หลังจากไปเยี่ยมชมไร่นาแล้ว เจียงอวี้ก็พาซูหว่านตระเวนเที่ยวเล่นไปทั่วทั้งเมืองหลวง สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงเลื่องชื่อ ทั้งร้านอาหารเลิศรสและร้านอาภรณ์เลื่องนาม ล้วนไปเยือนจนครบถ้วน
ซูหว่านมีหน้าที่เพียงกินดื่มและเลือกเฟ้นสิ่งของอย่างเพลิดเพลิน เจียงอวี้คอยเดินตามจ่ายเงินอยู่ด้านหลัง ส่วนอาหนานก็นำพาเหล่าองครักษ์คอยหอบหิ้วสัมภาระตามติด
คนทั้งสองเดินทางอย่างเปิดเผยโอ้อวดความรักหวานชื่นทุกวี่วัน บัดนี้จะมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่า เจียงซื่อจื่อผู้นี้คือบุรุษผู้ตามใจภรรยาจนไร้ขีดจำกัด?
ขนาดจวิ้นจู่ยังไม่ทันก้าวเข้าประตูจวนกั๋วกง ก็ยังถูกปรนเปรอถึงเพียงนี้ แทบจะขอสิ่งใดล้วนได้สิ่งนั้น หากในภายภาคหน้าแต่งเข้ามาแล้ว ทั้งยังให้กำเนิดทายาทสักคนสองคนเล่า? มิใช่ว่าสวรรค์จะถล่มทลายหรือไร?
ทว่าก็มิวายมีผู้ริษยากล่าววาจาเหน็บแนมซูหว่าน ว่าเป็นสตรีฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักมัธยัสถ์ ยังไม่ทันเข้าประตูก็เริ่มผลาญสมบัติของจวนกั๋วกงเสียแล้ว
ซูหว่านกลับมิได้ใส่ใจ นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะวิพากษ์วิจารณ์ตนเช่นไร แต่แล้วเจียงกั๋วกงกลับทำเรื่องที่ตบหน้าทุกคนฉาดใหญ่ ช่วงนี้เขาเลิกไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรง หันมาใช้ชีวิตว่างเว้นอยู่ที่จวน คลุกคลีอยู่กับเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ทุกวี่วัน ทั้งตกปลา ดื่มสุรา หรือออกล่าสัตว์ ช่างสุขสำราญเสียยิ่งกระไร
ครั้งหนึ่งระหว่างวงสุรา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นหลายคนเข้าร่วมวงด้วย พวกเขาเอ่ยถึงเรื่องที่เจียงอวี้บุตรชายของเขาตามใจจวิ้นจู่อย่างไม่ลืมหูลืมตา จึงกล่าวว่าอยากให้เขาอบรมสั่งสอนซื่อจื่อเสียหน่อย ว่าสตรีมิอาจตามใจถึงเพียงนี้ มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาตามมาได้
ผลลัพธ์คือ เจียงกั๋วกงสวนกลับไปตรง ๆ ว่า
“มีภรรยาก็ต้องเอาไว้ตามใจ บุรุษใดไม่ตามใจภรรยา ไฉนนับเป็นบุรุษได้?”
เพียงประโยคเดียวก็ทำเอาทุกคนในวงเงียบกริบ...
ก็จริง ในอดีตเจียงกั๋วกงผู้นี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจคลั่งรักภรรยาผู้หนึ่งเช่นกัน แต่เขาก็มีสองมาตรฐานชัดเจน นั่นคือเด็ดขาดจะไม่ลำเอียงรักอนุจนเหยียบย่ำภรรยาเอก แม้ว่าในอดีตหนิงเวยจะได้เป็นถึงอนุภรรยา แต่นางก็มิเคยได้เปรียบอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฎระเบียบของอนุภรรยาทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น บุตรชายที่นางให้กำเนิด เจียงกั๋วกงก็หาได้ให้ความสำคัญไม่ คำกล่าวที่ว่ามีภรรยาต้องเอาไว้ตามใจของเขานั้น จำกัดไว้เพียงภรรยาของเจียงอวี้ผู้เดียว
เจียงอวี้คือทายาทสายตรงผู้เกิดจากภรรยาเอก ส่วนซูหว่านก็เป็นถึงจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์ ทั้งสองย่อมเหมาะสมกันยิ่ง การที่เขาจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าบุตรชายที่เกิดจากอนุแต่งภรรยาแล้วหรือไม่ ก็เพียงพอให้เห็นว่าใจของเขาลำเอียงไปทางบุตรชายคนโตอย่างสิ้นเชิง
ทุกครั้งที่เจียงเยี่ยนคร่ำครวญว่าเขาลำเอียง เขาก็มักจะตอกกลับไปประโยคหนึ่งว่า ก็ใครใช้ให้เจียงอวี้ขาดไร้ความรักจากมารดามาตั้งแต่เล็กเล่า?
และนั่นก็เป็นอีกประโยคที่ทำเอาเจียงเยี่ยนเงียบกริบไปเช่นกัน
ผู้คนทั่วเมืองหลวงต่างอิจฉาซูหว่านที่นับเป็นผู้มีวาสนาอย่างแท้จริง พี่ชายทั้งห้าของนางล้วนเป็นยอดคนอนาคตไกล ทั้งยังไม่ต้องรับมือกับปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้ พ่อสามีก็แสนลำเอียงเข้าข้างเรือนของพวกนาง
ตอนที่ต้องไปไหว้พระที่วัด ซูหว่านจึงเอ่ยชวนพี่สะใภ้ใหญ่และซุนหลิงเอ๋อร์ อีกทั้งยังมีพี่ใหญ่และพี่รอง พี่สามก็ไปด้วย ส่วนพี่สี่พอเห็นพวกพี่ใหญ่ไป เขาก็ร้องขอตามไปด้วย
ซูหว่านเอ่ยชวนซูอี้ด้วย เมื่อซูอี้เห็นว่าทุกคนไปกันหมด หากตนไม่ไปก็คงดูประหนึ่งไม่เข้าร่วมกลุ่ม เขาจึงตัดสินใจไปด้วย
ก่อนหน้านี้เพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องการส่งสินสอดหมั้นหมาย ซูหว่านจึงไม่มีเวลานึกถึงเรื่องของพี่ห้าและเด็กรับใช้ของเขาเลย
ทว่าในใจของนางกลับรู้สึกตะขิดตะขวงมาโดยตลอด จึงเลือกเวลาเหมาะเตรีบมจู่โจมโดยไม่ให้พวกเขาทันตั้งตัว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...