ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ นิยาย บท 225

สรุปบท บทที่225: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่

สรุปตอน บทที่225 – จากเรื่อง ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย

ตอน บทที่225 ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดยนักเขียน เหมยปาเหย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่225

เพราะว่าเมื่อกี้ที่เห็นหน้าหลิ่วจาวเฟิง เขาเองก็รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเหมือนกัน แต่เขาก็ระงับอารมณ์เอาไว้ได้ หลังจากที่ปรับอารมณ์ได้ ก็ไม่ได้รู้สึกเวียนหัวอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น?

หลิวเสี่ยอิงตอบเขาว่า “มันเป็นเพราะสองวันมานี้คุณเหนื่อยมากเกินไป เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว ดังนั้น……”

ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองหลี่เสว่ “อาไม่เป็นไร”

หลี่เสว่ตอบรับโดยที่ดวงตาทั้งสองข้างยังแดงอยู่

ไป๋ยี่เฟยพักเอาแรงแปบหนึ่งจากนั้นก็ออกไปส่งหลิวเสีย

ณ ห้องวีไอพีห้องหนึ่งใน ผับเทียนถัง

ไอ้หัวล้านนั่งรอไป๋ยี่เฟยไปนั่งดื่มเหล้าไป หลังจากที่นั่งรอไปชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ไป๋ยี่เฟยก็ยังไม่มา

ลูกสมุนคนหนึ่งได้ถามขึ้นว่า “เถ้าแก่คนนั้นไม่มาแล้วมั้งครับ?”

“เขาอาจจะยุ่งมากก็ได้” ไอ้หัวล้านหลิวดื่มเหล้าเข้าไปอีกคำ

“พี่ใหญ่ลองโทรไปถามอีกรอบดีไหมครับ?”

“ไอ้หัวล้านหลิวลังเลไปแปบหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่ดีกว่า ยังไงเขาก็มาแน่ เราแค่รอต่อไปก็พอ”

“ครับ พี่ใหญ่”

แล้วครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป ลูกสมุนคนหนึ่งก็ได้พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ เขามาถึงแล้วครับ”

พอไอ้หัวล้านหลิวได้ยินอย่างนั้นเขาก็ลึกขึ้นมาทันที แล้วรีบเดินไปต้อนรับที่หน้าบาร์ด้วยตัวเองเลย

ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสียก้าวลงจากรถเบนซ์

“เถ้าแก่ครับ” ไอ้หัวล้านหลิวยืนต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ไป๋ยี่เฟยผลักหลิวเสีย ไปข้างหน้าของไอ้หัวล้านหลิว “เธอคืนน้องสาวของคุณใช่ไหม?”

หลิวเสียที่ยืนอยู่ตรงหน้าของไอ้หัวล้านหลิวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความรู้สึกผิด

ไอ้หัวล้านหลิวถลึงตาใส่หลิวเสีย จากนั้นก็พยักหน้าตอบ “ใช่ครับเถ้าแก่ เด็กคนนี้ชอบก่อแต่เรื่อง คุณอย่าโกรธเลยนะครับ”

ไป๋ยี่เฟยตอบกลับไปด้วยท่าทางที่เรียบเฉย “คนที่เธอไปก่อปัญหาด้วยไปใช่ผมหรอก”

เมื่อมาถึงในห้องวีไอพี ไป๋ยี่เฟยก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างพอสังเขป

พอไอ้หัวล้านหลิวฟังจบ เขาก็สบถออกมา “แม่งเอ๊ย! ต้าส้งไอ้คนเนรคุณ ถ้าตอนนั้นข้าไม่ไปเป็นพยานให้ละก็ ป่านนี้แกก็คงยังนอนอยู่ในคุกแน่ๆ!”

“หือ?” ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว

ไอ้หัวล้านหลิวรีบอธิบาย “ก่อนหน้านี้ ต้าส้งมันเคยถูกจับคดีทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย ผมนี่แหละที่ไปเป็นพยานให้มันที่ศาล จากโทษสี่ปีก็ลดเหลือแค่สองปีเท่านั้น แม่ง พอออกมาก็มาตอบแทนการหักหลังแบบนี้!”

พอไป๋ยี่เฟยได้ฟังมาจนถึงตอนนี้เขาก็นึกถึงวั่นซินขึ้นมา เขาเองก็เป็นคนที่ตอบแทนด้วยการหักหลังเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

เขาเองก็ไม่ได้สนใจพวกบุญคุณของอิทธิพลใต้ดินมากนัก ในเมื่อคนก็ส่งถึงที่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาต้องอยู่ต่ออีก

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ไอ้หัวล้านหลิวรีบลุกขึ้นมาพูดไปยิ้มไปว่า “เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณเถ้าแก่มากเลยนะครับ ครั้งนี้ผมติดหนี้บุญคุณ คุณแล้ว ต่อไปถ้าต้องการให้ช่วยอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ” ไป๋ยี่เฟยโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรครับ มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น”

ไอ้หัวล้านหลิวยังคงยิ้มอยู่ “เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวผมหาสาวๆ สักสองคนมาดูแลคุณดีไหมครับ?”

“พอดีที่ผมเพิ่งได้เด็กใหม่มาสองคน พวกเธอยังซิงอยู่เลยนะครับ คุณสามารถสนุกได้เต็มที่เลยนะครับ”

พอไป๋ยี่เฟยได้ยิน เขาก็ชะงักไป จากนั้นก็เหล่ตาไปทางหลิวเสียที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้นว่า “น้องสาวคุณยังอยู่ตรงนี้อยู่นะระวังปากหน่อย”

ไอ้หัวล้านหลิวพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “เถ้าแก่ไม่ต้องไปสนใจเธอหรอกครับ เด็กคนนี้เธอรู้มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก”

มุมปากของไป๋ยี่เฟยแย้มขึ้น ภายใต้หน้าตาที่น่ารักของเธอนั้น แล้วนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกแบล็กเมล์ เขาก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว

แต่ก็จริง เธอเป็นถึงน้องสาวของไอ้หัวล้านหลิว ไม่มีทางที่จะเป็นแค่เด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดธรรมดาอยู่แล้ว

พอหลิ่วจาวเฟิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็ขำออกมาอย่างไม่พอใจ “จะสั่งสอนประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างนั้นเหรอ?”

“แต่พี่หลิ่ว ต่อให้เขาจะสูงส่งแค่ไหน เราก็ไม่ควรยอมให้เขามารังแกแบบนี้นะครับ”

“ที่สำคัญ เขาเป็นคนที่ทำลายบริษัทของเรา เราจะไม่เอาคืนหน่อยเหรอครับ?”

หลิ่วจาวเฟิงขำออกมาอีก “แน่นอนว่าต้องเอาคืนอยู่แล้ว แต่เราต้องทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ”

แค่ดูบทสรุปของพี่ชายทั้งคู่ของเขาก็พอจะทำให้รู้แล้วว่า การที่จะล้มไป๋ยี่เฟยนั้นจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด ไม่อย่างนั้นคนที่จะโดนก็คือตัวเองนี่แหละ

เซียวหรงเทาไม่รู้ว่าพวกหลิ่วจาวเฟิงกับไป๋ยี่เฟยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน เขาแค่รู้สึกว่าตัวตนที่แท้จริงของไป๋ยี่เฟยนั้นต้องน่าขนลุกแน่ๆ “พี่หลิ่ว เราสั่ง ต้าส้งให้จับตัวมันมาอย่างเงียบๆ โดยที่คนอื่นไม่มีทางรู้แน่ว่าพวกเราอยู่เบื้องหลัง ที่สำคัญนะ ไม่แน่ตอนนั้นเราอาจจะได้กินเค้กก้อนใหญ่อย่างโหวจวี๋ด้วยก็ได้นะครับ”

หลังจากเสียบริษัทไป ชีวิตของเซียวหรงเทาก็ไม่ได้สุขสบายมากนัก ดังนั้นตอนนี้เขาเองก็เริ่มโลภแล้ว หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาก็เริ่มจ้องที่จะเขมือบเค้กก้อนใหญ่ที่ชื่อโหวจวี๋แล้ว

หลิ่วจาวเฟิงจ้องไปที่เซียวหรงเทาไม่รู้จะชมเขาว่าโง่หรือบ้าดี คิดว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนที่จะถูกเล่นงานง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

แค่ไป๋หู่คนเดียวยังสู้ไม่ได้เลย แล้วยังกล้าเล็งไปที่ไป๋ยี่เฟยอีกเหรอ?

โง่เง่าสิ้นดี!

หลิ่วจาวเฟิงแค่เตือนเขาไปคำหนึ่ง “อย่าคิดใช้ไม้แข็งกับไป๋ยี่เฟยเด็ดขาด”

“พี่หลิ่ว พี่วางใจได้ พวกเราคนเยอะกว่า ถึงไอ้บอดี้การ์ดที่อยู่กับเขาจะเก่งมากก็เถอะ แต่มันก็มีแค่คนเดียว เราเอาอยู่แน่”

ตอนนี้สายตาที่หลิ่วจาวเฟิงมองเซียวหรงเทาได้เปลี่ยนเป็นการหัวเราะเยาะแล้ว “ทางที่ดีนะ แกควรจะเก็บความคิดนั้นกลับเข้าหัวไป ไม่อย่างนั้นละก็แกอาจจะตายไปโดยที่ตัวเองยังไม่ทันได้รู้ด้วยซ้ำ!”

“ไม่นะพี่หลิ่ว เราไม่จำเป็นต้องกลัวเขาขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ? ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหน ก็คงไม่เก่งไปกว่าคนทั้งฝูงหรอกมั้ง?”

หลิ่วจาวเฟิงขำออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายต่อ

เซียวหรงเทาไม่เข้าใจ ไป๋ยี่เฟยมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น ทั้งคู่ก็ได้เดินเข้าไปในซอยมืดซอยหนึ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่