“พี่สาวยังบอกเลยว่ามันเป็นทรัพย์สินก่อนแต่งงานของเขา ฉันไม่ได้จ่ายอะไรสักบาท การขอให้เขาเพิ่มชื่อของฉันในใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะพี่”
ทันทีที่เธอได้รับใบทะเบียนสมรส สีคราม ก็มอบกุญแจบ้านให้และสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้ทันที ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยได้รับการแก้ไขซึ่งเป็นเรื่องดีมากแล้ว
เธอไม่มีทางเขอให้ สีคราม เพิ่มชื่อตัวเองลงในใบรับรองอสังหาริมทรัพย์แน่นอน
แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายอยากใส่ชื่อเธอลงไปก่อน เธอจะไม่ปฏิเสธ เนื่องจากพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน
น้ำทิพย์ไม่พูดอะไรต่อ เมื่อรู้ว่าน้องสาวของเธอเป็นคนที่พึ่งพาตนเองได้และไม่โลภมาก เธอจึงไม่พูดเรื่องนี้ต่อ
หลังจากที่พี่สาวคัดค้านหลายครั้ง ดอกหญ้าก็ย้ายออกจากบ้านพี่สาวได้สำเร็จ
น้ำทิพย์ต้องไปส่งเธอที่กุสดีศิลป์ แต่บังเอิญคัตโตะกลับตื่นขึ้น เด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง มองหาแม่ของเขาทันทีที่เขาตื่น
“พี่ไปดูแลโตะเถอะ ฉันกลับคนเดียวได้”
น้ำทิพย์ยังต้องเลี้ยงลูก เมื่อป้อนข้าวลูกเสร็จก็ต้องเตรียมข้าวเที่ยงอีก ถ้าสามีกลับมาจากเลิกงานแล้วอาหารยังไม่สุก เขาด่าทอเธอว่ามัวทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองทำอาหารไม่เป็นด้วยซ้ำ
เธอจึงพูดได้อย่างเดียวว่า “งั้นเดินทางระวังหน่อยนะ แวะมากินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?แล้วเรียกน้องเขยมาด้วย”
“ฉันจะกลับไปที่ร้านตอนเที่ยงคงไม่แวะมาที่นี่แล้ว น้องเขยของพี่ทำงานยุ่งมาก เขาบอกว่าจะไปทำธุระตอนบ่าย อาจต้องใช้เวลากว่าจะพาเขามาหาพี่ได้”
ดอกหญ้าโกหก
เธอไม่รู้จักสีครามเลย แต่เธอได้ยินจากย่าศรีว่าเขายุ่งมาก ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน ไปทำธุรกิจครั้งหนึ่งก็กินเวลามากกว่าครึ่งเดือน ดังนั้นเธอจึงไม่กลับรับปากพี่สาว
“เพิ่งจะเทียนสมรสก็ออกไปทำงานต่างจังหวัดเลยเหรอ?”
น้ำทิพย์รู้สึกว่าน้องเขยเธอคนนี้ไม่สนใจน้องสาวเอาซะเลย
“ก็แค่จดทะเบียนสมรสน่ะ ไม่ใช่จัดงานแต่งงานสักหน่อย เขาอยากไปทำงานก็ให้เขาไปเถอะ เก็บเงินไว้เยอะๆ อนาคตจะได้ไปเที่ยวหลายๆ ที่ พี่รีบไปดูแลโตะเถอะ”
ดอกหญ้าโบกมือลาพี่สาวและหลานชายของเธอ จากนั้นลากกระเป๋าเดินทางลงมาชั้นล่าง
เธอรู้จักกุสดีศิลป์ แต่ไม่เคยเข้าไปเลยสักครั้ง
เธอเรียกแท็กซี่และตรงไปที่กุสดีศิลป์ เมื่อเธอมาถึงก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมถาม สีคราม ว่าบ้านของเขาอยู่ชั้นไหน
จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและต้องการโทรหา สีคราม แต่เธอไม่รู้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขา อีก โชคดีที่เธอเพิ่มไลน์ของเขาแล้ว เธอจึงโทรหาเขา
สีคราม อยู่ในการประชุม ทุกคนในห้องประชุมปิดเสียงโทรศัพท์ระหว่างการประชุม ไม่ได้รับอนุญาตให้รับสายส่วนตัว
ถึงเขาจะปิดเสียงโทรศัพท์ ในไม่ช้าเขาก็เห็นสายสนทนาจากดอกหญ้า
ตอนที่ทั้งคู่เพิ่มกันเป็นเพื่อน สีคราม ไม่ได้บันทึกชื่อไลน์ของ ดอกหญ้าไว้ ชื่อของเธอในนั้นก็คือ “นางเงือกในทะเลลึก” เมื่อเขาเห็นรายชื่อคนแปลกหน้า เขาก็ลบดอกหญ้าออกจากเพื่อนในไลน์โดยตรง
ดอกหญ้าห็นว่า สีคราม ไม่รับสาย ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความแทน
เธอพิมพ์ไปว่า “คุณสีคราม ตอนนี้ฉันอยู่ที่กุสดีศิลป์ แต่ฉันไม่รู้ว่าบ้านคุณอยู่ชั้นไหน”
หลังจากกดส่งอีก เธอก็พบว่าตัวเองและสีคราม ไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป
เธอมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง
“ทำไมไม่เป็นเพื่อนกันล่ะ? เราแลกไลน์กันที่หน้าสำนักงานเขตแล้วนี่นา ฉันเพิ่มคนผิดหรือเปล่าเนี่ย?”
ดอกหญ้าพูดกับตัวเอง
เธอแน่ใจว่าไม่ได้เพิ่มคนผิดในเวลานั้น ตอนนี้ทั้งสองไม่ได้เป็นเพื่อนกัน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นคือ สีคราม ลบเธอ
เขาลืมไปหรือเปล่าว่าพวกเขาเพิ่งแต่งงานกัน?
ดอกหญ้าไม่สนใจพฤติกรรมของเขาที่ลบเธอเมื่อครู่ เธอกดยอมรับคำขอเพิ่มเพื่อนทันที
“ขอโทษที ผมลืมไปว่าคุณเป็นใคร”
สีครามส่งข้อความขอโทษ ดอกหญ้า
ดอกหญ้าช่วยชีวิตย่าศรี ตอนแรกลูกชายและลูกสะใภ้ต่างพากันขอบคุณเธอ เมื่อหลาน ๆ ไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมไข้ ดอกหญ้าก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
แม้ว่าคุณย่ามักจะพูดถึงเธอต่อหน้าเขาบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่ฟัง ไม่แปลกที่เขาไม่เคยจดจำชื่อของเธอได้เลย
“ไม่เป็นไร คุณทำงานเถอะ ฉันจะขนของขึ้นไปข้างบนแล้ว” ดอกหญ้าตอบ
“ต้องการความช่วยเหลือไหม?”
“แค่กระเป๋าเดินทางใบเดียว ฉันยกมันขึ้นไปข้างบนคนเดียวได้ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ คุณจะกลับมาช่วยฉันถือได้ไหมล่ะ?”
“ไม่” สีคราม ตอบอย่างตรงไปตรงมา
เขายุ่งมาก
ไม่มีเวลาที่จะกลับไปช่วยเธอขนของด้วยซ้ำ
ดอกหญ้าส่งสติ๊กเกอร์หน้ายิ้มพลางร้องไห้ให้เขา จากนั้นก็ไม่รบกวนการทำงานของเขาอีกต่อไป
สีครามไม่ได้ส่งข้อความกลับ ทั้งสองคนรู้จักกันดีมากนักจึงไม่มีอะไรจะพูด
สีครามหวังเพียงว่าภรรยาคนนี้จะเชื่อฟัง และไม่รบกวนเขาด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดเวลา เขาไม่มีเวลาคุยกับเธอมากนัก
เมื่อเขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะพลางเงยหน้าขึ้น จึงพบว่าทุกคนกำลังมองมาที่เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม