สีครามเฝ้ามองเธอเลือกของอยู่ตลอด มองดูเธอต่อรองราคากับเจ้าของร้านดอกไม้ จากกระถางดอกไม้ราคา 50 เธอสามารถต่อให้เหลือครึ่งหนึ่งได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถที่จะทำให้เจ้าของร้านรู้สึกว่าถ้าไม่ขายให้เธอ ก็ขายให้ใครไม่ได้อีกด้วย สีครามเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใหม่มากสุดๆ
คุณชายอย่างเขาเวลาซื้อของไม่เคยดูราคาและไม่เคยต่อรองราคาด้วย
ไม่คาดคิดเลยว่าภรรยาของเขาจะเป็นคนที่ต่อราคาได้เก่งขนาดนี้ สีครามอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นเจ้าของร้านดอกไม้เจ็บปวดราวกับว่าเขาถูกตัดเนื้อชิ้นใหญ่ออกไปเสียอย่างนั้น
หลังจากจ่ายเงินแล้ว ดอกหญ้าจึงเริ่มย้ายกระถางดอกไม้ที่เธอซื้อมาไปที่รถของสีครามทีละกระถาง
ตอนแรกสีครามยืนอยู่ข้าง ๆ และมองดูอยู่เฉยๆ แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ข้างๆ รถเฉยๆ ในขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขนดอกไม้มันดูไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงไปช่วยดอกหญ้าขนย้ายดอกไม้ หลังจากย้ายดอกไม้ทั้งหมดแล้ว มันก็ทำให้รถของเขาถูกยัดเอาไว้จนเต็มแป๊ะ
โชคดีที่เจ้าของร้านดอกไม้ให้กระดาษแข็งมาปูบนเบาะนั่ง เพื่อกันไม่ให้เปื้อนเบาะรถของเขา
“มีอะไรอยากจะซื้ออีกไหม?”
สีครามเข้าไปในรถพลางเอ่ยถามภรรยาของเขา
“รถเต็มแล้ว ใส่ของอย่างอื่นลงไปไม่ได้แล้วล่ะ อย่าเพิ่งซื้อตอนนี้เลยแล้วกัน จะจัดการบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เสร็จได้ในวันสองวัน ฉันว่างเมื่อไหร่ก็ค่อยๆ ซื้อ ค่อยๆ แต่งไป”
ดอกหญ้าคาดเข็มขัดนิรภัย เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา แล้วกล่าวกับเขาว่า “เรากลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวสักพักฉันต้องไปบ้านพี่สาวสักหน่อย”
สีครามขับรถไปอย่างเงียบ ๆ
“คุณสีคราม”
“ว่ามา”
“สุดสัปดาห์ คุณย่ากับพ่อแม่ของคุณจะมาหา ฉันบอกพี่สาวให้พี่สาวกับพี่เขยมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อจะได้ไหม?ผู้ปกครองของฉันก็คือพี่สาวและพี่เขย พวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ไม่ว่าเราจะมีสายสัมพันธ์กันหรือไม่ก็ตาม ในเมื่อจะพบผู้ใหญ่ ก็ต้องให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายมาเจอหน้ากัน”
เผื่อเจอกันบนถนนแล้วจะไม่รู้จักกัน
ดอกหญ้ายังมีปู่ย่าและลุงของเธออยู่ที่ชนบทด้วย แต่ทุกคนล้วนรังเกียจที่พวกเธอสองพี่น้องเป็นเด็กผู้หญิง หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกเขาไม่มีใครเต็มใจรับเลี้ยงดูพวกเธอสองพี่น้องเลย
กลับแบ่งเงินค่าชดเชยส่วนหนึ่งที่แลกมาด้วยชีวิตของพ่อแม่ไปอีกด้วย
บ้านที่พ่อแม่ของเธอทิ้งไว้นั้นก็มีปู่ย่าของเธออาศัยอยู่ด้วย อย่างไรแล้วเธอก็ไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีกอยู่ดี และเธอก็ไม่ต้องการปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนกับญาติสนิทของเธอเองด้วย
รังเกียจพวกเธอสองพี่น้องที่เป็นเด็กผู้หญิงและปฏิเสธที่จะรับเลี้ยงดูพวกเธอเมื่อยามที่พ่อแม่เสียชีวิต ครั้นเมื่อพี่สาวของเธอแต่งงาน พวกเขายังมีหน้าที่จะร้องขอสินสอด 300,000 พวกเขาก็ถูกพวกเธอสองพี่น้องต่อว่าอย่างแสบสัน พี่สาวยืนกรานอย่างหนักแน่นไม่ยอมให้พี่เขยมอบเงินสินสอดแก่พวกเขาเป็นอันขาด
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เงินสินสอด 300,000 จึงจากไปพร้อมกับคำด่าสาดเสียเทเสีย และไม่แม้แต่จะเข้าร่วมงานแต่งงานของพี่สาว
ในหัวใจของดอกหญ้า พี่สาวต่างหากที่เป็นผู้ปกครองของเธอ
สีครามไม่ได้ปฏิเสธและกล่าวเสียงเรียบ “งั้นเอาอย่างนี้ คุณบอกพี่สาวให้รู้ วันเสาร์นี้ให้เธอเข้ามาพบพ่อแม่ของผม”
“ได้”
ไม่นานก็มาถึงกุสดีศิลป์อย่างรวดเร็ว
รถยนต์จอดอยู่ที่ชั้นล่าง ดอกหญ้าจะขนดอกไม้ขึ้นไปชั้นบนดังผู้หญิงแกร่งอีกครั้ง แต่สีครามกลับโทรหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของชุมชน จ่ายเงินค่าจ้างให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นจำนวนไม่น้อย และขอให้พวกเขาช่วยขนกระถางดอกไม้เหล่านั้นขึ้นไปชั้นบน
ถ้าเรื่องไหนที่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ ก็ใช้เงินแก้ปัญหาไป ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ตัวเองเหนื่อย
แม้ดอกหญ้าจะคิดว่าเขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยการทำเช่นนี้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วพวกเขาก็ยังไม่ได้คุ้นเคยกัน มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะพูดออกไปว่าเขาใช้เงินมั่วซั่ว และเมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง มันเป็นเพราะเขาเห็นใจเธอ ไม่อยากให้เธอเหนื่อยขนาดนั้น เงินเล็กน้อยนั้นเสียไปแล้วก็คือเสีย แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสียไป
มุมหนึ่งของระเบียงก็เต็มไปด้วยกระถางดอกไม้อย่างรวดเร็ว
สีครามส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นออกไป ในขณะที่ดอกหญ้ายืนอยู่บนระเบียงและมองดูระเบียงที่กว้างเกินไป แม้ว่าจะซื้อกระถางดอกไม้จนเต็มรถ มันก็กินพื้นที่ไปเพียงแค่มุมเดียวเท่านั้นเอง ชั้นตั้งดอกไม้ก็ยังไม่ได้ประกอบ และตอนนี้เธอก็ยังไม่ว่างด้วย มีเวลาเดี๋ยวค่อยกลับมาประกอบตอนหัวค่ำก็แล้วกัน
“เป็นอะไรไป?”
“ระเบียงใหญ่เกินไป วางดอกไม้แล้วก็ไม่ได้ตามที่ใจฉันอยากได้น่ะ”
สีครามเหลือบสายตามองดู อืม จริงด้วย น้ำเสียงเย็นชากล่าว “คุณอยากได้แบบไหน?แบบสวนดอกไม้ย่อมๆ เหรอ?”
ดอกหญ้าพยักหน้า
“คุณจะไปบ้านพี่สาวคุณนี่?คุณไปก่อนเถอะ แล้วผมจะไปซื้อดอกไม้กระถางที่ร้านดอกไม้มาให้อีกสักสองสามคันรถ”
ดอกหญ้ามองดูเวลาและเอ่ยถามเขา “พวกคุณทำงานกี่โมง?”
ลุงสินตอบรับด้วยความเคารพอีกครั้ง
สีครามวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
ดอกหญ้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็เตรียมห่ออาหารเช้าให้พี่สาวและหลานชายของเธอเช่นเดียวกับเมื่อวาน และเพราะเธออารมณ์ดี เธอจึงซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับเด็กให้หลานชายของเธอด้วย
“คุณน้า”
ดอกหญ้าเปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่ชัดเจนและไพเราะของคัตโตะ
“โตะ วันนี้ทำไมตื่นเช้าจังเลย รีบมาดูเร็วว่าน้าซื้ออะไรให้โตะ”
“รถรถ”
คัตโตะเพิ่งจะอายุแค่สองขวบ ยังพูดได้ไม่เยอะ เขาวิ่งเตาะแตะเข้ามาหา และหมุนรอบๆ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่สามารถแสดงความสุขออกมาเป็นคำพูดได้ก็ตาม
น้ำทิพย์ออกมาจากห้องน้ำ เธอเพิ่งจะโยนเสื้อผ้าของทั้งสามีและตัวเธอลงในเครื่องซักผ้าเพื่อซัก ส่วนเสื้อผ้าของลูกชายเธอซักด้วยมือ
“หญ้า เธอใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วนะ”
“ฉันซื้อรถให้หลานชาย จะใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ยังไง”
ดอกหญ้าวางอาหารเช้าลง จากนั้นก็อุ้มหลานชายขึ้นมาอีกครั้ง เธอจับโตะนั่งบนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแล้วสอนโตะว่าขับอย่างไร
คัตโตะฉลาดมาก พอสอนปุ๊บก็เป็นเลย เขาสามารถขี่รถอยู่ในห้องโถงไปชนนู้นชนนี่ได้
“พี่ ฉันซื้ออาหารเช้ามาให้พี่กับโตะแล้ว”
“เมื่อคืนฉันตั้งนาฬิกาปลุกและตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารเช้า ให้พี่เขยทานแล้วไปทำงาน”
เมื่อน้ำทิพย์เห็นว่าลูกชายเล่นอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้ม “ทีหลังไม่ต้องซื้ออาหารเช้ามาแล้วนะ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานมีครอบครัวเล็กๆ ของตัวเองแล้ว เงินที่เธอหามาได้ก็ควรที่จะเก็บเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัวของเธอเอง อย่ามาใช้ที่บ้านพี่นักเลย แบบนี้น้องเขยจะไม่พอใจเอาได้”
เธอไม่อยากให้น้องสาวของเธอกลายเป็นคนที่เอาแต่ช่วยเหลือพี่สาวแบบไม่คิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม