ย่าเหยียนยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “โอหัง!”
คิดว่านางจัดการง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
ในตอนนี้ย่าเหยียนกำลังหลบการโจมตีและพุ่งไปหาเซียวเฉวียน
เวลานี้เซียวเฉวียนกำลังอวดดี คิดว่าเขาน่าจะไม่ได้ระวังการโจมตีจากย่าเหยียน ย่าเหยียนจึงคิดที่จะใช้โอกาสนี้ในการสังหารเซียวเฉวียนโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
แต่ภายใต้พายุหิมะอันรุนแรง ความเร็วของย่าเหยียนลดลงอย่างมาก แม้จะมีใจแต่พลังก็ไม่เพียงพอ
ตอนแรกนางคิดจะใช้โอกาสนี้ในการใช้ไม้เท้าตีเข้าไปที่ร่างกายของเซียวเฉวียน แต่เซียวเฉวียนก็สามารถรับมือเอาไว้ได้ จากนั้นเซียวเฉวียนก็ใช้โอกาสตอนที่นางไม่ทันตั้งตัว หมุนเวียนพลังภายในอย่างรวดเร็ว คว้าไม้เท้าของย่าเหยียนไว้และโจมตีนางออกไป
ลอบทำร้ายเซียวเฉวียนไม่สำเร็จ แถมไม้เท้าของย่าเหยียนก็ยังตกไปอยู่ในมือของเซียวเฉวียนด้วย
ไม่มีไม้เท้าที่เป็นอาวุธ ย่าเหยียนทำได้เพียงหากิ่งไม้มาเพื่อต้านทานพายุหิมะที่รุนแรงเป็นเวลาชั่วคราว รวมถึงแสงจากพู่กันเฉียนคุนด้วย
พายุหิมะที่โหมกระหน่ำและแสงอันเจิดจ้า ทำให้ย่าเหยียนไม่กล้าที่จะลืมตาเต็มที่ นางหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย
เมื่อครู่ได้ลองรับฝ่ามือของเซียวเฉวียนดู นางรู้สึกได้เลยว่าความแข็งแกร่งของเซียวเฉวียนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ไม่ว่าเขาจะพัฒนาขึ้นแค่ไหน สุดท้ายเซียวเฉวียนก็เป็นแค่คนธรรมดา ความแข็งแกร่งของเขาไม่มีทางเหนือกว่าย่าเหยียน แต่เมื่อประกอบกับพลังที่น่าทึ่งของเซียวหมิงชิว ย่าเหยียนรู้สึกว่าร่างกายของเซียวเฉวียนมีอะไรลึกลับที่ไม่อาจบอกใครได้อยู่
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เซียวเฉวียนไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกับคนทั่วไปในต้าเว่ย บางทีเขาอาจจะเป็นเหมือนย่าเหยียน เป็นชาวคุนหลุนในยุคเทพเจ้า
ย่าเหยียนพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น “เซียวเฉวียน เจ้าเป็นใครกันแน่?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ย่าเหยียนสนใจผู้อื่น นางอยากรู้ที่มาของเซียวเฉวียน
หรือพูดอีกอย่างก็คือ คนที่มาจากโลกอื่นนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าชาวคุนหลุนในยุคเทพเจ้างั้นหรือ?
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้าเป็นใคร ทุกคนบนโลกต่างรู้ดี”
เขาก็คือผู้นำแห่งจวนเซียว ประมุขแห่งชิงหยวน ราชครูแห่งต้าเว่ย!
และยังมีอีกหนึ่งตัวตน คิดว่าย่าเหยียนน่าจะเคยได้ยินมันมาจากนักปราชญ์บ้างแล้ว ว่าเซียวเฉวียนนั้นมาจากอีกโลกหนึ่ง
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เขาเกิดขึ้นมาใหม่หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใครงั้นหรือ?
ได้ยินเซียวเฉวียนพูดออกมาเช่นนี้ ย่าเหยียนก็นึกขึ้นมาได้ทันที นางเคยได้ยินนักปราชญ์พูดออกมาจริงๆ เซียวเฉวียนนั้นมาจากอีกโลกหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงถูกกล่าวหาว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมของสวรรค์และต้องถูกกำจัด
ดังนั้นคำถามจึงผุดขึ้นมาในหัวของย่าเหยียน โลกที่เซียวเฉวียนเคยอยู่ก่อนหน้านี้ คนที่อยู่ที่นั่นแข็งแกร่งเหมือนกับเซียวเฉวียนทุกคนเลยหรือเปล่า?
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของย่าเหยียน เซียวเฉวียนก็กล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจก่อนตาย ที่บ้านเกิดของข้า ทุกคนนั้นมากไปด้วยพรสวรรค์”
คนอย่างเซียวเฉวียน หากอยู่ในยุคของฮว๋าเซี่ย ถือได้ว่าเป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า เมื่อเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังหรือหน้าตา เขาก็ไม่ได้เป็นที่สะดุดตาของใครทั้งนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คลื่นแห่งความประหลาดใจก็ได้ปรากฏขึ้นในหัวใจของย่าเหยียน แววตาของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ หากเป็นเช่นนี้จริง หลังจากนี้หากมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเซียวเฉวียนปรากฏตัวขึ้นที่โลกแห่งนี้อีกจะทำอย่างไร?
คนธรรมดาที่ไม่อาจธรรมดาไปได้มากกว่านี้อย่างเซียวเฉวียน เมื่อมาถึงที่นี่ เขาใช้ระยะเวลาเพียงแค่ปีกว่าๆ ในการเปลี่ยนสถานการณ์อันใหญ่หลวงของต้าเว่ย และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย
บ้านเกิดของเซียวเฉวียนเป็นสถานที่แบบไหนกัน?
ย่าเหยียนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก
แม้จะไม่อาจอ่านเสียงหัวใจของนางได้ แต่เซียวเฉวียนก็รู้ว่าย่าเหยียนจะต้องกำลังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฮวาเซี่ยมากเป็นแน่
เซียวเฉวียนยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดอย่างภาคภูมิใจ “จริงอยู่ว่าฮวาเซี่ยนั้นสุดยอด แต่มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าอยากไปแล้วจะเดินทางไปได้”
ความหมายของมันก็คือ ชีวิตนี้เจ้าไม่มีทางได้เห็นว่าฮวาเซี่ยนั้นเป็นอย่างไร
เนื่องจากวันนี้เจ้าจะต้องตายลงด้วยเนื้อมือของข้า!
พูดจบเซียวเฉวียนก็หลับตาลงอีกครั้ง ใช้พลังจิตของเขาในการนึกคิด ทำให้พายุหิมะอันรุนแรงทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก!
มันทำให้ย่าเหยียนแทบจะหรี่ตาต่อไปไม่ได้ ดวงตาของนางเปิดออกเป็นเส้น มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงไปของสถานการณ์ปัจจุบัน
หิมะบนร่างกาย ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็นและสายลมอันรุนแรง มันทำให้ย่าเหยียนรู้สึกหนาวจนปากกลายเป็นสีม่วง
หากไม่ใช่เพราะมีพลังภายในอันแข็งแกร่งคอยปกป้องอยู่ ย่าเหยียนคงแข็งตายไปตั้งนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...