ แต่ท่านห้ามไม่ได้ว่าข้าจะแต่งกับใคร”
เจียงอวี้รู้ดีถึงเหตุผลทั้งหมดที่เขากล่าวมา
แต่เขาก็ต้องแต่งนางให้ได้ ไม่ว่าใครก็หยุดเขาไม่ได้
เมื่อได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนั้น เจียงกั๋วกงก็ทุบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด แล้วชี้หน้าด่าว่า
“เจ้าลูกอกตัญญู กล่าววาจาโอหัง เจ้าลองฟังดูว่าเจ้าพูดอะไรออกมา? เจ้าคือทายาทสายตรงเพียงคนเดียวของจวนกั๋วกง ในอนาคตตำแหน่งนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสืบทอดได้ แต่ตอนนี้ เพื่อความรักของตนเอง เจ้ากลับยอมเพิกเฉยต่อชีวิตของคนทั้งตระกูล เจ้ามันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ที่ข้าตามใจเจ้า ก็เพราะเห็นแก่หน้าแม่ของเจ้า ไม่ใช่เพื่อให้เจ้ามาทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระเช่นนี้”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...