นางซุกถุงเงินไปยังอ้อมแขนของซูเฉิน เขารูปร่างสูงใหญ่ เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ดูองอาจ เห็นแล้วก็รู้ว่าไม่ควรหาเรื่อง
ซูเฉินยินดีช่วยนางเก็บรักษาเอาไว้ชั่วคราว นางเป็นคนคิดละเอียดถี่ถ้วนและรอบคอบ
“ไปกันเถอะพี่ ๆ เราไปตัดชุดฤดูหนาวคนละสองชุดกัน!”
อย่างไรเสียก็ต้องมีเสื้อผ้าดี ๆ สักสองชุดไว้ใส่ในช่วงตรุษจีน พี่ใหญ่มีแล้ว พี่ชายคนอื่น ๆ ก็ต้องมีเช่นกัน
ซูมู่รูปร่างพอ ๆ กับซูจิ่ง ทำตามขนาดของพี่ใหญ่ก็ได้ จะได้ทำให้เขาประหลาดใจด้วย
“คนเยอะขนาดนี้ถ้าจะตัดชุด ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ ที่บ้านก็ยังมีชุดใส่อยู่ เราทำงานทุกวัน ไม่ได้เน้นอะไรมาก หรือว่าเราไม่ตัดชุดจะดีกว่า?”
ซูอวิ๋นพอคิดว่าต้องจ่ายเงินออกไปในคราวเดียวเยอะๆ ก็รู้สึกปวดใจเหลือเกิน
“ไม่ได้ พี่ใหญ่มีแล้วพวกท่านก็ต้องมีด้วย จะลำเอียงไม่ได้ ข้ามีเงินจ่าย พวกท่านจะกลัวอะไร?”
ซูหว่านโบกมืออย่างใจกว้าง เห็นพวกเขาลังเล ก็เลยใช้แขนคล้องแขนของซูอวิ๋นกับซูอี้ แล้วดึงไปทางร้านขายผ้า
พี่ชายทั้งหลายทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินตามไปอย่างเชื่อฟัง
แต่ในใจของพวกเขานั้นกลับรู้สึกอบอุ่น ซูหว่านคิดถึงพวกเขาไปเสียทุกเรื่อง จริง ๆ แล้วนางไม่ได้ลำเอียงเลย นางดูแลพี่ชายทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องกินหรือเรื่องเครื่องแต่งกาย
นางกำลังใช้ความจริงใจของตัวเองค่อย ๆ เอาชนะใจพวกเขา
ดังนั้น ความจริงใจจึงเป็นไม้ตาย!
พี่ชายสี่คน คนละสองชุด เลือกผ้าและสีที่ชอบกันเอง ส่วนซูหว่านตัดสินใจเลือกสีเทาน้ำเงินให้พี่รอง เพราะสีที่ทึบเกินไปจะไม่เหมาะกับหนุ่มหล่ออย่างเขา
ผ้าฝ้ายธรรมดาราคาสิบห้าอีแปะต่อหนึ่งฉื่อ สี่คนรวมกันก็จ่ายไม่ถึงสิบตำลึง ส่วนผ้าลายดอกที่ซูหว่านเลือกให้ตัวเองนั้นราคาก็จะแพงกว่าเล็กน้อย
อยู่ชนบทต้องทำงาน ใส่เสื้อยาวๆ ไม่สะดวก ก็เลยทำเป็นเสื้อตัวสั้น ๆ เศษผ้าเหลือ ๆ ยังเอามาเย็บถุงเท้าได้อีกสองคู่
แค่ซื้อผ้าก็ใช้เงินไปสิบสองตำลึงแล้ว พอเอาไปที่ร้านตัดชุด เจ้าของร้านก็คิดค่าตัดสองชุดต่อคนที่หนึ่งตำลึง รวมเป็นห้าตำลึง ตอนนี้ต้องทำ ชุดบุฝ้ายหนาๆ เพราะข้างนอกก็ใส่แค่ชิ้นเดียว ส่วนพี่ใหญ่ข้างนอกยังมีเสื้อคลุมทับอีกชั้น ดังนั้นเสื้อด้านในจะบางหน่อยก็ไม่เป็นไร ตัดชุดหนึ่งตัวน่าจะต้องใช้ฝ้ายอย่างน้อยสี่ชั่งกระมัง?
สิบเอ็ดตำลึง เป็นค่าฝ้ายรวมกับค่าตัดเย็บ สุดท้ายเจ้าของร้านก็คิดแค่สิบตำลึง เพราะเห็นว่าเป็นการค้าใหญ่ และได้นัดให้พวกเขามาเอาชุดทั้งหมดในอีกประมาณครึ่งเดือน
ชุดของซูจิ่งทำเสร็จแล้ว เจ้าของร้านตัดชุดใช้เศษผ้าสะอาดที่ไม่ใช้แล้วมาห่อชุดเอาไว้ แล้วส่งรองเท้าที่ซูหว่านฝากเอาไว้ที่นี่ให้นางไปด้วย
และโดยปกติแล้ว ตอนแม่ซูไปที่ตัวอำเภอจะไม่ได้พากู้เย่ว์ไปด้วย
ใต้หน้าต่าง บัณฑิตแต่ละแถวนั่งหลังเหยียดตรงกัน บ้างก็อ่านตำราตามท่านอาจารย์ บ้างก็ตั้งใจฟังท่านอาจารย์บรรยายอย่างเงียบๆ
ในห้องเรียนที่ซูจิ่งอยู่ ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง
มีเพียงเขาเท่านั้นที่ หูไม่ได้ยินเรื่องภายนอก มุ่งมั่นตั้งใจอ่านตำราปราชญ์ ชายชรายืนอยู่ตรงประตูและพยักหน้าให้สัญญาณกับท่านอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วถึงจะเรียกคนได้ บัณฑิตส่วนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะมองออกไปข้างนอก
“ซูจิ่ง ซิ่วไฉซู น้องสาวของท่านมาส่งของให้ท่านแล้ว ออกมาข้างนอกหน่อย!”
ซูจิ่งได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง จึงเงยหน้าขึ้น ชายชราหลีกทางให้ ก็เผยให้เห็นซูหว่านที่หลบอยู่ข้างหลัง
สองพี่น้องสบตากัน ซูหว่านยิ้มหวาน ซูจิ่งพลันรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าจากการอ่านตำราดึกดื่นหลายวันมานี้พลันมลายหายไปสิ้น
ทุกคนต่างมองดูนางฟ้าตัวน้อยคนนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และซุบซิบกันไปมา สุดท้ายก็ถูกอาจารย์ใช้ไม้เรียวเคาะโต๊ะเตือน จึงพากันก้มหน้าเขียนบทความต่อไป
ซูจิ่งลุกขึ้นคารวะอาจารย์ อาจารย์ก็พยักหน้าอนุญาตให้เขาออกไป ส่วนซูหว่านก็กอดของพะรุงพะรังรออยู่ที่หน้าประตูอย่างเรียบร้อย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...