เข้าสู่ระบบผ่าน

ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม นิยาย บท 84

เจียงอวี้กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ส่วนบนของร่างกายตั้งตรง ส่วนล่างกลับนั่งไขว่ห้าง ดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญเต็มตัว

เห็นนางเข้ามา เจียงอวี้ก็เลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ

"ในที่สุดก็ไปได้เสียที ยังดีที่เจ้ายังอุตส่าห์นึกถึงข้าได้"

คำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ นะ? ประโยคที่ว่ายังดีที่นางยังอุตส่าห์นึกถึงเขาได้คืออะไรกัน?

"ท่านตัวโตถึงเพียงนี้ ข้าจะลืมท่านไปได้อย่างไรกัน มาสิ ลองชิมดูนะ ขนมจากร้านขนมหลิวฟางไจ รสชาติไม่เลวเลย!"

นางหยิบขนมเปี๊ยะดอกไม้และขนมกุ้ยฮวาให้เขา

เจียงอวี้มองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้แตะขนม เพียงแต่ยกชาขึ้นจิบ

อยู่ที่บ้านตระกูลซูมานานไม่ได้จิบชาเลย พอได้จิบชาดีๆ เขาก็รู้สึกพอใจมากในตอนนี้

"ชาหลงจิ่งชั้นยอดที่เก็บก่อนฝนจะตก บ้านพวกเจ้ายังมีญาติที่ร่ำรวยขนาดนี้ด้วยหรือ?" เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว

"ไม่ใช่ญาติหรอก จะว่าอย่างไรดีล่ะ เอาเป็นว่าเรื่องมันน้ำเน่าสุดๆ ไปเลย"

ซูหว่านก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องของนางกับกู้เย่ว์ให้เขาฟังอย่างไรดี ทำได้แต่เพียงใช้คำว่าน้ำเน่ามาอธิบาย

เมื่อนางพูดแบบนั้น เจียงอวี้ก็พลันสนใจเรื่องราวของพวกนางขึ้นมาในทันที หลักๆ แล้วคือสนใจเรื่องของซูหว่าน

"เล่ามาสิ ข้าจะตั้งใจฟังเลย!"

"ท่านอยากฟังใช่ไหม? ได้เลย!" ซูหว่านนั่งลงและเริ่มเล่าให้เขาฟัง

นางเล่าเรื่องที่นางกับกู้เย่ว์ถูกสลับตัวกันตั้งแต่เด็กให้ฟัง พอเจียงอวี้ฟังจบ คิ้วของเขาก็ขมวดเป็นปม

มันน้ำเน่าจริงๆ นั่นแหละ ในหนังสือบทละครพื้นเมืองของน้าสาวเขาก็มีแต่เรื่องแบบนี้เต็มไปหมด

"คราวนี้ท่านเข้าใจแล้วใช่ไหม?"

เจียงอวี้พยักหน้าแล้วกล่าวว่า

"อืม เข้าใจแล้ว!"

เรื่องที่ยุ่งเหยิงซับซ้อนมากเสียจนไม่สามารถสะสางหรือแก้ไขให้จบสิ้นลงได้ง่ายๆ แต่บทสนทนาของพวกนางในลานบ้านเมื่อครู่นี้ เขาก็พอจะได้ยินอยู่บ้าง คุณหนูกู้ผู้นี้จะว่าอย่างไรดีล่ะ?

แม้เขาจะไม่ได้เจอนางตัวจริง แต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่า ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ถ้าเจอครั้งหน้า คงต้องหลีกเลี่ยงหน่อยแล้ว!

ซูหว่านก็ไม่ได้หวังให้เขาพูดอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาสงสัย นางก็แค่เล่าให้ฟัง

เจียงอวี้นั่งอยู่ในห้องนานขนาดนี้ เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ ก็เลยกินขนมสองสามชิ้นกับน้ำชา

ออกจะฝืดคอไปหน่อย ไม่อร่อยเท่าขนมข้าวซอยตัด

"กินเถอะ กินอิ่มแล้วก็มาช่วยทำงานด้วยนะ อย่าลืมเอาชามออกมาด้วยล่ะ"

ทุกคนไม่มีความเห็นคัดค้าน และทำตามที่ซูหว่านบอก

แต่ที่บ้านมีตาชั่งแค่อันเดียว ต้องออกไปขอยืมอีกสองอันถึงจะพอ

"หวานหว่าน ยังมีขนมเหลืออีกสองห่อมิใช่หรือ? ข้าว่าจะเอาไปให้นายพรานเจียงหนึ่งห่อ อย่างแรกก็เพื่อขอบคุณเขาที่ครั้งก่อนเขาให้พวกเรายืมม้า อย่างที่สองคือข้าจะไปยืมตาชั่งจากเขา จะไปมือเปล่าก็คงไม่ดี!

จากนั้นก็เอาไปให้ผู้ใหญ่บ้านอีกหนึ่งห่อ เพราะข้าจะไปยืมตาชั่งอีกอันจากบ้านเขาด้วย เจ้าคิดว่าอย่างไร?" ซูเฉินคิดถึงอาจารย์ ก็หาข้ออ้างไปส่งขนมให้ท่าน

พอเจียงอวี้ได้ยินว่าในหมู่บ้านยังมีคนแซ่เจียงอีก คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น

ซูหว่านรู้ทันแต่ไม่พูดอะไร นางทำตามที่เขาต้องการ ส่วนบ้านผู้ใหญ่บ้านนั้น พวกนางนำของติดไม้ติดมือไปด้วย จึงไม่ถือว่าเป็นการติดค้างบุญคุณ

"ได้สิ ทำตามที่ท่านว่าเลย พี่สาม ระวังตัวด้วยนะ ฟ้ามืดมากแล้ว ระมัดระวังหน่อย"

"อืม ข้ารู้แล้ว" ซูเฉินยิ้มรับปาก

หลังจากเขาออกไปแล้ว เจียงอวี้จึงเอ่ยถามข้อสัยที่มีอยู่ในใจ

"ในหมู่บ้านของพวกท่าน ก็มีคนแซ่เจียงด้วยหรือ?"

ซูอวิ๋นได้ยินดังนั้น ก็รีบอธิบายต่อทันที

"ใช่ เมื่อสิบปีก่อนมีนายพรานคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านของเรา ล่าสัตว์เก่งมาก เสียดายที่ยังโสด และก็แซ่เจียงเหมือนกัน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม