ดอกหญ้าไปที่บ้านพี่สาว
เมื่อเธอเปิดประตูเข้าก็พบว่าพี่สาวกำลังยุ่งอยู่ในครัว
“พี่”
“หญ้า มาแล้วเหรอ?”
น้ำทิพย์ออกมาจากครัวด้วยสีหน้ามีความสุขที่ได้เห็นน้องสาว “กินข้าวมาหรือยัง? ฉันกำลังจะต้มบะหมี่ กินด้วยกันไหม?”
“ไม่ ฉันกินมาแล้ว พี่ต้มบะหมี่หรือยัง? ไม่ต้องต้มแล้ว ฉันซื้อข้าวมาฝากพี่กับโตะด้วย”
“ยังไม่ได้ต้มเลย เมื่อวานโตะเป็นไข้ ฉันก็เลยนอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน เช้ามาก็ตื่นสายจนพี่เขยเธอดุ ว่าไม่ได้ทำอาหารเช้าเอาไว้ เขาบอกฉันอยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย เอาแต่ดูแลลูก ไม่ยอมตื่นมาทำอาหารเช้า”
น้ำทิพย์เล่าด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ดอกหญ้าโกรธมากเมื่อได้ยิน “โตะเป็นไข้เหรอ? ดีขึ้นหรือยัง? พี่ต้องพาเขาไปหาหมอนะ เดี๋ยวอาการจะทรุดลงอีก พี่เขยนี่ก็จริงๆ เลย ลูกป่วยแท้ๆ ไม่ช่วยแถมยังมาด่าพี่อีก”
“พี่ ฉันย้ายออกไปแล้ว พี่เขยยังยืนยันจะใช้วิธีหารเงินกับพี่อยู่หรือเปล่า?”
น้ำทิพย์นั่งลงบนโซฟา พลางเทก๋วยเตี๋ยวที่น้องสาวซื้อมาให้ลงในชามและพูดว่า “ฉันจะพาโตะไปหาหมอทีหลัง ส่วนเขาก็ยังจะหารเงินกับฉันเหมือนเดิม เขาบอกว่าฉันน่ะรู้จักแต่ใช้เงิน ไม่รู้จักหาเงิน ไม่รู้ว่าเขาต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหน ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันก็ต้องรู้จักสนับสนุนกัน” “นี่ต้องเป็นสิ่งที่พี่สาวของเขาสอนมาแน่ๆ ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานไปแล้วแต่ยังยุ่งเรื่องของคนอื่น เมื่อก่อนพี่เขยของเธอดีกับฉันมากแค่ไหน ต้องเป็นพี่สาวของเขาสอนมาแน่ๆ”
ในความเป็นจริง ก่อนที่น้ำทิพย์จะลาออก เธอได้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในบริษัท และรายได้ของเธอก็มากพอสมควร เธอเสียสละอย่างมากเพื่อความรักและการแต่งงาน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการดูถูกจากสามี
เธอใช้จ่ายเงินในครอบครัวเท่านั้น เงินที่เธอซื้อเสื้อผ้าคือเงินจากน้องสาว
เธอไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่มานานแล้ว นับประสาอะไรกับเครื่องสำอาง
แต่ทุกครั้งที่เธอซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางใหม่ ๆ แม่สามีและพี่สาวของสามีจะดุเธอว่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จะใช้สมบัติส่วนรวมของครอบครัวนี้ตามอำเภอใจไม่ได้
“พี่ ถ้าอย่างนั้นพี่ส่งโตะไปเรียนโรงเรียนอนุบาล แล้วกลับไปทำงานแบบเดิม เงินเดือนพี่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่เขยเลยนะ”
ดอกหญ้ารักพี่สาวมาก
เมื่อก่อนตอนที่เธออาศัยอยู่ที่นี่ เธอทำงานบ้านทั้งหมด เพื่อให้พี่สาวไม่ต้องเหนื่อยมาก
ตอนนี้เธอย้ายออกไปแล้ว ดังนั้นพี่สาวของเธอจึงเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม