ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ท่านนี่ช่างฉลาดล้ำเลิศเสียจริง!”
ในที่สุดจ้าวซีอวิ๋นก็เพิ่งจะรู้สึกตัว ตีความหมายของคำพูดนั้นออก ยัยเด็กนี่กำลังหัวเราะเยาะนางอยู่นี่นา!
“ยัยเด็กนี่มาจากไหน? ไม่รู้จักมารยาทเสียเลย ท่านพี่ซูเจ้าคะ นางเป็นใครกัน?”
คำเรียกขานนี้ นางเปลี่ยนได้ตามใจชอบเสียจริง ซูจิ่งเอามือปิดปาก แล้วไอออกมาสองสามครั้ง
“คุณหนูอวิ๋นโปรดให้เกียรติตัวเองด้วย พวกเราสองคนไม่ได้มีการหมั้นหมายกัน ท่านล้ำเส้นเกินไปแล้ว นี่คือน้องสาวของข้าชื่อว่าซูหว่าน วันนี้นางมาส่งชุดให้ข้า!”
ถูกซูจิ่งปฏิเสธ จ้าวซีอวิ๋นก็ไม่โกรธ อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แล้วจะกลัวอะไร?
แต่พอได้ยินว่าซูหว่านเป็นน้องสาวของเขา ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปในทันที รีบเข้ามาตีสนิทอย่างเป็นกันเอง และยังมาคล้องแขนนางอีกด้วย
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้จากตัวนาง ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับสบู่กลิ่นดอกไม้ที่ตนเองใช้อยู่พอดี
“ที่แท้ก็เป็นน้องสาวซูนี่เอง เมื่อครู่นี้พี่พูดจาหนักไปหน่อย เพื่อเป็นการขอโทษเจ้า เช่นนั้นเจ้าไปนั่งเล่นที่เรือนข้าดีหรือไม่ จะได้จิบชากินขนมกัน!”
ซูหว่านดึงแขนออกอย่างเย็นชา แล้วถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง
“ขออภัยด้วย ข้ากับท่านไม่ได้สนิทกัน ข้าเองก็ไม่ชอบท่าน ท่านอยากเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า แต่ข้าไม่ยินยอมหรอกนะ พี่ใหญ่เจ้าคะ ต่อไปท่านอยู่ห่าง ๆ นางหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“หวานหว่านวางใจได้ พี่ชายรู้ดีว่าควรทำอย่างไร!” ซูจิ่งก็ให้ความร่วมมือกับนางเป็นอย่างดี
สองพี่น้องพูดจาทำร้ายจิตใจนาง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จ้าวซีอวิ๋นเบะปากจวนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“ท่านพี่ซู ท่านปล่อยให้น้องสาวของท่านพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“คุณหนูอวิ๋นกล่าวหนักเกินไปแล้ว หวานหว่านของบ้านข้ายังเด็กอยู่ ยังมีนิสัยแบบเด็ก ๆ อย่าถือสานางเลย”
ซูหว่านได้รับการปกป้อง จึงเลิกคิ้วเยาะเย้ยนางอย่างภาคภูมิใจ การจัดการกับผู้หญิงเลว ๆ ต้องแข็งกร้าวเข้าไว้
จ้าวซีอวิ๋นมองทั้งสองคนสลับไปมา จากนั้นก็กระทืบเท้าแล้ววิ่งจากไปด้วยความโกรธ ราวกับว่าได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง
พอนางจากไปแล้ว ซูหว่านก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่ออีก
“พี่ใหญ่เอาของกลับไปเถิด เกี๊ยวนี่ต้องกินตอนร้อน ๆ นะเจ้าคะ พี่ชายทั้งหลายยังคงรอข้าอยู่ข้างนอก ข้าไปก่อนนะ!”
“อืม ระหว่างทางก็ระวังตัวด้วย อยู่บ้านก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ มีอะไรก็ให้พวกพี่ชายไปจัดการ พี่เองก็จะตั้งใจอ่านตำรา ตั้งใจสอบให้ได้ตำแหน่ง จะไม่ทำให้พวกเจ้าผิดหวังเด็ดขาด!"
ซูจิ่งไม่ได้ไปส่งซูหว่านที่ประตู นางอาศัยความทรงจำตอนที่มา แล้วเดินกลับออกไปตามทางเดิม พี่ชายทั้งสามคนยังคงรอนางอยู่
แล้วก็ซื้อผงฟูเพิ่มอีกสักหน่อยสำหรับเอามาหมักแป้ง ในเมื่อมีร้านขายขนมแป้งนึ่ง ก็ต้องมีผงฟูขายอยู่แล้ว พวกพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ทำซาลาเปาและหมั่นโถวก็ต้องใช้กันทั้งนั้นแหละ
และที่สำคัญที่สุดก็คือไข่ไก่ เดี๋ยวตอนกลับบ้าน แวะซื้อที่บ้านยายไช่ก็ได้
จะขนมข้าวซอยตัดก็จำเป็นต้องซื้อผลไม้แห้งกลับไปด้วย ในอำเภอมีร้านขายของแห้งโดยเฉพาะ จะซื้อพวกองุ่นแห้ง พุทราจีน งาดำ อะไรพวกนี้แหละ
ซานจาแห้งยังไม่มีขาย คนที่นี่ก็ยังทำซานจาแห้งไม่เป็น เพราะฉะนั้นก็ตัดออกไปเถอะ!
ส่วนน้ำมันสำหรับทอดขนมข้าวซอยตัดก็ใช้น้ำมันเมล็ดซิ่งต่อไปเถอะ กลิ่นไม่แรง ทอดออกมาแล้วจะหอมกว่า ถ้ามีน้ำมันถั่วลิสงก็คงจะยิ่งดี แต่มันก็ไม่มีขายเหมือนกัน
นางซื้อน้ำมันเมล็ดซิ่งไปอีกสามสิบชั่ง จนเจ้าของร้านที่ขายน้ำมันก็รู้จักซูหว่านแล้ว นางมาแต่ละครั้งก็ซื้อน้ำมันเมล็ดซิ่งกลับไปตั้งมากมาย ทั้งๆ ที่เอาไปผัดอาหารก็ไม่อร่อย
มองดูแล้วนางก็เหมือนคนโง่ที่โดนหลอก แต่เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่างนาง อย่างไรเสียเจ้าของร้านก็ต้องยิ้มต้อนรับ
ซูหว่านยังคงต้องทำสบู่สระผมต่อไป ซึ่งก็ต้องใช้น้ำมันเมล็ดซิ่งด้วย
ซื้อของพวกนี้หมดเงินไปอีกหลายตำลึงเงิน ก่อนออกจากเมือง นางยังดึงซูอี้ไปร้านวิจิตรศิลป์เพื่อซื้อกระดาษวาดรูปปึกหนึ่ง กับซื้อสีให้เขาด้วย เพื่อที่ต่อไปเขาจะได้ฝึกฝนเองที่บ้าน ไม่ต้องเอาไม้ไปวาดบนพื้นอีกแล้ว
ซูอี้ไม่ยอมรับ ซูหว่านจึงพูดว่า
ข้าจะสนับสนุนให้พี่ห้าทำสิ่งที่ตนเองชอบอย่างไม่มีเงื่อนไข ดังนั้นพี่ห้าเองก็ต้องพยายามด้วยนะ อย่าทิ้งความฝันของตัวเองไปเสียล่ะ!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...