เขาเพียงแค่คิดว่าเจียงอวี้แค่สงสัยที่มีคนแซ่เดียวกันกับตนเองก็เท่านั้น
เจียงอวี้เข้าใจในทันที แววตาของเขามีความครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ซูหว่านเข้าใจทุกอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไร ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ นางเข้าไปยุ่งมากเกินไปก็ไม่ดี
วุ่นวายจนถึงดึก ทุกคนเลยหิวกันแล้ว ซูอวิ๋นจึงเริ่มทำอาหารอีกครั้ง ไก่ตัวผู้ครึ่งหนึ่งนำไปตุ๋นน้ำแกง อีกครึ่งหนึ่งนำไปผัดกิน และยังมีหมูเค็มอีกเล็กน้อย
พอหิวแล้วกินอะไรก็อร่อย แม้แต่ก้นหม้อนึ่งข้าวก็ยังถูกขูดจนเกลี้ยง
กลางดึก ทุกคนหลับหมดแล้ว มีเพียงซูหว่านที่ยังคงจุดตะเกียงทำงานต่อไป
นางต้องเย็บหน้ากากให้เจียงอวี้ด้วย โดยต้องยัดฝ้ายเข้าไปข้างใน เพื่อให้เมื่อสวมแนบใบหน้าแล้วจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
นางจงใจวางมันไว้ข้างๆ ถุงหอมดอกฝูหรงตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นพอตื่นขึ้นมา หน้ากากก็มีกลิ่นหอมของดอกฝูหรงติดไปแล้ว
ตอนที่เจียงอวี้รับมา เขาก็ประหลาดใจไม่น้อย เพราะหน้ากากที่ซูหว่านเย็บนั้นฝีเข็มเรียบร้อยมาก
ที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกฝูหรงบนหน้ากาก ซึ่งทำให้เขาชอบเป็นพิเศษ
เมื่อสวมหน้ากากผ้าสีดำนี้แล้ว จะเผยให้เห็นเพียงคางและปากเท่านั้น
"ฝีมือดีนะเนี่ย" เจียงอวี้เอ่ยชมขึ้นหนึ่งคำ
"ท่านชอบก็ดีแล้ว ไว้ไปถึงตัวอำเภอเมื่อไร จะหาเวลาไปหาซื้อวัสดุมาทำอันที่ดีกว่านี้ให้ อันนี้มันดูลวกๆ เกินไปหน่อย" ซูหว่านยังไม่ค่อยพอใจนัก เพราะนางเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ
"ใจดีกับข้าขนาดนี้เลย?" เจียงอวี้ยิ้มถามอย่างสนใจ
"ก็เห็นแก่ที่ท่านช่วยงานข้าอย่างไรเล่า!" ซูหว่านตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ
เจียงอวี้อารมณ์ดีมาก แววตาที่สดใสซ่อนไว้ไม่อยู่
ซูเฉินกำลังจะออกเดินทางแล้ว เขายิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าตัวเองจะทำเสียเรื่อง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกไปทำการค้าด้วยตัวเอง!
เมื่อคืนนี้ เขาก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้อาจารย์ฟัง อาจารย์ก็ชมว่าที่บ้านพวกเขามีน้องสาวที่ดี ที่จะช่วยให้พี่ชายอย่างพวกเขาเติบโตขึ้น
อาจารย์ยังบอกอีกว่า ตัวเขาเองก็ควรจะออกไปฝึกฝนบ้าง เพราะเขามีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว หากคนเราอยากประสบความสำเร็จ เมื่ออยู่ข้างนอกก็ต้องรู้จักเข้าสังคม และอย่าแสดงความขลาดกลัวออกมา แล้วผู้อื่นจะชื่นชมในความใจกว้างของเจ้า ดังนั้นการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกก็เป็นด่านสำคัญที่จำเป็นต้องเอาชนะให้ได้
ทางด้านซูอวิ๋นและซูอี้กลับดูสบายๆ มาก ซูอวิ๋นนั้นถึงกับดูตื่นเต้นเสียด้วยซ้ำไป
ซูหว่านเตรียมกระบอกน้ำให้ทั้งสองฝ่าย เพื่อให้พวกเขาดื่มระหว่างทาง นางเห็นว่าพี่สามประหม่ามาก จึงเดินเข้าไปปลอบเขา
"พี่สามเจ้าคะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถิด ไม่ว่าจะทำเงินได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ท่านกล้าก้าวออกไปก็ดีมากแล้ว"
เจียงอวี้เห็นนางเขินอาย ก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้น
"เจ้าก็ช่วยข้าหน่อยสิ~" เขาจงใจลากเสียงยาว ทำให้คำพูดนั้นฟังดูเหมือนกำลังออดอ้อนเล็กน้อย
ไม่สิ พี่ชาย นี่ท่านกลายเป็นลูกหมาตัวน้อยไปแล้วหรือนี่?
ทำอย่างไรดี ซูหว่านใจเต้นเร็วมาก นางรู้สึกว่าไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเขาได้เลย
นางรับหน้ากากมา แล้วเข้าไปใกล้เขา เพราะความสูงที่ต่างกัน เจียงอวี้จึงได้โน้มตัวลงมา
จากมุมมองของบุคคลที่สาม จะดูเหมือนพี่ชายกำลังหยอกล้อน้องสาวข้างบ้าน มุมปากมีรอยยิ้มชัดเจน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ซูหว่านก็ถอยหลังโดยอัตโนมัติ และตอนที่ช่วยเขาสวมหน้ากาก สายตาของเขาก็จ้องมองนางอย่างไม่กะพริบ ซูหว่านรู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย
นางรีบยกมือขึ้นบังดวงตาของเขา พร้อมกับกดหน้ากากที่ยังไม่ได้ผูกเชือกลงบนใบหน้าของเขาด้วย
"หลับตาลง ห้ามมองข้า!"
นางลนลานแล้ว ลนลานแล้วจริงๆ...
เจียงอวี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงนั้นฟังดูมีความสุขมาก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...