แค่ค่าตัดเย็บก็ต้องใช้เงินหนึ่งตำลึงแล้ว ส่วนฝ้ายสำหรับบุเสื้อต้องคิดเงินแยก ฝ้ายชั่งละสามสิบอีแปะ เสื้อบุฝ้ายสองชุดอย่างน้อยต้องใช้ฝ้ายสามชั่ง ซึ่งถือว่าบางแล้ว
ในร้านตัดชุดมีรองเท้าสำเร็จรูปขายอยู่ มีทั้งรองเท้าทรงยาวบุฝ้าย และรองเท้าบุฝ้ายธรรมดา แบบธรรมดาคู่ละยี่สิบห้าอีแปะ ส่วนทรงยาวคู่ละสี่สิบอีแปะ
ซูหว่านต้องการซื้อรองแบบสั้นสี่คู่ และแบบยาวหนึ่งคู่ จึงเริ่มต่อรองราคากับเจ้าของร้าน
“ท่านเจ้าของร้าน ข้าต้องการซื้อรองเท้าแบบสั้นสี่คู่ และแบบยาวหนึ่งคู่ ข้าซื้อของท่านเยอะแยะขนาดนี้ ท่านช่วยลดราคาให้หน่อยได้หรือไม่?”
อย่างไรเสียก็เป็นการค้าหลายตำลึงเงิน ลดราคาหน่อย คงไม่เป็นไรกระมัง?
เจ้าของร้านตัดชุดมองสำรวจซูหว่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มคำนวณราคา
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมเป็นเงินสามตำลึงเงินสามสิบอีแปะ เขาสรุปตัวเลขสุดท้าย
“ข้าคิดเจ้าสามตำลึงเงินยี่สิบอีแปะ”
ลดให้แค่สิบอีแปะ นี่มันน้อยเกินไป ซูหว่านคิดว่ายังต่อรองได้อีก
“เจ้าของร้านเจ้าคะ ลดอีกหน่อยเถอะ ตอนนี้อากาศเปลี่ยนแล้ว คนในครอบครัวของพวกเราทุกคนต้องตัดชุดใหม่ ถ้าท่านลดให้พวกเราอีกหน่อย ต่อไปพวกเราจะมาสั่งตัดชุดที่ร้านท่านหมดเลย ว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
เจ้าของร้านได้ยินดังนั้น ก็มองสำรวจพี่น้องคู่นี้อีกครั้ง ดูจากการแต่งกายก็ไม่เหมือนครอบครัวที่ร่ำรวย แถมยังจะตัดชุดทั้งครอบครัวอีก พวกเขามีเงินมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ซูจิ่งเป็นอะไรกับพวกเจ้างั้นหรือ?”
เจ้าของร้านชำเลืองมองไปอีกทางหนึ่ง แล้วก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้าเจ้าค่ะ!”
ซูหว่านรีบตอบ อีกฝ่ายถามมาขนาดนี้ แสดงว่าต้องรู้จักพี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถาม
“เจ้าเป็นน้องสาวของซิ่วไฉซูงั้นหรือ?”
ตอนแรกที่บอกชื่อ เขายังไม่ทันสังเกต แต่ภายหลังจึงนึกขึ้นได้
ซูหว่านพยักหน้า รูปลักษณ์ของนางก็คล้ายกับซูจิ่งอยู่บ้าง
“โธ่เอ๊ย ทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า ข้าลดให้เจ้าอีกสิบอีแปะดีไหม? ซิ่วไฉซูเป็นคนดี มีความรู้มาก หน้าตาก็หล่อเหลา ข้ายินดีจะให้หน้าเขา!”
สมัยนี้ ผู้มีความรู้เป็นที่เคารพอยู่แล้ว แถมเขายังเป็นซิ่วไฉอีกต่างหาก ในการสอบระดับเซียงซื่อครั้งนี้เขายังได้อันดับหนึ่ง มีโอกาสที่จะได้เป็นขุนนางสูง แล้วใครเล่าจะไม่อยากผูกมิตรด้วย?
ดีเลย ได้ลดเพิ่มอีกสิบอีแปะก็ยังดี สิบอีแปะก็ซื้อเนื้อได้หนึ่งชั่งแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากเจ้าค่ะ!” ซูหว่านโค้งคำนับให้เขาเล็กน้อย
สีหน้าของซูหว่านดูเจ็บปวด ทำให้ใจของซูเฉินกระตุกวูบ ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะหวานหว่าน เจ้าก็รู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเราดี ท่านพ่อท่านแม่ต้องเลี้ยงลูกหกคน ลูกๆ ต้องไปโรงเรียน ทั้งยังต้องจ่ายภาษีสำหรับแปดชีวิต ตลอดหลายปีที่ผ่านมาติดหนี้คนอื่นอยู่ไม่น้อย แทบจะไม่มีเงินเก็บเลย เจ้าหาเงินได้ก็ควรจะคิดเพื่อตัวเองให้มากหน่อย เก็บเงินไว้ใช้ส่วนตัวบ้างถึงจะถูก!"
ซูเฉินรีบอธิบาย กลัวว่านางจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
ซูหว่านยิ้มเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ
“พี่สาม ข้ายังเด็กอยู่เลย ตอนนี้พี่ใหญ่ต้องสอบขุนนาง พวกเราทั้งครอบครัวก็หวังพึ่งให้เขาประสบความสำเร็จ แต่ข้ารู้ว่าพี่ชายทุกคนไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างแน่นอน สิ่งที่ข้าทำเพื่อพวกท่าน ก็คือการวางแผนเพื่อตัวเองเช่นกัน หรือว่าวันหน้าเมื่อพวกท่านประสบความสำเร็จแล้ว จะทิ้งข้าไปไม่สนใจไยดีกันหรือเจ้าคะ?”
ซูเฉินได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที
"แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของพวกเรา ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องดูแลเจ้าอยู่แล้ว!"
"ก็เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นสบายใจได้เลยนะพี่สาม พวกเราสายเลือดเดียวกัน จะต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนขนาดนั้นไปทำไมกัน?
ครอบครัวเดียวกัน รุ่งเรืองก็รุ่งเรืองด้วยกัน เสียหายก็เสียหายด้วยกัน ทุกคนมีสุขร่วมสุข มีภัยร่วมต้าน!”
นางตบหลังมือเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจ ในชั่วขณะนั้น ซูเฉินรู้สึกว่านางเปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่วร่าง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...