เงินที่ได้จากการขายขนมข้าวซอยตัดนางแยกไว้ต่างหาก ค่าใช้จ่ายวัตถุดิบทั้งหมด รวมถึงค่าแรงของพวกเขาก็จะหักออกจากเงินส่วนนี้ ส่วนกำไรทั้งหมดก็จะอยู่ในนั้น สุดท้ายเหลือเงินเท่าไร ก็จะเป็นของซูอวิ๋นทั้งหมด
ซูอี้ก็ได้ค่าแรงสามตำลึงเช่นกัน แม้ว่าเขาจะทำงานไม่มากเท่าซูเฉิน แต่เขาก็ช่วยงานทุกวันและใช้เวลาไปไม่น้อย
นางเองก็ต้องเอาเงินสามตำลึงออกมาเป็นค่าแรงของตัวเองเช่นกัน เพราะนางเองก็ช่วยงานอยู่ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่ทุกวัน พวกนางทุกคนก็เหมือนคนงานที่ซูอวิ๋นจ้างมา ก็ต้องได้รับค่าแรง
ซูอวิ่นเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แบบนี้ถือว่ายุติธรรมดี ส่วนซูอี้ก็ยอมรับข้อตกลงนี้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเป็นค่าแรงที่ได้จากการลงแรงของตัวเอง
ซูหว่านเป็นคนที่ยุติธรรมจริงๆ ไม่ทำให้ซูอวิ๋นรู้สึกว่าเงินทั้งหมดได้มาง่ายๆ และก็ไม่ปล่อยให้พี่น้องคนอื่นที่ช่วยงานต้องเหนื่อยเปล่า แบบนี้ถึงจะมีความหมายต่อการเติบโตมากกว่า
หลังจากที่ไปขายในหมู่บ้านใกล้เคียงครบหมดแล้ว ซูหว่านก็เตรียมจะวางมือ ปล่อยให้ซูอวิ๋นจัดการทุกอย่างคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นตั้งแผงขายของในตลาดนัดของตัวอำเภอ จัดหาวัตถุดิบ หรือรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า
ในส่วนของการใช้จ่าย การซื้อของ หรือการลงนามในเอกสารต่างๆ นางจะไม่เข้าไปยุ่งอีกต่อไป ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้เอง ให้สัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของกิจการล่วงหน้า
ยังเหลือเงินจากการขายสบู่เมื่อครั้งก่อนอยู่สามสิบตำลึง อีกไม่กี่วันจะไปส่งของที่จวนตระกูลฮั่วแล้ว ก็ถือโอกาสเอาสบู่สระผมห้าสิบก้อนนั้นไปขายที่ร้านของชำด้วยเลย
เงินจำนวนนี้เก็บไว้ใช้จ่ายในบ้าน พอแม่ซูกลับมาก็ค่อยเอาให้นางเก็บไว้ดูแล
ถึงเวลานั้นก็จะสั่งตัดชุดฤดูหนาวให้พ่อกับแม่คนละสองชุด จะได้ฉลองตรุษจีนอย่างอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว
เมื่อซูเฉินได้ยินว่าแม้แต่ซูอี้ก็ยอมรับเงินไว้แล้ว แน่นอนว่าเขาก็ทำได้แค่ยอมรับเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีเงินเยอะขนาดนี้ มันรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลย
"ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยมีเงินติดตัวเลย เพราะที่บ้านมีลูกหลายคน ฐานะลำบาก เวลามีคนมาเร่ขายถังหูลู่ ก็มักมีแต่น้องสาวคนเล็กที่ได้กิน เขาในฐานะพี่ชายทำได้แค่มองและยอมให้น้อง"
"นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ค่าแรง ไม่รู้จะเอาเงินเยอะขนาดนี้ไปทำอะไรเลย"
คำพูดนั้นทำให้ซูหว่านฟังแล้วรู้สึกสงสารจับใจ แค่เงินสามตำลึงนี่ถือว่าเยอะแล้วงั้นหรือ?
"นี่มันเท่าไรกันเชียว ถ้าการค้าของพี่สี่รุ่งเรือง ท่านก็จะได้ค่าแรงมากกว่านี้อีกนะ!"
"แต่ให้ข้าพกเงินเยอะขนาดนี้ไว้กับตัวก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่ดี" ซูเฉินเกาหัวพลางยิ้มอย่างอายๆ
ตามเนื้อเรื่องในนิยาย เขาจะไปเป็นทหารในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เพราะชนเผ่าป่าเถื่อนที่ชายแดนจะรวมตัวกันก่อกบฏ ชนเผ่าพวกนี้มีจำนวนมากและมีกำลังพลและม้าที่แข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นจะต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่
สามปีต่อมาก็กลับมาจากสนามรบ พี่สามก็ได้กลายเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกร ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า
"แน่นอนว่าต้องเก็บไว้แต่งงานน่ะสิ พี่สามคิดว่าในอนาคตถ้าพี่แต่งงานไม่ต้องใช้สินสอดอย่างนั้นหรือ?" ซูหว่านพูดล้อเลียน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตพลิกผัน ข้ากลายเป็นคุณหนูตัวปลอม
กดอ่านต่อบท444ไม่ได้ขึ้น erro...
ทำๆมกดอ่านไม่ได่ ขึ้น error...