ซูอี้มองเห็นแววตาที่แน่วแน่ของนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองมีกำลังใจเต็มเปี่ยม ซูหว่านพาเขาไปเดินดูรอบ ๆ ร้านวิจิตรศิลป์อีกครั้ง ให้เขาได้ชมผลงานของผู้อื่นให้มากขึ้น
เขามองภาพเหล่านั้นอย่างลุ่มหลง ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความปรารถนา จนไม่อยากจากไปไหนเลย
ใต้ภาพแต่ละภาพยังมีการลงนามเอาไว้ โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นผลงานของบรรดาศิษย์ที่อยู่ภายใต้การอบรมของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการศิลปะ พวกเขามีชื่อเสียงเป็นของตนเอง จะดังมากหรือน้อยก็แล้วแต่ และทุกคนต่างก็มีตราประทับส่วนตัวของตนเอง
“พี่ห้าเจ้าคะ พอท่านมีชื่อเสียงแล้ว ท่านก็สามารถทำตราประทับของตัวเองได้ แล้วก็ตั้งนามแฝงอันโดดเด่นให้ตัวเองด้วย ดีไหมเจ้าคะ?”
ซูหว่านยืนยิ้มอยู่ด้านหลังเขา ซูอี้พยักหน้าตอบกลับ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง
เขากอดกระดาษวาดรูปและสีของตัวเองไว้อย่างหวงแหน จากนั้นขณะออกจากตัวเมือง เมื่อผ่านบ้านยายไช่ ก็แวะซื้อไข่จากบ้านนางห้าสิบฟอง ซึ่งเป็นไข่ทั้งหมดที่บ้านนางเหลืออยู่ ซูหว่านเลยเหมาไปทั้งหมดเลย
ยายไช่รู้สึกขอบคุณซูหว่านมากที่นางเต็มใจมาอุดหนุนกิจการของตน ถือเป็นการช่วยเหลือกัน ดังนั้นตอนที่นางมาซื้อ นางจึงลดราคาให้ซูหว่านเล็กน้อย
วันนี้ใช้เงินไปเกือบสามสิบตำลึงเงิน เมื่อรวมกับเงินที่เหลืออยู่เดิมสิบห้าตำลึง และที่เหลือจากการซื้อของในครั้งนี้อีกยี่สิบห้าตำลึง ตอนนี้นางยังเหลือเงินอยู่ในมือสี่สิบตำลึงเงิน
ถ้าให้พี่ใหญ่เอาไปใช้ในการสอบ ยังถือว่าน้อยไปอยู่ดี การเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างไรเสียก็ต้องมีเงินติดมือสักร้อยตำลึงเงิน กว่าจะไปถึงก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ พอไปถึงแล้วก็ต้องสอบ อีกทั้งยังต้องรอประกาศผลสอบอีก ถึงตอนนั้นก็ต้องหาที่พักเองด้วย
เมืองหลวงนั้นเป็นสถานที่ ที่ที่ดินมีค่าดุจทองคำ แม้จะมีเงินร้อยตำลึงอยู่ในมือ ก็ยังคงต้องใช้อย่างประหยัดอดออมถึงจะอยู่รอด
ที่ตกลงกันไว้ว่าจะกลับมาภายในครึ่งวัน สุดท้ายก็ลากยาวไปจนถึงช่วงบ่ายถึงจะกลับมาถึงบ้าน พักหลังมานี้ครอบครัวตระกูลซูเข้าออกอำเภออยู่บ่อยครั้ง และแต่ละครั้งก็หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังกลับมาเต็มไปหมด
คนในหมู่บ้านได้ยินว่าพวกเขาไปทำธุรกิจที่ในตัวอำเภอและทำเงินได้มากแล้ว ปากของตาเฒ่าหงก็ไม่ได้เก็บความลับได้มิดชิดนัก เขาเทียมเกวียนพาซูหว่านและคนอื่นๆ ไปในตัวอำเภออยู่บ่อยๆ ก็เลยรู้ว่าพวกเขาทำธุรกิจอะไร
หากเจอคนที่รู้จักถาม เขาก็จะบอกเล่าให้ฟัง
คนในหมู่บ้านเล่ากันปากต่อปาก จนรู้กันทั่วว่าพวกเขาทำสบู่นมแพะขาย
ยังคิดอยู่เลยว่าสบู่ของซูหว่านซื้อมาจากข้างนอก คิดว่านางแค่ช่วยคนอื่นโฆษณาสินค้าเฉยๆ ที่ไหนได้ สบู่นมแพะนี่กลับเป็นซูหว่านที่ทำขึ้นมาเอง
สบู่ของนางใช้ดีมาก คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเคยใช้มาแล้ว ได้ยินมาว่าที่ในตัวอำเภอขายดีมาก ผู้คนในหมู่บ้านก็พอจะได้ยินข่าวลือกันมาบ้างแล้ว
ตั้งแต่เดือนที่แล้ว บริเวณหน้าบ้านตระกูลซูเริ่มมีผู้คนพลุกพล่านขึ้นมาอย่างทันตาเห็น ป้าๆ น้าๆ หลายคนที่ปกติไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน ก็พากันมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน
เมื่อเห็นสบู่ที่ตากแดดอยู่ในลานบ้าน พวกเขาก็แสร้งถามซูหว่านและคนอื่นๆ ถึงวิธีการทำอย่างตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง
“นั่นสิ นี่เจ้ายังจะมาหลอกพวกเราอีกนะ! รู้แล้วว่าตระกูลซูของพวกเจ้ากำลังดวงขึ้น ทำเงินได้แล้ว จะปิดบังซ่อนเร้นไว้ทำไมกัน พวกเราก็ไม่ได้จะแย่งธุรกิจกับพวกเจ้าเสียหน่อย ก็คนหมู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ทำไมถึงต้องทำตัวห่างเหินขนาดนั้นด้วยเล่า?"
“ข้าเห็นว่าตั้งแต่ที่น้องสาวแท้ๆ ของพวกเจ้ากลับมา บ้านของพวกเจ้าก็เริ่มดวงขึ้นแล้ว ดูท่าซูหว่านน้องสาวของพวกเจ้านี่คงเป็นคนนำโชคเข้าบ้านจริงๆ นะ ดีกว่ากู้เย่ว์ตั้งเยอะ ตอนที่นางยังอยู่ พวกเจ้าแทบจะไม่มีข้าวกินด้วยซ้ำไป!"
หลายคนต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานา สีหน้าของซูเฉินจึงดูไม่สู้ดีนัก
ซูอวิ๋นเม้มปาก แล้วโต้กลับ
"เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเย่ว์เย่ว์ด้วย ยิ่งพูดยิ่งเหลวไหลไปกันใหญ่!" เขาปกป้องกู้เย่ว์อย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่ได้ฉุนเฉียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เพราะซูหว่านอยู่ที่นี่ด้วย ซูอวิ๋นจึงกลัวว่าหากตนเองเข้าข้างกู้เย่ว์ ซูหว่านจะต้องเสียใจอีก
ตอนนี้ เขาเองก็เริ่มจะใส่ใจความรู้สึกของซูหว่านแล้วเช่นกัน
"เฮ้! ข้าพูดอะไรผิดตรงไหน ข้าก็แค่พูดตามเนื้อผ้า พวกเจ้าก็ควรจะดีกับน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย แล้วลองดูกู้เย่ว์สิ พอตัวเองรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เคยจำได้เลยว่าใครคือพ่อแม่บุญธรรมและพี่น้องที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เด็กอีกอย่างตอนนี้พวกเจ้าก็ยังต้องพึ่งพาน้องสาวแท้ๆ ในการหาเงินด้วยมิใช่หรือ!" ถึงแม้ป้าคนนี้จะพูดจาไม่น่าฟัง แต่แค่การที่นางเข้าข้างซูหว่าน เพียงแค่นี้ซูหว่านก็รู้สึกถูกชะตากับนางแล้ว"

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...