“ซื้ออาหารเช้าทานเล็กๆ น้อยๆ มันไม่แพงเท่าไหร่หรอก พี่ ฉันรู้แก่ใจดี”
รายได้ของดอกหญ้าไม่ได้ต่ำ เธอสามารถช่วยจุนเจือพี่สาวเธอได้ แต่ไม่สามารถที่จะให้รายได้ของตนทั้งหมด เธอเองก็อยากจะซื้อบ้านอยู่ด้วย
“โตะทานแล้วหรือยัง?”
ดอกหญ้าเอ่ยถามพลางเอามือแตะหน้าผากของคัตโตะ อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ปกติดี
“ดื่มนมผงไปแล้ว พี่กำลังต้มโจ๊กกระดูกหมูอ่อนอยู่ พร้อมทานแล้วจะป้อนให้เขาทานสักหน่อย เขาจะได้ไม่หิว”
น้ำทิพย์ดูแลลูกชายของเธออย่างใส่ใจ
“พี่ สีครามเขาจะกลับมาในอีกสองวัน วันเสาร์นี้พ่อแม่ของเขาจะมา พี่กับพี่เขยเองก็ต้องไปที่กุสดีศิลป์ในวันนั้นด้วย เพื่อพบหน้ากับผู้ใหญ่ฝั่งเขา พี่บอกกับพี่เขยหน่อยนะ”
เมื่อได้ยินดังนี้ น้ำทิพย์ก็เอ่ยออกมาอย่างมีความสุข “น้องเขยกลับมาจากไปทำธุรกิจนอกพื้นที่แล้วหรือ?”
“เขาบอกว่าคืนวันศุกร์จะกลับถึงบ้าน”
“ได้ พี่จะบอกพี่เขยเธอให้”
น้องสาวจู่ๆ ก็แต่งงานอย่างกะทันหัน ในใจของน้ำทิพย์ก็รู้ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นน้องสาวเธอก็ยังคงโกหก แต่เธอก็ไม่ได้พูดโพล่งออกไป เธอกังวลมากว่าน้องสาวของเธอจะแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่
เธอไม่เคยเห็นสามีของน้องสาวเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เธอให้ความสำคัญกับการพบผู้ใหญ่ของน้องสาวเธออย่างมาก
หลังจากอยู่ที่บ้านพี่สาวได้สักพักหนึ่ง ดอกหญ้าก็ออกไปทำงาน
หลังจากที่น้องสาวของเธอออกไปและป้อนโจ๊กให้ลูกชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำทิพย์ก็พาลูกชายของเธอออกไปข้างนอก อย่างแรกคือไปเดินเล่น สองคือเดินดูของ เธออยากจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองสักสองชุด เธอจะเอาไว้สวมใส่มันในวันที่น้องสาวของเธอพบกับผู้ใหญ่
ปกติเธอเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็มักจะแต่งตัวสบายๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นของที่ขายอยู่ร้านแผงลอยในตลาด
เมื่อนึกถึงตอนที่เธอยังเป็นเด็กสาว เธอใส่ใจในทุกๆ ด้านเป็นอย่างมาก แม้ว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่จะไม่ใช่แบรนด์ดัง แต่ก็มีคุณภาพที่สูงกว่าร้านแผงลอยข้างทางหลายเท่า ตอนนี้เธอแต่งงานมีลูกแล้ว ไม่มีงานจึงไม่มีแหล่งรายได้ เงินเก็บก่อนหน้านี้ก็หมดไปกับค่าปรับแต่งบ้าน
ทุกวันนี้เธอวางแผนการใช้จ่ายเงินตลอด พื้นฐานแล้วก็ใช้จ่ายอยู่ในครอบครัว น้อยมากที่จะได้ใช้สำหรับตัวเอง
น้ำทิพย์ได้ซื้อเสื้อผ้าระดับแบรนด์เนมมาสองชุด และยังซื้อชุดสูทตัวใหม่ให้สามีเธอหนึ่งชุดพร้อมเนกไท เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีให้กับพ่อปู่แม่ย่าของน้องสาวเธอด้วย
ทันทีที่เธอเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้า เธอก็ได้รับสายโทรศัพท์จากสามีของเธอ
“ฮัลโหล ที่รักค่ะ”
น้ำทิพย์อุ้มลูกชายและเข็นรถเข็นเด็กไปด้วย เธอเดินพลางรับสายโทรศัพท์
“คุณซื้ออะไรอีกแล้ว?แป๊บเดียวใช้เงินหมดไปตั้งพันกว่า ค่าใช้จ่ายในเดือนนี้คุณใช้ไปเกือบจะหมดแล้วนะ ผมบอกคุณให้นะ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็แบ่งกันจ่าย คุณจะใช้เงินพันกว่านี้หมดเลยก็แล้วแต่คุณ วันหลังถ้าไม่พอใช้ คุณก็หาทางเองก็แล้วกันนะ”
ประจวบสามีของน้ำทิพย์เองก็คล้ายกับสีคราม เขาเปิดบัตรธนาคารให้ภรรยาของเขาใช้โดยเฉพาะ ทุกเดือนเขาจะโอนเงินก้อนหนึ่งใส่เอาไว้ในบัตรสำหรับใช้ภายในครัวเรือน อย่างไรก็ตามบัตรธนาคารจะผูกเอาไว้กับหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขา ทุกครั้งที่น้ำทิพย์ใช้จ่ายเงิน เขาก็จะได้รับข้อความตลอด
ค่าอาหารการกินของครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คนต่อหนึ่งวันจะควบคุมให้ไม่เกิน 100 ทุกเดือนประจวบจะใส่เงินเอาไว้ในบัตร3000 สำหรับใช้ในครัวเรือน ถ้าน้ำทิพย์ประหยัดเงิน ก็ยังพอจะมีเงินเหลืออยู่สักสองสามร้อย หากลูกป่วยและต้องไปพบแพทย์ เงิน3000นั้นใช้ไม่ถึงสิ้นเดือนด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม