ประตูสำนักงานไม่ได้ปิด เสียงดุว่าของพี่แนนได้ดังออกไปข้างนอก โซนสำนักงานที่อยู่ข้างๆ ได้ยินชัดเจน ทุกคนต่างแหงนหน้ามองมาที่เธอ บางคนยังแกล้งทำเป็นเดินผ่านประตูแล้วสังเกตดูสถานการณ์ข้างใน
เมื่อถูกพี่แนนดุ ญาธิดาก้มหน้าก้มตาไม่ตอบโต้
ตอนท้าย เธอขยับริมฝีปาก แล้วกล่าวเสียงเบา “ขอโทษค่ะ ฉันผิดเอง”
พี่แนนดุอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว เห็นว่าท่าทีของญาธิดายังถือว่าจริงใจ อารมณ์โกรธจึงหายไปมาก ดื่มน้ำหนึ่งคำ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “กลับไปเขียนบททบทวนมาส่งฉัน”
“ ค่ะ ”
“ออกไปเถอะ”
ญาธิดาลุกขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองไปทางพี่แนนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้า เดือนนี้ฉันขอทำโอทีสิบห้าวัน”
พี่แนนขมวดคิ้วเล็กน้อย ครู่หนึ่งจึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “สิบห้าวันหรือ?”
STN Groupไม่สนับสนุนให้ทำโอทีมากเกินไป และก็ไม่บังคับพนักงานทำโอที ดังนั้นการทำโอทีนั้นล้วนเป็นความยินยอมส่วนตัว และพนักงานแต่ละคนสามารถทำโอทีได้มากที่สุดแค่สิบห้าวันเท่านั้น แน่นอนว่า การทำโอทีย่อมมีค่าชดเชยอยู่แล้ว เทียบกับสายอาชีพเดียวกันแล้วถือว่าสูงกว่าด้วย
ญาธิดาพยักหน้า น้ำเสียงแน่วแน่ว่า “ใช่ สิบห้าวัน ฉันอยากให้โอกาสตัวเองในการไตร่ตรอง และอยากจะทำใจ โฟกัสไปที่งาน ”
พี่แนนดูท่าทีจริงใจของญาธิดา ไม่เหมือนอารมณ์ชั่ววูบ เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วถามว่า “แน่ใจว่าทำโอทีสิบห้าวันหรือ?”
ญาธิดาพยักหน้าอย่างจริงจัง
เธอคิดดีแล้วว่า ช่วงเวลานี้ทำโอทีให้มากเข้าไว้ หรือว่าหางานพาร์ทไทม์ เพื่อหาเงินให้ได้เพิ่มอีกนิด
พี่แนนกวาดสายตามองเธอแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก หยิบใบอนุมัติการทำโอทีออกมาจากลิ้นชักเซ็นอนุมัติให้เธอทำโอทีสิบห้าวัน
ญาธิดาหยิบใบอนุมัติมา โค้งคำนับพี่แนนด้วยความดีใจ แล้วหันหลังเดินออกจากสำนักงาน
โซนน้ำชาด้านนอกสำนักงาน พิชญ์สินีกำลังยืนรอดูเวลาที่ญาธิดาเดินออกมาด้วยสีหน้าหดหู่ แต่ไม่คิดว่า ตอนที่เธอออกมาปรากฏว่าสีหน้าเบิกบาน
ใบหน้าพิชญ์สินีหมองลงทันที ในใจรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย กวาดสายตามองดูญาธิดา ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ
เธอถูกดุมาไม่ใช่หรือ ทำไมเธอถึงดูดีใจขนาดนี้?
ญาธิดาเดินผ่านโซนสำนักงาน จู่ๆ ชมพู่ก็ตามเธอไป แล้วกระซิบถามด้วยความห่วงใยว่า “ธิดา คุณยังโอเคไหม?”
ต้องรู้ว่า หากพี่แนนอารมณ์เสียแล้วดุคน คนปกติทั่วไปจะรับไม่ไหว
ญาธิดายิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไร ”
ชมพู่เดินเข้ามาใกล้ กระซิบเตือนว่า “ธิดา ที่จริงเรื่องที่เธอเลิกงานก่อนเวลาในวันศุกร์ที่แล้ว พี่แนนไม่รู้หรอก แต่พิชญ์สินีเป็นคนเอาไปฟ้อง......”
เมื่อญาธิดาได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย นึกถึงสีหน้าพิชญ์สินีที่เรียกเธอไปสำนักงานเมื่อกี้นี้ เธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ถึงว่าเธอดีใจขนาดนั้น ที่แท้รอเยาะเย้ยเธอนี่เอง.......
ชมพู่มองดูญาธิดาเงียบไปไม่พูดอะไร แล้วเรียกอย่างลังเล “ธิดา?”
ญาธิดาได้สติคืนมา กำใบอนุมัติทำโอทีในมือแน่น ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา “ฉันไม่เป็นไร รีบกลับไปทำงานเถอะ”
ที่จริง พูดไปแล้ว เธอยังจะต้องขอบคุณพิชญ์สินีด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เธอ เกรงว่าใบรับรองการทำโอทีสิบห้าวันนี้คงไม่อนุมัติมาง่ายดายเช่นนี้
หลายวันต่อมา ญาธิดาทำโอทีถึงสามทุ่มกว่าทุกวัน ทุกวันที่เธอกลับถึงบ้าน ก็รีบอาบน้ำเข้านอน แม้จะเหนื่อย แต่เมื่อนึกถึงว่าสามารถหาเงินค่าผ่าตัดของพ่อได้เพิ่มหน่อย เธอก็รู้สึกได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้ว
และเป็นอีกวันหนึ่งที่เธอทำโอทีถึงสามทุ่มกว่า เมื่อสรุปตารางในมือเสร็จแล้ว ญาธิดาก็หาวนอนหนึ่งครั้ง แล้วจึงปิดคอมพิวเตอร์และเตรียมจะกลับบ้าน
ใครจะรู้ เมื่อเดินผ่านห้องโถงเดินลงมาถึงชั้นล่างของบริษัท เธอจึงพบว่าข้างนอกฝนตก พื้นปูสีเท่าเปียกไปด้วยน้ำฝน สีเข้มขึ้นเล็กน้อย นอกจากรถที่วิ่งไปมาขวักไขว่แล้ว คนเดินบนท้องถนนน้อยกว่าวันธรรมดามาก
ฝนตกหนักมาก ญาธิดาไม่ได้พกร่มมาด้วย ปรากฏว่าเธอต้องติดฝนอยู่หน้าประตูบริษัทอยู่พักหนึ่งแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...