ซูหว่านเชื่อฟังและรอเขาอยู่ที่เดิม บางทีอีกไม่นานเจียงอวี้ก็คงต้องจากไป เขาไม่สามารถอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ได้ตลอดไป
ก่อนหน้านี้เอามาหั่นสองห่อเพื่อให้ลูกค้าลองชิม ขนมข้าวซอยตัดเก้าสิบห่อขายได้เงินสิบสามตำลึงห้าสิบอีแปะ
…
ทางด้านซูเฉินไปยังหมู่บ้านที่ใกล้หุบเขาซานหยางมากที่สุดซึ่งอยู่ติดกับหุบเขาซานหยาง หมู่บ้านนี้ใหญ่กว่าหมู่บ้านของพวกเขามาก และมีผู้คนมากกว่า เขาใช้เวลาเดินครึ่งชั่วยามจนมาถึงที่นี่
ระหว่างทาง ผู้คนจำนวนมากต่างก็มองเขาซึ่งเป็นคนหน้าใหม่ที่ตัวสูงใหญ่และรูปงาม
จากหลายหมู่บ้านใกล้เคียงย่อมมีหลายครอบครัวที่มีลูกสาววัยพร้อมออกเรือน เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามสูงใหญ่เช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ
ซูเฉินยังคงรู้สึกเขินเล็กน้อย จึงหาที่ที่มีคนพลุกพล่านแล้วหยุดลง
เขาวางของลงตรงนั้น แล้วหยิบขนมข้าวซอยตัดที่จะให้ลูกค้าลองชิมออกมา
ทุกคนต่างมองสำรวจเขา ชี้ไม้ชี้มือ กระซิบกระซาบกัน ทำให้คนกลัวการเข้าสังคมอย่างเขารู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของอาจารย์ และความคาดหวังของหวานหว่านที่มีต่อเขา เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถถ่วงนางได้ ถ้าขายขนมไม่ได้ เขาคงไม่กล้ากลับไป
ดังนั้น เขาจึงลองเริ่มตะโกนเรียกลูกค้า
“เอ่อ... ขนม…ขนมมาแล้วจ้า!"
เสียงค่อนข้างเบา และเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำไปหมด
ถ้าไม่ได้มีพวกที่ชอบดูความครึกครื้น เข้ามามุงดูในทันที เขาก็คงจะยิ่งประหม่ามากกว่านี้อีก
“พ่อหนุ่ม เจ้าพูดอะไรน่ะ?”
มีป้าคนหนึ่งเอ่ยถามเขา ซูเฉินเห็นว่ามีคนเข้ามาถามแล้ว จึงรีบตอบในทันที
“เอ่อ... ข้ามาขายขนมขอรับท่านป้า!”
“อะไรนะ? ขายอะไร?”
ป้าคนนี้เอียงหูเข้ามาถาม ทั้งที่เมื่อครู่เสียงของซูเฉินก็ไม่นับว่าเบา ไม่น่าจะไม่ได้ยิน
เขาโชคดีจริงๆ ที่มาถึงก็เจอคุณป้าหูตึงเข้าให้พอดี
ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่ตะโกนเสียงดังขึ้น
“ท่านป้า ซื้อขนมไหมขอรับ อร่อยมากเลย ลองชิมดูก่อนไหม?”
เขาพูดอย่างจริงจังพลางยื่นขนมสำหรับทดลองชิมให้กับป้าท่านนี้ ครั้งนี้นางได้ยินแล้วจึงยื่นมือมารับไปกิน
ในขณะนั้น คนอื่นๆ ก็พากันเข้ามามุงดู และร่วมกันลองชิมขนมข้าวซอยตัด
“ที่แท้มาจากหุบเขาซานหยางนี่เอง อยู่ใกล้ๆ กันนี่เอง แล้วเจ้าหมั้นหมายแล้วหรือยัง? หมู่บ้านเรามีลูกสาวที่สวยๆ และขยันๆ เยอะแยะเลยนะ อยากจะลองดูตัวหน่อยไหม?”
เมื่อเจอชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้ แถมยังดูแข็งแรงอีก มาตรฐานการเลือกเขยของคนชนบทก็เป็นเช่นนี้แหละ คือต้องทำงานเก่ง รูปหล่อ และมีความทะเยอทะยาน
อีกทั้งซูเฉินยังรู้จักทำมาค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้อีกด้วย ก็เลยทำให้คนสนใจเป็นธรรมดา
ซูเฉินรู้สึกอายจะแย่อยู่แล้ว มาขายขนมข้าวซอยตัด ทำไมโยงไปถึงเรื่องการหมั้นหมายไปเสียได้?
“พอแล้วๆ อย่าแกล้งเด็กหนุ่มนักเลย พวกเจ้าถ้าชอบก็ไปสืบดูเองสิ ไปหาแม่สื่อให้ไปเจรจาให้ไม่ได้รึไง?” ลุงท่านหนึ่งช่วยแก้สถานการณ์ให้ ซูเฉินจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“สิบห้าอีแปะหรือ ลดให้หน่อยได้ไหมพ่อหนุ่ม?” พวกป้าๆ ทั้งหลายเริ่มต่อรองราคา
“ท่านป้า ลดราคาไม่ได้แล้วขอรับ เราต้องได้ทุนคืนบ้าง ขนมในตัวอำเภอก็ราคานี้แหละขอรับ แถมปริมาณยังไม่เยอะเท่าของเราด้วยซ้ำ"
นี่ก็เป็นสิ่งที่ซูหว่านสอน นางคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกี้ก็ได้ชิมกันไปแล้ว รสชาติอร่อยจริง ๆ แถมยังหวานด้วย ใส่เครื่องเยอะไม่ตระหนี่เลย
แถมเขายังยอมให้ลองชิมก่อนซื้อ ไม่เหมือนในเมืองที่ไม่มีการให้ลองชิมแบบนี้
คนที่ยินดีควักเงินซื้อยังมีอีกมาก ทุกคนก็ให้เกียรติซูเฉิน ส่วนใหญ่ก็ซื้อกลับไปคนละห่อ
และบางคนก็กลับไปบอกเพื่อนบ้านข้าง ๆ ด้วย ไป ๆ มา ๆ ก็เลยขายไปได้ตั้งสี่สิบกว่าห่อในคราวเดียวเลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...