บทที่590
ไป๋ยี่เฟยชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา
สวีลั่งทำหน้าไม่พอใจ “หัวเราะอะไรของคุณเนี่ย?”
ไป๋ยี่เฟยรีบกลั้นหัวเราะเอาไว้ จากนั้นก็ตบไหล่ของสวีลั่งอย่างจริงจัง “ไม่ขำแล้ว ไม่ขำแล้ว ฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจกับผีนะสิ!” สวีลั่งพูดออกมาอย่างไม่พอใจ เขาคิดว่าไป๋ยี่เฟยไม่เข้าใจแต่แสร้งทำเป็นเข้าใจเท่านั้น “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดสักหน่อย อย่าคิดบ้าๆ นะ”
ไป๋ยี่เฟยรีบหยิบบุหรี่ออกมาม้วนหนึ่งจากกล่องแล้วยื่นให้สวีลั่งไป “มามามา สูบมวนหนึ่ง คุณไม่ต้องอธิบายหรอก ผมเข้าใจทุกอย่าง
แล้ว”
พอสวีลั่งเห็นกล่องใส่บุหรี่ถึงได้รู้ตัวว่ามันเป็นของเขา เขาจึงแย่งมันกลับไป “นี่มันของผมนะ!”
ไป๋ยี่เฟยเอาแต่อ้าปาก สุดท้ายก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
จากนั้น ทั้งคู่ก็เงียบไป
สวีลั่งจุดบุหรี่ ดูดไปทีหนึ่งแล้วพ้นควันออกมา จากนั้นก็มองไปยังทะเลที่แสนกว้างใหญ่ พูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ผมจำได้ว่าผมเคยบอกกับคุณว่าผมมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง”
“ในปีที่ผมสิบขวบ พ่อแม่ก็เสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ น้องสาวขอผมไปอยู่กับคุณยาย ต่อมาคุณยายก็เสีย แล้วน้องสาวของผมก็หายตัวไป”
จากนั้นเพื่อที่สวีลั่งจะสามารถมีชีวิตรอดไปตามหาน้องสาวได้ เขาจึงเรียนรู้วรยุทธ และเรียนรู้ที่จะฆ่าคน
ในเวลาเกือบยี่สิบปี ทุกอย่างที่สวีลั่งทำก็เพื่อความอยู่รอด เพื่อตามหาน้องสาวของตน แต่เขาไม่เคยสัมผัสกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย
เมื่อกี้ตอนอยู่บนดาดฟ้า ตอนที่หยางเฉียวกรีดและโผเข้ามาหลบอยู่ในอ้อมกอดของสวีลั่ง
สวีลั่งก็ต้องสับสนอยู่แล้ว ในเวลาเดียวกัน ท่าทางที่อ่อนแอของหยางเฉียวนั้น มันก็ทำให้สวีลั่งนึกถึงน้องสาวของตัวเองขึ้นมา
สวีลั่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ผมแค่คิดว่า ถ้าน้องสาวของผมเจอเรื่องแบบนี้เข้า ก็คงจะตกใจแล้วต้องการผู้ชายสักคนเข้ามาปกป้องรึเปล่า?”
“ดังนั้น ผมจึงอยากเลี้ยงดูเธอ เลี้ยงดูเธอในแบบของน้องสาว รู้สึกเหมือนตามหาน้องสาวจนเจอแล้ว เผื่อว่าวันหนึ่งน้องสาวของผมไปเจอเรื่องแบบนี้เข้า จะได้มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเธอเหมือนกัน”
ฟังจบ ไป๋ยี่เฟยก็ต้องรู้สึกเขิน นี่เขาคิดมากไปจริงๆ
มีจุดหนึ่งที่ไป๋ยี่เฟยสามารถมั่นใจได้ หยางเฉียวไม่มีทางเป็นน้องสาวของสวีลั่งแน่นอน เพราะอายุไม่ตรงกัน ดูท่าทางหยางเฉียวเพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองเท่านั้น ส่วนน้องสาวของสวีลั่งน่าจะราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้ว
และหยางเฉียวก็อยู่บนหลันเต่าตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาก็เอาแต่ปกป้องน้องชายของตัวเอง และไม่เคยถูกผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ปกป้องมาก่อน คิดว่าในตอนนั้นเธอน่าจะแค่ประทับใจเท่านั้น
เมื่อสวีลั่งไม่ได้หมายความอย่างนั้น นั่นก็
ไป๋ยี่เฟยพูดไปด้วยความไม่พอใจว่า “คุณนี่มันเป็นคนหลอกลวง ทำร้านคนอื่น แล้วยังทำร้ายความรู้สึกของเธออีก”
สวีลั่งชะงักไปด้วยความงง “ผมไปทำร้ายเธอตอนไหน? ผมไปหลอกเธอเมื่อไหร่?”
ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างจนปัญญา “ถึงคุณจะไม่ได้มีจุดประสงค์แบบนั้นจริงๆ แต่คำพูดที่คุณพูดออกไปนั้นมันไม่ชัดเจน ใครมาได้ยินก็ต้องเข้าใจแบบนั้นกันหมดไม่ใช่รึไง?”
สวี่ลั่งชะงักไป “ก็สิ่งที่ผมพูดมันคือความจริงนี่นา!”
ไป๋ยี่เฟย “.....”
พอเห็นอย่างนั้นสวีลั่งก็เริ่มร้อนรนแล้ว “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปอธิบายให้เธอเข้าใจเอง”
พูดจบ สวีลั่งก็จะเดินเข้าไปในห้องโดยสารเลย เพื่ออธิบายกับหยางเฉียวแต่เขาก็ถูกไป๋ยี่เฟยดึงตัวเอาไว้ก่อน
สวีลั่งหันกลับมามองเขา “ทำอะไรเนี่ย?”
ไป๋ยี่เฟยคิดไปแปบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งใจร้อน รอแปบหนึ่ง”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็เดินเข้าไปในห้องโดยสารก่อน
สวีลั่งได้แต่ยืนงงอยู่กับที่
ไป๋ยี่เฟยเดินเข้าไปในห้องอาหาร พอเห็นหยางเฉียวที่ยังนั่งอยู่ตรงนั้น เขาก็เดินข้าไปหา
พอหยางเฉียวเห็นไป๋ยี่เฟยเข้ามา เธอก็มองเขาด้วยใบหน้าที่เขินอาย จากนั้นก็ก้มหน้าลง
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับดึงเธอขึ้นมา “ตามฉันมา”
“หา?” หยางเฉียวถูกไป๋ยี่เฟยลากไปที่ห้องน้ำด้วยความมึนงง ดวงตามีแต่ความแตกตื่น
ไป๋ยี่เฟยบอกกับเธออย่างใจเย็นว่า “เข้าไป แล้วล้างกระบนหน้าออกให้หมด”
หยางเฉียวชะงัก จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ไม่กี่นาทีต่อมา หยางเฉียวก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับใบหน้าที่ขาวสะอาด เป็นใบหน้าที่งดงามมาก ทำเอาไป๋ยี่เฟยถึงกับตาค้างไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่