ตอน บทที่ 222 ยามนี้ไม่เหมือนก่อน จาก ซูเปอร์ลูกเขย – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 222 ยามนี้ไม่เหมือนก่อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายจีนโบราณ ซูเปอร์ลูกเขย ที่เขียนโดย ชิงเฉิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
องค์หญิงยังเป็นสาวรุ่นที่ยังไม่แต่งงาน นางแต่งกายเป็นสาวใช้เพื่อเข้ามาพบเซียวเฉวียน ในสภาพแวดล้อมทางสังคมในสมัยโบราณ นางจะประพฤติตนอย่างไรหากมีคำพูดแพร่กระจายออกไป?
ยามนี้ฉินเฟิงฝึกฝนขี่ม้า ยิงธนู และฟันดาบท่ามกลางหิมะตกหนักทุกวันเพื่อแต่งงานกับนาง
ถ้าฉินเฟิงรู้ว่าคนงามที่เขาโหยหาแอบย่องเข้ามาในเรือนของเขา ฉินเฟิงจะระเบิดหรือไม่?
“เอาล่ะ รีบกินเร็วเข้า”
สิ่งที่องค์หญิงหยิบออกจากตะกร้าไม่ใช่ขนม แต่เป็นเนื้อสัตว์ ผัก และเหล้า
เนื้อมีกลิ่นหอมมาก เหล้ายังเป็นเหล้าฉงซู นอกจากนี้ยังมีชามบะหมี่หนึ่งชาม เมื่อดูชามบะหมี่แล้วสามารถบอกได้ว่ามันทำขึ้นโดยแม่เซียว เส้นบะหมี่มีลักษณะกลมและบาง มีไข่ลวกเหลืองสีทองวางอยู่ด้านบน ต้นหอมสีเขียวส่งกลิ่นหอมสดชื่น
นางรีบเอาอาหารออกมา นางมีเวลาไม่มาก ไม่สามารถอยู่นานเกินไปได้เช่นกัน
“ดูแลตัวเองดีๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเซียวเป็นห่วงเจ้ามาก แต่ทำได้เพียงนำอาหารมาให้เจ้าได้เท่านั้น”
องค์หญิงกลัวว่าเซียวเฉวียนจะปฏิเสธ ดังนั้นนางจึงหันหลังกลับ จากไปทันทีหลังจากพูดเพียงเท่านี้
เซียวเฉวียนรู้สึกโหดร้าย เขาไม่สามารถทำร้ายผู้หญิงคนอื่นเช่นนี้ได้ “อย่ามาที่นี่อีก! ข้าไม่ต้องการ!”
องค์หญิงหยุดชั่วครู่แล้วพูดเบาๆ “กินช้าๆ ข้าจะกลับมาในภายหลัง”
นางมองขาของเซียวเฉวียน ดวงตานางเต็มไปด้วยความทุกข์และเสียใจอย่างไม่มีสิ้นสุด
มีคำพูดมากมายในปากของนาง แต่นางกลัวที่จะทำให้เซียวเฉวียนขุ่นเคือง ดังนั้นนางจึงไม่ถามอะไร
ดวงตาอ่อนโยนของนางกลายเป็นสายลมอ่อนโยนและฝนตกปรอยๆ ที่ตกลงมาสู่หัวใจเซียวเฉวียนที่มีเพียงความเย็นชา
หลังจากได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในจวนฉิน เขาไม่เคยคาดหวังว่าคนแรกที่ช่วยเขาในยามจำเป็นคือคนนอกและเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ
นางทะลวงผ่านพันธนาการของโลก ยอมลดค่าของตนเองเพียงเพื่อเขาที่เป็นคนพิการที่ใครๆ ก็บอกว่าอนาคตล่มสลายลงแล้ว
ท่านอาจารย์สั่งว่าไม่มีใครนอกจากตระกูลเซียวสามารถรู้ได้ว่าเขาจะหายดีภายในสามเดือน และโดยธรรมชาติแล้วองค์หญิงย่อมไม่ทราบเช่นกัน
นางห่วงใยเขาจริงๆ
นางรู้สึกเสียใจกับเขาจริงๆ
หัวใจเซียวเฉวียนสั่นไหวเป็นครั้งแรก จริงๆ แล้ว องค์หญิงก็ไม่เลวเลย...
“โครก”
เสียงในท้องของไป๋ฉี่ทำให้เซียวเฉวียนกลับมาจากความคิดของตน ไป๋ฉี่หิวมากแล้ว
เซียวเฉวียนยื่นไก่ทั้งตัวให้เขาทันที “กินเถอะ”
ในตะกร้ามีไก่ตัวเดียวเท่านั้น อาหารประเภทเนื้ออื่นๆ เป็นเพียงจานเนื้อไม่ติดมัน เช่นนี้นายท่านจะอิ่มได้อย่างไร?
“กินเร็ว! เนื้อจานนี้ก็เป็นของเจ้าเช่นกัน ข้าจะกินบะหมี่”
เซียวเฉวียนรู้ว่าเนื้อสัตว์และผักเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะอุดฟันไป๋ฉี่ อนิจจา หากเขาไม่สามารถหาเงินได้ พวกไป๋ฉี่นั้นเซียวเฉวียนก็คงไม่สามารถสนับสนุนพวกเขาได้จริงๆ
เซียวเฉวียนกินบะหมี่อย่างรีบร้อนจนมันมลายหายไปจนหมดสิ้นเสมือนพายุหอบเอาเศษปุยเมฆ เส้นบะหมี่ที่แม่ทำนั้นอร่อยมาก!
เห้อ! พอใจแล้ว!
ไป๋ฉี่มองเขาอย่างว่างเปล่า “นายท่าน ไม่ใช่ว่าเราตกลงกันแล้วหรือ ไม่ว่าอาการใดๆ ข้าจะกินมันก่อนเพื่อทดสอบพิษ?”
“ข้าไม่ได้กินมานานจนลืมกฎข้อนี้!”
เซียวเฉวียนเช็ดปาก ไม่ใช่ว่าเขาลืม แต่เขาเชื่อใจองค์หญิงโดยไม่รู้ตัว
องค์หญิงงดงามมากจนสมควรตายต่อหน้านาง
เขาไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว เลยกินได้ไม่มาก บะหมี่หนึ่งชามทำให้เซียวเฉวียนอิ่มมากแล้ว
ไป๋ฉี่กวาดล้างเนื้อสัตว์และผักอื่นๆ จนหมด นายบ่าวกินอย่างเอร็ดอร่อย แม้ไป๋ฉี่จะไม่อิ่ม แต่เขาก็สามารถระงับความหิวได้
ในเวลานี้มีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ที่รอยแตกของประตู แอบมองเข้าไปในเรือน
เมื่อเห็นนายบ่าวกำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุข ก็มีแววความโกรธในดวงตาของชายคนนั้น
เซียวเฉวียน!
เซียวเฉวียนแอบติดต่อกับองค์หญิงจริงๆ!
“คุณชายใหญ่ เราจะไม่เข้าไปหรือ? ยามนี้เป็นโอกาสอันดี!”
หลี่หย่งผู้อารักขาของฉินเฟิงกระซิบ นายท่านไม่ชอบเซียวเฉวียนมานานแล้ว หลี่หย่งเองก็ไม่ชอบไป๋ฉี่มานานแล้วเช่นกัน!
วันนี้เราจับความผิดของนายบ่าวได้แล้ว ถึงเวลาสอนบทเรียนให้พวกเขาแล้ว
เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ที่เป็นกังวลขององค์หญิงเมื่อครู่นี้ฉินเฟิงก็กำหมัดแน่น คางคกอยากกินเนื้อหงส์[1] เซียวเฉวียนคู่ควรหรือ?
“ไป! พวกเราไปกัน!”
“ปัง!” ฉินเฟิงเตะประตูเปิดออกเสียงดัง “เซียวเฉวียน! เจ้าเอาอาหารมาจากไหน?”
ฉินเฟิงยืดขาเตะตะกร้าจนล้มลงกับพื้น จานชามบะหมี่ส่งเสียงแตกคมชัดประสานกัน
ฉินเฟิงเยาะเย้ย เสแสร้ง!
“ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำท่าทาง วันนี้แตกต่างไปจากอดีต! มีใครบ้างไม่รู้ว่าหลังจากเซียวเฉวียนเป็นอัมพาต ระดับของไป๋ฉี่ก็อยู่ระดับเดียวกับตอนที่เขาเอาชนะสวีต๋า หลี่หย่งของข้าเก่งกว่าสวีต๋าของซ่งเชียนเวิ่นมาก!”
ฉินเฟิงเหลือบมองเซียวเฉวียนอย่างดูถูก “ถ้าเจ้าขอร้องข้า ข้าจะปล่อยไป๋ฉี่ไป!”
ขอร้อง?
ถุ้ย!
“ตี!”
เซียวเฉวียนกัดฟัน! โชคชะตา!
ต้นไม้มีชีวิตอยู่ได้เพราะมีเปลือก!
ผู้คนต้องต่อสู้เพื่อลมหายใจเดียว!
แม้เขาจะนั่งรถเข็น!
เขาก็จะตายในการต่อสู้!
ไป๋ฉี่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง แม้รู้ว่าเขาไม่อาจเทียบกับหลี่หย่งและคนอื่นๆ แต่วิชาดาบซินโหย่วยังเร็วอยู่! แม่นยำ! โหดเหี้ยม!
ในขณะที่แขนเสื้อโบกสะบัด รอยแผลเก่าของไป๋ฉี่จากการถูกทุบตีในทุกวันนี้ก็ถูกเปิดออกราวกับเกล็ดมังกรบิดเกลียวที่ขดอยู่บนแขนทั้งสองข้างของเขาซึ่งดูน่าตกใจ!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋ฉี่เก็บตัวในทุกวันนี้ เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว ไป๋ฉี่ได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดนี้หรือ?
แล้วทำไมไป๋ฉี่ถึงไม่พูดอะไรเลย?
ก่อนหน้านี้ที่ออกจากเรือน ไป๋ฉี่เพียงแค่บอกว่าเขาไม่สามารถเอาชนะขุนพลที่อยู่ข้างนอกได้!
แต่เขาไม่ได้พูดว่าเหตุใดถึงเอาชนะไม่ได้!
“อึก!”
เลือดเต็มปากกระเซ็นบนใบหน้าของเซียวเฉวียน ทำให้เซียวเฉวียนตระหนกขึ้นทันที!
..........
เชิงอรรถ
[1] คางคกอยากกินเนื้อหงส์ คนที่ไม่ประมาณตนเอง ใฝ่ฝันหาสิ่งที่ไม่มีวันได้ครอบครอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...