บทที่ 262 – ตอนที่ต้องอ่านของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่
ตอนนี้ของ ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ โดย เหมยปาเหย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายใช้ชีวิตทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 262 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 262
ตอนที่เฉินห้าวกับสวีลั่งเลี้ยวรถกลับไป ก็เห็นว่ามีท้ายรถบ้านคันหนึ่ง เวลานั้นพวกเขากำลังมุ่งตรงไปบนถนนของเมืองเทียนจง
เฉินห้าวรีบขับรถตามไปทันที
เพียงแต่เพิ่งออกไปถึงปากทาง ยังไม่ทันถึงด่านเก็บเงิน ก็มีรถคันหนึ่งมาปาดหน้าพวกเขา ขวางทางพวกเขาไว้
สวีลั่งเห็นดังนี้ก็มีแววเย็นเยือกวาบผ่านดวงตา “ไม่ต้องสนใจ อ้อมไปด้านข้างแทน”
เฉินห้าวพยักหน้า จากนั้นก็หักรถคิดจะอ้อมผ่านไป
แต่รถคันนั้นรู้ว่าพวกเขาจะทำยังไง จึงเคลื่อนรถมาขวางทางพวกเขาต่อ ไม่ว่าเฉินห้าวจะขับไปทางไหน รถก็จะตามไปขวางทางนั้น
เฉินห้าวกับสวีลั่งเห็นว่าเรื่องไม่ปกติเสียแล้ว
“รถคันนี้จงใจ!”
เฉินห้าวจอดรถข้างทาง คนทั้งสองลงจากรถ
คนที่อยู่บนรถคันนั้นเห็นเช่นนี้ก็จอดรถที่ข้างทางเช่นกัน
“รุ่นพี่ บังเอิญจัง” ชายท่าทางอมโรคลงมาจากรถ พอเห็นสวีลั่งก็ยิ้มจนตาหยี
เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าคนที่เห็นในตอนนี้คือสวีลั่ง เพราะเขารู้จักรุ่นพี่ของเขาดี ประกอบกับก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยรับรู้ผ่านช่องทางบางอย่างมาเช่นกัน รู้ว่าไป๋ยี่เฟยถูกวางยาพิษ
เช่นนี้เห็นที ก่อนหน้าหน้าที่สวีลั่งทะเลาะกับไป๋ยี่เฟยเสียใหญ่โต ไป๋ยี่เฟยกลับไม่ได้สลบไป เท่านี้ก็ดูน่าสงสัยมากแล้ว
ตอนนี้ดูท่า นั่นคงเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น
สวีลั่งขมวดคิ้ว “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ฉันจำได้ นายไม่ใช่คนของพวกเขา”
“ไม่ใช่จริงๆ นั่นแหละ” ชายท่าทางอมโรคตอบ
“งั้นนายก็ปล่อยพวกเราไป”
“โทษที คงไม่ได้”
สวีลั่งหรี่ตา “นายจะสู้กับฉัน?”
ดูเหมือนชายท่าทางอมโรคจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไรอยู่ “รุ่นพี่ คุณก็รู้ พวกเราต่างก็มีจรรยาบรรณในอาชีพ รุ่นพี่ อันที่จริงคุณไม่ต้องทำแบบนี้เลย หน้าที่ของเราคือการฆ่าไป๋ยี่เฟย ไม่ใช่หรือ?”
“แต่ไป๋ยี่เฟยช่วยชีวิตฉัน ช่วยครึ่งหนึ่งก็ต้องฆ่านักฆ่าที่ต้องการชีวิตเขา” สวีลั่งกล่าวเสียงราบเรียบ
“ทั้งๆ ที่เขาไม่สนใจฉันก็ได้ แต่เขายังคงช่วยฉันโดยไม่ลังเล”
“นายไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นหรอก ความรู้สึกที่เดิมทีคิดว่านี่เป็นโลกอันหนาวเหน็บ แต่เวลานั้น กลับมีแสงสว่างสายหนึ่งลอดเข้ามา ทำให้คนรู้สึกอบอุ่น”
“รุ่นพี่ คุณเปลี่ยนไปแล้ว” ชายท่าทางอมโรคกล่าว
สวีลั่งพยักหน้ายอมรับ “ใช่ เขาเป็นคนทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้มีชีวิตใหม่”
เขาในฐานะที่เป็นนักฆ่า ไม่มีความรู้สึก และโลกก็หนาวเหน็บไร้ความรู้สึกเช่นกัน แต่ไป๋ยี่เฟยทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความอบอุ่นและความรู้สึกอีกครั้ง
ส่วนเฉินห้าว สำหรับเขาเป็นความรู้สึกซาบซึ้งตื้นตัน เมื่อก่อนเขาก็เคยอยู่ท่ามกลางโลกอันหนาวเหน็บเช่นกันไม่ใช่เหรอ? แต่ไป๋ยี่เฟยเป็นคนมอบความอบอุ่นให้แก่เขา ทำให้เขาได้พบแสงสว่าง ได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ชายท่าทางอมโรคมองสวีลั่งอย่างล้ำลึก “งั้นก็ยินดีกับรุ่นพี่ด้วย”
สวีลั่งมองเขา กล่าวเสียงราบเรียบว่า “เลิกพล่ามได้แล้ว เข้ามาเลย!”
คนทั้งสองมองสบตากัน จากนั้นก็พลันลงมือทันที ต่างพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
ถูกคนจ้างวานฆ่า ก็ไม่มีทางรอดเหมือนกัน
ชายตาเล็กยิ้ม ใช้มือถูคมมีดไปมา “ที่พูดมาก็ถูก แต่ก็เปล่าประโยชน์เช่นกัน ตายซะเถอะ!”
พูดจบ ชายตาเล็กก็ยกมีดขึ้น เล็งไปที่ไป๋ยี่เฟย
“อย่า!” หลิวเสี่ยวอิงร้องเสียงดัง ขวางอยู่ตรงหน้าไป๋ยี่เฟยอย่างสุดกำลัง แต่เพราะหวาดกลัว จึงหลับตาแน่น
ทว่าที่แปลกใจคือหลิวเสี่ยวอิงรออยู่นานแล้ว ก็ไม่เห็นมีดจะปักลงมาเสียที และไม่รู้สึกเลยว่ามีคนเข้ามาใกล้เธอกับไป๋ยี่เฟย
หืม? เกิดอะไรขึ้น?
หลิวเสี่ยวอิงลืมตา จากนั้นก็อ้าปากกว้างอย่างประหลาดใจ
เห็นเพียงชายตาเล็กทำท่าถือมีดค้างไว้ โดยไม่ขยับเขยื้อน แต่ที่ด้านหลังของเขา มีคนขับรถรูปร่างกำยำยืนอยู่
คนขับรถไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นไป๋หู่ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ‘ตาย’ แล้วนั่นเอง
ในมือไป๋หู่ก็ถือมีดเอาไว้เช่นกัน โดยเล็งไปที่หลังเอวของชายตาเล็ก ขอเพียงเขากล้าขยับ รับรองว่าเลือดได้ไหลนองเต็มพื้นแน่
เวลานี้ชายตาเล็กยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังเป็นใคร จึงได้แต่ถามว่า “ใคร?”
ไป๋หู่ถือมีดเดินมาด้านหน้าชายตาเล็ก โดยถอดหมวกกับแว่นตาดำออกแล้ว
“พ่อแกน่ะสิ!” ไป๋หู่ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยกับหลิวเสี่ยวอิงโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย ปกติทำไมดูไม่ออกเลยว่าไป๋หู่จะมีงานอดิเรกอย่างการเล่นเป็นพ่อคนด้วย?”
ชายตาเล็กเบิกตากว้างทันที “แก! แกตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่