“เป็นอย่างไรบ้าง เฉิงโหลวที่เมืองหลวงดูสง่างามกว่าเฉิงโหลวที่เซียงโจวมากเลยใช่ไหม” ซูอวิ๋นไขว้มือไว้ด้านหลัง แต่งกายก็ดูภูมิฐานสมฐานะ ท่าทางนี้ ดูมีกลิ่นอายของเถ้าแก่ใหญ่จริงๆ
“ที่ดินเมืองหลวงทุกตารางนิ้วราคาแพงดุจทองคำ คนที่เปิดโรงเตี๊ยมพากันแข่งขันและทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อตกแต่งร้าน ลูกค้าที่มาต่างก็มาเพราะต้องการบรรยากาศที่ดี รสชาติที่ดี และบริการที่ดี”
ซูหว่านได้นำแนวคิดด้านการบริการของธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่มาประยุกต์ใช้ และผสานลูกเล่นใหม่ๆ เข้าไป ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับชาวเมืองหลวง จึงสามารถดึงดูดความสนใจ ทำให้ทุกคนอยากจะลองมาสัมผัสประสบการณ์ด้วยตนเอง
“ดีที่มีเจ้าช่วยออกความคิดให้ ถึงได้ทำให้เฉิงโหลวโดดเด่นกว่าคู่แข่งอื่นๆ ได้ เจ้านี่มีหัวการทำธุรกิจจริงๆ” ซูอวิ๋นมองดูเฉิงโหลวของตัวเองแล้วก็รู้สึกพอใจมาก
คนงานที่คอยวิ่งวุ่นทำงานจิปาถะอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมก็มีตั้งหลายสิบคน ทั้งสองได้เช่าเรือนที่พักเอาไว้สำหรับพวกเขาอยู่อาศัยด้วย
สภาพแวดล้อมก็ค่อนข้างดี เป็นห้องพักสำหรับสี่คน มีสวน มีห้องครัว มีห้องนั่งเล่น
กล่าวคือ คนคนหนึ่งที่ทำธุรกิจหากต้องการให้ลูกน้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ในฐานะเจ้านายก็ควรแสดงน้ำใจให้พวกเขาก่อน ไม่ใช่เอาแต่พูดให้ความหวังลมๆ แล้งๆ
“รสชาติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนสิ่งอื่นๆ นั้นสำคัญรองลงมา ดังนั้นนะพี่สี่ พี่ยังคงเป็นคนที่มีคุณูปการมากที่สุด ถ้าอาหารไม่อร่อย ต่อให้เราตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดารแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น จงเชื่อมั่นในตัวเอง พี่นั่นแหละที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเฉิงโหลวมากที่สุดแล้ว”
ซูหว่านเชื่อมั่นในตัวพี่สี่เสมอมา เวลาที่ควรชมก็ต้องชม เวลาที่ควรตำหนิก็ต้องตำหนิ มิฉะนั้นพี่สี่จะเหลิงเอาได้ง่ายๆ
แต่ในเรื่องงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ก็ยังคงต้องให้การยอมรับและสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เขาสูญเสียความมั่นใจ
ไม่ผิดจากที่ซูหว่านคาดไว้ หลังจากที่นางเอ่ยปากชมไปไม่กี่คำ ซูอวิ๋นก็ยกหางตัวเองทันที
"แน่นอนสิ คนที่มีพรสวรรค์สูงขนาดนี้ไม่ได้มีเยอะหรอกนะ”
"พอได้แล้วน่า! แล้วพี่เอาพี่ห้าไปไว้ที่ไหน” ซูหว่านคิดว่าถ้าจะพูดถึงพรสวรรค์จริงๆ ต้องเป็นซูอี้สิ
"แต่ละคนก็มีความถนัดต่างกันไป เรื่องที่ข้าพูดหมายถึงแค่เรื่องการทำอาหารอย่างเดียว เจ้าอย่าเอามาปนกันได้ไหมเล่า” ซูอวิ๋นแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง
เขายอมรับว่าพรสวรรค์ของเจ้าห้านั้นไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เขาไม่ได้คิดจะแข่งขันวาดภาพกับเขาสักหน่อย
“เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ข่าวการเปิดตัวของเฉิงโหลวที่จะเปิดในวันมะรืนนี้ พี่ประกาศออกไปหรือยัง”
"ประกาศแล้ว แถมยังไปติดประกาศที่หน้าประตูเมืองแล้วด้วย ข้าอ้อนวอนขอพี่สามตั้งนานกว่าเขาจะยอมให้ข้าเอาไปติดได้”
ซูอวิ๋นยักไหล่ ซูเฉินอยู่ในกองรักษาการณ์เมือง เมื่อซูอวิ๋นบอกว่าต้องการติดป้ายประกาศที่ประตูเมือง ซูเฉินก็เอาแต่พูดว่านี่คือการเอาเรื่องส่วนตัวไปใช้กับเรื่องงาน
เขาสงสัยว่าเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรนักหนา มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว
สุดท้ายเขาจึงขู่ซูเฉินว่า ถ้าไม่ตกลงจะเอาเรื่องน่าอับอายในวัยเด็กเรื่องหนึ่งของเขาไปเปิดเผยให้พี่น้องคนอื่นๆ อีกหลายคนได้รู้

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...