เขาที่เป็นพี่ชาย นางกลับไม่เคยไว้หน้ากันเลย เวลาคุยเรื่องธุรกิจข้างนอกก็เด็ดขาดมาก พูดคำไหนคำนั้น มีรัศมีความกดดัน แต่พออยู่ต่อหน้าเจียงอวี้กลับกลายเป็นคนมีเหตุผลและเข้าใจผู้อื่นขึ้นมาไปเสียอย่างนั้น
“ได้สิ!”
เจียงอวี้ไม่ได้ทำตัวอิดออดพลันตอบรับคำหนึ่ง บอกตามตรงว่าตั้งแต่โตมา นอกจากคนในครอบครัวแล้ว เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีอ่อนโยนกับสตรีแปลกหน้าคนไหนเลย นับประสาอะไรกับการเรียกชื่อตรงๆ
เขาเองก็นั่งข้างนอกนานแล้ว อดไม่ได้ที่จะไอสองสามครั้ง ทำให้หน้าอกเจ็บแปลบ
เมื่อเห็นว่าเขากุมหน้าอกและขมวดคิ้ว สีหน้าก็ดูไม่สู้ดีนัก ซูหว่านก็รีบเรียกซูอวิ๋นและซูอี้ให้มาประคองเขาพากลับไปเข้านอน
ซูอี้ไม่เท่าไร แต่ซูอวิ๋นดูไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็ยังประคองเขากลับไป
“รบกวนแล้ว!”
หลังจากนอนลง เจียงอวี้ก็กล่าวขอบคุณสองพี่น้อง
“คุณชายเจียงพักผ่อนให้สบายเถิด ในเมื่อพี่ใหญ่กับพี่รองกำชับมา พวกเราจะดูแลท่านเป็นอย่างดี!”
ซูอี้ถือเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อฟังพี่ใหญ่ เขาดูเหมือนเด็กดีและมีเหตุผล แต่ที่จริงแล้วเขามีความคิดเป็นของตัวเองมากที่สุด
ซูอวิ๋นฮึดฮัดอยู่สองสามครั้ง พลางมองเจียงอวี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ก็แค่หล่อกว่าหน่อยเดียว คงถนัดแต่หลอกพวกเด็กสาวล่ะสิท่า
เมื่อครู่เขาเห็นซูหว่านทำเหมือนไม่เห็นค่าของเงินแบบนั้นแล้ว เขาก็โกรธแทบตาย ทำไมถึงไม่ยอมรับการตอบแทนจากผู้อื่นเล่า?
นางเป็นสตรี มีเงินติดตัวไว้บ้างจะไม่ดีกว่าหรือ? พวกเขาในฐานะพี่ชายก็ไม่ได้คิดจะเอาเปรียบนางแม้แต่น้อย
ซูอวิ๋นเป็นพวกที่มองโลกตามความเป็นจริง การที่เขามีความคิดแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“เรียกข้าว่าเจียงอวี้ก็พอ!”
หลังจากนี้เขายังต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก ไม่ต้องทำตัวห่างเหินกันขนาดนั้นก็ได้
บ่ายวันนั้นเหอเจียวหลันมาที่บ้านตระกูลซู นำต้นกล้าผักกาดขาวมาให้กำหนึ่ง เป็นต้นกล้าผักกาดขาวฤดูหนาว ปลูกตอนนี้พอเข้าหน้าหนาวก็กินได้แล้ว พอโตเป็นผักกาดขาวหัวใหญ่ ให้เอาไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินก็จะสะดวกต่อการเก็บรักษาด้วย
“น้องซูหว่าน ข้าเอาต้นกล้าผักกาดขาวฤดูหนาวมาให้พวกเจ้าด้วย รีบเอาไปปลูกลงดินในตอนที่แดดยังไม่จัดมากสิ!”
แม้นางจะถือต้นกล้ามา ทว่าสายตาของนางกลับยังคงกวาดมองไปรอบๆ ลานบ้านไม่หยุด เมื่อไม่เห็นคนที่อยากเจอ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ซูหว่านบอกกับนางตรง ๆ จากอีกฝั่งของรั้วบ้าน
หลายปีมานี้เหอเจียวหลันมักจะแวะเวียนมาแสดงน้ำใจอยู่เรื่อย ๆ ให้ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้บ้านตระกูลซูจดจำความดีของบ้านนางเอาไว้
ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สำคัญอะไร เช่น แบ่งต้นกล้าผักให้ ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งพอที่บ้านนางเชือดไก่ก็ยังยกน้ำแกงมาให้ชามหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงที่ซูจิ่งอยู่ที่บ้าน
พ่อของเหอเจียวหลันเป็นผู้ใหญ่บ้าน ควรจะช่วยเหลือลูกบ้าน เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เด็กๆ ที่บ้านต้องเรียนหนังสือ ต้องใช้เงิน ส่วนใหญ่ก็จะไปขอยืมจากผู้ใหญ่บ้าน และเขาก็ให้ยืมบ้างไม่มากก็น้อย เด็กห้าหกคนไปโรงเรียน ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ บัญชีเหล่านี้พ่อซูแม่ซูเป็นคนจัดการ เด็กๆ ในบ้านไม่รู้เรื่อง และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ใช้คืนหมดแล้วหรือยัง
บ้านผู้ใหญ่บ้านไม่ขาดที่ดินและอาหาร แถมยังมีบ่อปลาสองบ่อ ที่บ้านร่ำรวยอยู่แล้ว
การช่วยเหลือแบบนี้เริ่มขึ้นหลังจากซูจิ่งสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉ ในนิยายกล่าวว่าผู้ใหญ่บ้านมีสายตาเฉียบแหลมในการดูคน เขารู้ว่าซูจิ่งคนนี้ในอนาคตจะต้องได้เป็นขุนนาง จึงตั้งใจจะยกบุตรสาวให้แต่งงานด้วย เพื่อที่ในภายภาคหน้านางจะได้เป็นภรรยาท่านขุนนางนั่นเอง!
ทว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดถูกเล่าจากมุมมองของนางเอก โดยส่วนใหญ่ช่วงแรกๆ จะเน้นไปที่บ้านตระกูลกู้เป็นหลัก โดยจะเล่าเรื่องราวการเรียนรู้กฎระเบียบและมารยาทของนางเอก พร้อมทั้งมีการสอดแทรกมุมมองของพี่ชายทั้งหลายในตระกูลซูเป็นครั้งคราว
กู้เย่ว์เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และภายหลังยังได้เรียนรู้การค้าขายกับนายท่านกู้อีก จากนั้นก็บังเอิญได้พบกับพระเอก ในช่วงหลังธุรกิจของนางก็แพร่หลายไปทั่วแคว้น และในช่วงกลางเรื่องยังได้ไปทำธุรกิจที่เมืองหลวงอีก นั่นแหละคือตอนที่นางได้รู้ฐานะของพระเอก และเกิดความรักต่อเขาขึ้นมา
ส่วนเจียงอวี้ที่เป็นตัวรอง หลังจากได้รับการช่วยเหลือและพักฟื้นที่บ้านตระกูลซู เขากับนางเอกแทบจะไม่ได้เจอกันเลย ฮูหยินกู้ไม่ชอบที่นางเอกไปมาหาสู่กับบ้านตระกูลซู เวลากลับมาที่บ้านก็ต้องหลบๆ ซ่อน ๆ
ส่วนเรื่องความรักนั้นน่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลังๆ
ดังนั้น เรื่องที่บ้านตระกูลเหอจะสร้างความวุ่นวายหรือไม่นั้น ในนิยายก็ไม่ได้บรรยายไว้แต่อย่างใด ส่วนภรรยาที่แท้จริงของพี่ใหญ่นั้น เป็นบุตรีของเจ้าสำนักศึกษาในตัวอำเภอ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...