เมื่อซูอวิ๋นว่าง เขาก็เริ่มจัดการกับถั่วหมักของเขา หลังจากที่เขาปิดผนึกมันในไหหมักไว้นานขนาดนั้น พอเปิดออกมาก็ได้น้ำหมักสีดำเต็มไหเลย
เขาเอาเครื่องเทศสำหรับทำอาหาร เช่น โป๊ยกั้กและอบเชย มาผสมกับน้ำหมักแล้วต้มในหม้อ สุดท้ายก็ได้น้ำหมักเข้มข้น หนึ่งกระปุกใหญ่ กลิ่นที่ออกมาไม่เหม็นเลย แถมยังมีกลิ่นหอมเค็มๆ อีกด้วย
พอเขาทำเสร็จ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือดึงตัวซูหว่านมาให้ดม ให้นางดมดูว่านี่คือซีอิ๊วที่นางพูดถึงหรือเปล่า
ซูหว่านไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าเขาจะสามารถทำซีอิ๊วออกมาได้ในครั้งเดียว เพียงแค่ฟังจากการบรรยายอย่างง่ายๆ ของนาง เขามีพรสวรรค์ในการทำอาหารจริงๆ
"ดมดูแล้ว เป็นซีอิ๊วที่ข้าพูดถึงจริงๆ!" ซูหว่านตอบกลับอย่างมั่นใจ
ส่วนรสชาติเมื่อนำไปผัดจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน
ซูเฉินและซูอี้มองน้ำหมักสีดำข้นด้วยท่าทีสงสัย
"เจ้าสี่ น้ำหมักนี่ที่เจ้าทำเอาไปผัดอาหารกินได้จริงหรือ?"
"พี่สี่ น้ำหมักสีดำข้นแบบนี้ กินแล้วจะไม่ท้องเสียหรอกหรือ?"
"มันจะได้เรื่องหรือไม่? อร่อยรึเปล่า? คืนนี้ลองแล้วก็รู้เองแหละน่า ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ถึงกับตายหรอกน่า ถ้าจะท้องเสียก็แค่เข้าส้วมมากสุดสามวันเอง!" ซูอวิ๋นมองโลกในแง่ดี ถ้าล้มเหลวเขาก็แค่ทำต่อก็เท่านั้นเอง
เพื่อให้เห็นผล ซูอวิ๋นไปซื้อเต้าหู้สดสองก้อนมาจากร้านทำเต้าหู้ในวันนั้นเลย เขาเอามาทอดกิน พอใส่ซีอิ๊วนี้แล้วก็ต้องใส่เกลือให้น้อยลง เพราะซีอิ๊วมันเค็มอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังผัดหมูสามชั้นหนึ่งจาน ใส่เต้าเจี้ยวลงไปด้วย หลังจากผัดกับซีอิ๊วแล้ว สีของเนื้อหมูจะออกดำก็ไม่เชิง แดงก็ไม่เชิง จะเรียกว่าสีน้ำตาลก็ไม่ใช่ สรุปคืออธิบายยาก
สีของเต้าหู้ทอดดูดีไม่น้อย น่ากินมาก
ตอนเย็นพี่น้องทั้งหลายก็นั่งล้อมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน โดยมีเจียงอวี้อยู่ด้วย ทุกคนมองอาหารที่ไม่ธรรมดานี้แต่ไม่มีใครยื่นตะเกียบไปคีบเลย
ซูอวิ๋นเองก็ไม่กล้ากิน เขากลัวว่าจะผิดหวัง เลยได้แต่มองคนอื่นด้วยสายตาคาดหวัง
ซูเฉินและซูอี้กลืนน้ำลายลงคอ ต่อสู้กับความคิดในใจ เพราะท้องเสียนั้นไม่สบายจริงๆ
เจียงอวี้ยังคงดูสงบ บนใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
สุดท้ายก็เป็นซูหว่านที่เริ่มคีบก่อน
"เต้าหู้ทอดนี่ดูน่ากินจังเลย เนื้อหมูนี่ก็น่าจะกินกับข้าวได้เยอะ!"
นางคีบอย่างละชิ้น แล้วยัดเข้าปากโดยไม่ลังเล หลังจากทะลุมิติมาที่นี่ ยุคสมัยนี้แม้แต่พริกก็ยังไม่ถูกค้นพบ อาหารที่ผัดก็จืดชืด ไม่มีเครื่องปรุงรสอย่างซีอิ๊ว สำหรับนางแล้วมันค่อนข้างจะไร้รสชาติเกินไปหน่อย
ซูอวิ๋นคิดว่าก็จริง แค่เขาพูดว่าอร่อยก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็เป็นการประเมินที่ดี ดังนั้นเขาจึงหันไปมองซูอี้
"พอเติมน้ำหมักนี่เข้าไปแล้ว รู้สึกว่ารสชาติมันเข้มข้นขึ้นเยอะเลย กินแล้วรสสัมผัสดีขึ้น อร่อยกลมกล่อมขึ้น สรุปคืออร่อยกว่าวิธีการผัดแบบเดิมเยอะเลย!"
คำวิจารณ์ของซูอี้เรียบง่ายแต่ชัดเจน ซูอวิ๋นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ทางด้านเจียงอวี้ก็เริ่มกินแล้ว หลังจากชิมแล้ว เขาก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างมีความหมาย เหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่รอให้ซูอวิ๋นถาม เขาก็เริ่มพูดเองว่า
"ข้าโตมาขนาดนี้ ก็ถือว่าได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสมามากมายแล้ว แต่น้ำหมักของเจ้านี่มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เหมือนที่ซูอี้พูด มันทำให้รสชาติของอาหารซับซ้อนและแปลกใหม่มาก!"
เมื่อได้ยินคุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างเจียงอวี้ให้คำวิจารณ์เช่นนี้ ซูอวิ๋นก็วางใจ
เขาจึงเริ่มคีบอาหารที่ตัวเองผัดเอง เขาตั้งมาตรฐานกับตัวเองไว้สูง น้ำหมักนี่ยังสามารถปรับปรุงได้อีกเล็กน้อย เพิ่มส่วนผสมบางอย่างเข้าไป คิดว่าคงจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
"เจียงอวี้ ขอถามหน่อยว่า ถ้าเทียบกับอาหารจากภัตตาคารชื่อดังต่าง ๆ ที่ท่านเคยกินมา สูตรลับเฉพาะของข้านี่ ถ้าเอาไปเปิดภัตตาคารแล้วจะมีโอกาสโด่งดังได้สักกี่ส่วน?"
ในชีวิตนี้ เขาอยากเปิดภัตตาคารหรือโรงเตี๊ยมอะไรสักอย่าง คิดค้นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแผ่นดิน หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องโด่งดังไปทั่วท้องถิ่น ให้ครอบครัวได้มีชีวิตที่สุขสบาย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...