สีครามนิ่งเงียบ
คนที่ทำรถของสุดเขตต์เป็นรอยก็คือพี่สะใภ้ที่ไม่เคยเจอหน้าคร่าตากันมาก่อนจริงๆ ด้วย
“คุณสีคราม ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะ”
แม้ว่าเธอจะปลอบพี่สาวของเธอไปแล้ว แต่ในหัวใจกลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ความรู้สึกของดอกหญ้าก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
เธอเอ่ยกับสีคราม แล้วจึงกลับไปที่ห้องของเธอ
สีครามอ้าปากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เธอก็เข้าห้องไปเสียแล้ว
พรุ่งนี้เธอตื่นขึ้นมาเห็นดอกไม้บนระเบียงพวกนั้น ก็คงจะจัดระเบียบจัดวางเอาเอง
ทว่าสีครามรู้สึกว่าในใจของเขามีบางอย่างผิดปกติไป ราวกับว่าตนเองพอได้ทำเรื่องดีๆ ก็รอคอยที่จะได้รับคำชมจากเธออย่างนั้น
“คุณสีคราม”
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ดอกหญ้ายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของเธอและเอ่ยถามเขาว่า “คุณซื้อเครื่องซักผ้ามาเหรอ? ราคาเท่าไหร่?”
“เครื่องซักผ้าสองเครื่องราคารวมๆ ก็7,000 ”
ดอกหญ้าเปรียบเทียบราคาเครื่องซักผ้าที่บ้านพี่สาวของเธอ และรู้สึกว่าราคาเครื่องซักผ้าที่สีครามซื้อมานั้นก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล เธอจึงไม่ได้พูดอะไร
“ดอกหญ้า”
ในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูห้องลงอีกครั้ง สีครามก็เรียกเธอเอาไว้
“เรื่องพี่สาวของคุณ มันแก้ไขได้ ถ้าเงินพวกคุณไม่พอ บอกผม ผมจะให้พี่สาวคุณยืม”
ดอกหญ้ากล่าวอย่างซาบซึ้ง “คุณสีคราม ขอบคุณนะ เดี๋ยวรอดูว่าค่าซ่อมแซมของอีกฝ่ายออกมาก่อน แล้วดูว่าเงินที่เรารวบรวมได้เพียงพอสำหรับจ่ายหรือเปล่า ถ้าไม่ ฉันจะยืมเงินจากคุณนิดหน่อยไปให้พี่สาวฉัน”
คู่สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันเพียงไม่กี่วัน ระหว่างกันและกันไม่มีความคุ้นเคยใดๆ กันเลย แต่พอพี่สาวของเธอเกิดมีปัญหา เขาก็แสดงความตั้งใจที่จะให้ยืมเงิน ดอกหญ้ารู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ
“อืม ดึกมากแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ อย่าคิดอะไรมากเลย ทุกๆ ปัญหามันมีทางออกเสมอ”
“คุณก็ด้วย ราตรีสวัสดิ์นะ”
ดอกหญ้ากล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขา และเดินกลับไปที่ห้อง
สีครามนั่งอยู่ในห้องโถงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นและกลับไปที่ห้องของเขาเช่นกัน
ทันทีที่ประตูปิด เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาสุดเขตต์
“เขตต์ หลับแล้วหรือยัง?”
สุดเขตต์กล่าวยิ้มๆ “จะนอนได้ยังไง? ปกติฉันจะไม่นอนจนกว่าจะถึงตีสองตีสาม มีอะไรเหรอ? จะเลี้ยงเหล้าฉันหรือไง? มาบ้านฉันสิ ฉันจะเอาเหล้าชั้นเลิศที่เก็บเอาไว้พวกนั้นมาดื่มกับนาย”
“รถนายน่ะ เติมสีใช้เงินเท่าไหร่?”
ในตอนนั้นสีครามไม่ได้ลงจากรถไปดู เลยไม่รู้ว่ารถคันนั้นของสุดเขตต์เป็นรอยหนักมาขนาดไหน
“รอยขีดข่วนไม่ได้หนักมาก ใช้เงินแค่หมื่นหนึ่งก็น่าจะพอ”
“นายไม่ได้เรียกประกันเหรอ?”
“เรื่องเล็กน้อยจะมาขอบคุณทำไม จะว่าไปคุณย่าของนายดูจะชอบผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อดอกๆ อะไรนั่นมากนะ จะว่าไปแล้วถึงแม้เธอจะช่วยชีวิตคุณย่าของนายเอาไว้ จะให้เงินรางวัลมากมายแก่เธอก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กับเธอเลยก็ได้ ย่าศรีกลับมักจะไปพูดคุยกับเธอ แล้วยังให้นายโทรมาหาฉันเพื่อขอร้องแทนเธอด้วย”
สีครามกล่าวเสียงเรียบ “ย่าของฉันก็ตำหนิกลายๆ ว่าพวกเราเป็นหลานอกตัญญู ไม่มีใครเลยที่จะมีเวลาอยู่กับคนสูงอายุอย่างเธอ”
สิ่งที่คนสูงอายุตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดก็คือพี่ๆ น้องๆ ของเขารีบๆ แต่งงานมีภรรยามีลูก ให้กำเนิดเหลนหญิงชายสักสองสามคนมาให้เธอเล่น แล้วยังบอกอีกว่าขอแค่พวกเขาแต่งงานมีลูก พวกเขาจะได้เงินรางวัล 50 ล้านสำหรับลูกชายและ 500 ล้านสำหรับลูกสาว
ใครใช้ให้บอกว่าตระกูลจีรศักดีพลังหยางแกร่งพลังหยินอ่อนกัน ก่อนหน้านี้คุณย่าหวังอยากจะได้อุ้มหลานชาย ผลสุดท้ายลูกสะใภ้สามคนล้วนให้กำเนิดหลานชายทั้งหมดทั้งสามคน เลยทำได้แต่คาดหวังว่าเหล่าหลานชายจะให้กำเนิดเหลนผู้หญิงให้เธอ
สุดเขตต์หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวทันทีว่า “คนสูงอายุล้วนเป็นแบบนี้ ตอนที่ย่าของฉันยังอยู่ก็เร่งเร้าให้ฉันแต่งงานเหมือนกัน ตอนนั้นพวกเราพี่น้องรู้สึกรำคาญสุดๆ จนไม่อยากกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่ย่าของฉันได้จากไปแล้ว พวกเรากลับคิดถึงเสียงเร่งเร้าให้แต่งงานของท่าน”
คนเราก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ สูญเสียไปแล้วถึงรู้คุณค่า
สี่ยอดกุมารในครอบครัวของพวกเขาในตอนนี้ มีแค่เขาคนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน และทุกคนในครอบครัว รวมถึงหลานชายตัวน้อยของเขาที่เอาแต่ถามเขาว่าเมื่อไหร่เขาจะพาอาสะใภ้สี่มาบ้านสักที
“เป็นเรื่องปกติที่นายจะถูกเร่งให้แต่งงาน นายอายุสามสิบห้าแล้ว อีกสี่ห้าปีก็จะสี่สิบ ขืนยังไม่ได้แต่งงานอีก รอกว่าจะได้มีลูก นายก็แก่ตัวลงไปแล้ว คนอื่นเห็นพวกนายสองพ่อลูกเข้าก็จะคิดว่านายพาหลานมาน่ะสิ”
สีครามกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเขารำคาญคุณย่า บวกกับกตัญญูต่อคุณย่าจริงๆ ล่ะก็ เขาคงไม่แต่งงานเร็วขนาดนี้แน่ แผนของเขาก็คือตอนอายุสามสิบห้าค่อยคิดเรื่องใหญ่อย่างเรื่องแต่งงาน
แม้ว่าตอนนี้เขาจะแต่งงานแล้ว แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะอยู่กินกับดอกหญ้าไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกับสิ่งที่คุณย่าของเขากล่าวไว้ เขาจำเป็นต้องตรวจสอบนิสัยของดอกหญ้าดูก่อน ดูว่าภรรยาที่ย่าของเขาเลือกให้เขานั้นคู่ควรกับการยึดมั่นที่เขามีให้ทั้งชีวิตหรือไม่
สุดเขตต์หัวเราะร่าออกมา “งั้นฉันก็จะคิดซะว่าเอาลูกมาเลี้ยงเป็นหลานก็แล้วกัน”
สีคราม “……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม