"แต่ท่านยายไช่เจ้าคะ บ้านท่านอาจจะไม่ได้อยู่ทางเดียวกันกับบ้านข้า มันจะลำบากหรือเปล่าเจ้าคะ?"
นางคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาทันที ถ้าต้องวิ่งไปซื้อไก่ไกลขนาดนั้น สู้ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกไม่กี่อีแปะจะดีกว่า
"บ้านเจ้าอยู่ที่ใด?" ยายไช่เอ่ยถาม
"หุบเขาซานหยาง!"
"หุบเขาซานหยางงั้นหรือ? งั้นก็ทางเดียวกันเลย! บ้านข้าอยู่บนเส้นทางที่จะไปหุบเขาซานหยาง ตรงแถวเนินเขาเฟิงสุ่ย พวกเจ้าที่อยู่ที่หุบเขาซานหยางคงรู้จัก บ้านข้าอยู่ติดถนนใหญ่เลย สะดวกมาก!"
ยายไช่คิดในใจว่า นี่มันช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้?
ซูหว่านเหลือบมองพี่สามเพื่อขอการยืนยัน ซูเฉินพยักหน้า มีสถานที่นี้อยู่จริงๆ ซูหว่านเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานอาจจะไม่รู้จัก แต่เขาเดินทางบ่อย ก็เลยรู้ดี
ดังนั้นทั้งสี่คนก็ออกจากเมืองไป ยายไช่ให้เงินแก่ตาเฒ่าหงสองอีแปะ เพื่อให้เขาลากเกวียนวัวพานางกับหลานสาวกลับไปด้วย
อย่างที่ยายไช่บอก บ้านของนางอยู่ริมถนนใหญ่ มีไก่หลายสิบตัว และไข่อีกมากมายที่เก็บได้
แม่ไก่ต้องเก็บไว้สำหรับออกไข่ ซูหว่านซื้อไก่ตัวผู้สองตัว ตัวหนึ่งหนักกว่าห้าชั่ง ราคาสิบอีแปะต่อหนึ่งชั่ง สองตัวก็หนึ่งตำลึงกว่าๆ แล้วนางยังซื้อไข่ไก่อีกยี่สิบฟอง สามอีแปะได้สองฟอง ยี่สิบฟองก็เป็นสามสิบอีแปะ สรุปซูหว่านให้เงินยายไช่ไปหนึ่งตำลึงกับอีกสี่สิบอีแปะ
ไหนๆ ก็จะซื้ออยู่แล้ว ให้เงินนี้กับยายไช่ดีกว่าไปให้คนในเมือง
เมื่อบอกลายายไช่กับเสี่ยวชุ่ยแล้ว ซูหว่านและซูเฉินก็กลับบ้าน ในตะกร้าเต็มไปด้วยอาหารและของใช้
พอกลับมาถึงบ้าน ซูอวิ๋นเห็นนางเข้ามาในบ้านปุ๊บ ก็สะบัดข้าวโพดในมือทิ้งแล้ววิ่งมารับนางทันที
"กลับมาแล้วหรือ? วันนี้นำของอะไรอร่อยๆ กลับมาบ้าง?" เมื่อเห็นนางหิ้วไก่มาสองตัว ดวงตาของซูอวิ๋นก็เป็นประกายทันที
"เจ้าซื้อไก่มาหรือ? เอาไว้เลี้ยง หรือเอาไว้กินเล่า?"
นางเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจของเขา อายุเพียงสิบห้า ความสุขความโกรธจึงมักจะแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
ซูหว่านยิ้มตาหยี แล้วยกไก่ตัวผู้สองตัวในมือขึ้นมา
"พวกเราหาเงินได้แล้ว คืนนี้เราจะปรับปรุงอาหารการกินกัน เรากินเนื้อไก่กัน ส่วนวันนี้ไม่ได้ซื้อของอร่อยๆ กลับมาให้หรอกนะ แต่มีของขวัญมาฝากน่ะ!"
"ของขวัญอะไรงั้นหรือ?" ซูอวิ๋นยื่นคอไปมองในตะกร้าของซูเฉิน
"หวานหว่านซื้อรองเท้าใหม่มาให้พวกเจ้า ลองสวมดูสิว่าพอดีไหม!" ซูเฉินวางตะกร้าลง แล้วรีบอธิบายก่อน
เขาพักหายใจ แล้วหันไปหยิบรองเท้าคู่ใหม่ออกมาแบ่งให้ซูอวิ๋นกับซูอี้ ซูอวิ๋นอดใจไม่ไหว เลยคิดจะลองสวมใส่ทันที
"พี่สี่ ไม่ล้างเท้าแล้วเปลี่ยนรองเท้าใหม่ ไม่กลัวว่ารองเท้าจะเหม็นหรืออย่างไร!"
ซูอี้กอดรองเท้าอยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะเยาะเขา รองเท้าใหม่ที่นานๆ ทีจะได้ใส่ พวกเขาทุกคนต่างก็ทะนุถนอมมันมาก แต่เขาไม่ได้รีบร้อนเหมือนซูอวิ๋น
"เหนื่อยหรือไม่? วุ่นวายมาทั้งวันคงจะเหนื่อยมากสินะ?"
เขาเป็นห่วงซูหว่าน แต่ซูหว่านกลับบอกว่าไม่เหนื่อย
"ไม่เหนื่อยเลย มีเกวียนให้นั่งไปกลับ แถมยังมีพี่สามช่วยแบกหามอีกต่างหาก ผิดกับท่านที่มาอยู่บ้านข้าแต่ร่างกายซูบผอม คืนนี้ข้าจะทำอาหารบำรุงให้กินเยอะๆ ถึงตอนนั้นท่านก็กินให้มากๆ หน่อยล่ะ!"
"ได้สิ" เจียงอวี้ยิ้มตอบรับ
จากนั้นก็ได้ยินซูหว่านพูดว่า
"อาการของดวงตาท่าน วันนี้ข้าไปถามพี่รองมาแล้วนะ พี่รองบอกว่าถ้าไม่ไหวจริง ๆ เขาจะขอลาพักกลับมาดูให้ท่านอีกทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!"
คำพูดเรียบๆ ของซูหว่านทำให้ใจของเจียงอวี้เต้นระส่ำเล็กน้อย เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี พอซูมู่กลับมาจะไม่รู้หรอกหรือว่าเขาแสร้งแกล้งทำเป็นมองไม่ชัด?
ดูท่าคงต้องหาเวลาฟื้นตัวแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะมองเขาอย่างไร?
คิดไม่ถึงเลยว่า แผนเดิมที่เขาตั้งใจว่าจะแกล้งซูหว่านเล่น ๆ กลับต้องล่มลงเร็วขนาดนี้
"ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เกือบจะหายดีแล้วล่ะ แค่ยังไม่ค่อยชินกับแสง ไม่ต้องรบกวนท่านหมอซูให้กลับมาเป็นพิเศษหรอก!"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...