เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย ภวินท์ก็หน้ามืดมนขึ้นมาทันที
เขาขมวดคิ้วถามอย่างเย็นชาว่า “ฉันจองโรงแรมต้องรับพ่อไว้แล้ว ทำไมจู่ๆ กลับบ้านล่ะ”
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความไม่พอใจจากน้ำเสียงของภวินท์ ภูผาก็อธิบายด้วยรอยยิ้มช้าๆ "พ่อบอกว่าอยากกลับไปหาย่าก่อน ก็เลยกลับไปคฤหาสน์หลังเก่าก่อน"
ภวินท์ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร วางสายแล้วเดินหันกลับไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ญาธิดาจึงรีบตามไปถามว่า “คุณภวินท์ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ภูผามารับพวกเขากลับบ้านแล้ว”
พูดพลางขึ้นรถ สั่งคนขับเสร็จ ภวินท์ก็เอียงหน้ามองเธอด้วยดวงตาสีเข้ม เผยริมฝีปากขึ้นกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่อยากไปกับผม เดี๋ยวผมจะให้คนขับรถส่งคุณกลับไป”
ทั้งที่ภวินท์ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ญาธิดาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ออกมาจากตัวเขา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างเป็นการเป็นงานว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
ภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
รถสีดำแล่นไปตลอดทาง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงคฤหาสน์หลังเก่า
รถจอดที่สวน เมื่อลงจากรถ ญาธิดาก็รีบตามภวินท์ไปที่ประตู
เมื่อพวกเขาไปถึงประตู ยังไม่ทันจะเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาจากข้างในแล้ว
ตอนที่เดินเข้าไปข้างใน ญาธิดาก็เห็นภวินท์ยืนแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเรียกสติกลับมาได้ เขาก็เดินไปข้างในแล้ว
เธอรีบตามไป เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟา นอกจากคุณย่ากับภูผาและครามที่กำลังนั่งรถเข็นอยู่ข้างๆ คนที่นั่งบนโซฟานั้นก็เป็นชายวัยกลางคนที่ยิ้มแย้ม และข้างๆก็เป็นหญิงสาวที่ดูแลตัวเองดี แต่งตัวสุภาพ ดูแล้วน่าจะเด็กกว่าชายคนนี้กว่าสิบปี
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่า สองคนนี้คือปกรณ์พ่อของภวินท์และมรกต แม่ผู้ให้กำเนิดของภูผา
ปกรณ์และมรกตเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียง ทันทีที่พวกเขาเห็นภวินท์ รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไปโดยเฉพาะปกรณ์มองภวินท์แบบไม่สบตาด้วยสายตาเย็นชา
ภวินท์ก้าวไปข้างหน้า โค้งคำนับทักทาย “คุณพ่อ น้าผิง”
มรกตยิ้มด้วยท่าทางใจดี “วินนั่งลงสิ พวกเรารอนายมานานแล้ว”
“ฮึ่ม!” ปกรณ์หน้าดุขึ้นทันที “ใครอนุญาตให้นั่ง! คุกเข่าลง!”
ทุกคนตกตะลึง แม้แต่ภูผาที่อยู่ข้างๆ ก็ยังแปลกใจ
คุณย่าก็แปลกใจเช่นกัน ถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “กรณ์ แกทำอะไรอยู่! วินเพิ่งกลับมา เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย...”
“ผิดหรือไม่ผิดตัวเขาเองไม่รู้เหรอ!” ปกรณ์กำหมัดแน่น เส้นเลือดขึ้นหน้าผาก ดวงตาคมกริบจ้องไปที่ภวินท์ “คุกเข่าลง!”
ภวินท์ได้ยินก็เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นาน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ก้มแล้วคุกเข่าลง
มือและเท้าของชายหนุ่มเรียวยาว คุกเข่าลงแบบนี้ หลังของเขาก็ยังตรง ใบหน้ามั่นคง นอกจากรอยย่นที่ส่วนโค้งของกางเกงแล้ว ก็ไม่มีทีท่าน่าละอายเลย
ญาธิดารู้สึกไม่สบายใจ ไม่คิดว่าภวินท์จะถูกปกรณ์สั่งให้คุกเข่าทันทีที่เขากลับมาบ้าน เป็นเพราะเรื่องแผนงานหรอเขาถึงถูกลงโทษ
ปกรณ์ ลุกขึ้นและถามเสียงเข้มว่า “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงให้คุกเข่า!”
ภวินท์ก้มหน้าลง หน้าของเขาคมราวกับมีดยังคงเย็นชาเหมือนเคย “เป็นความประมาทของผมเองที่ทำให้แผนงานรั่วไหลออกมา”
“แค่เรื่องแผนงานงั้นหรอ” ปกรณ์ฮึมเสียงเย็นชา “ไม่พูดถึงเรื่องที่ทำเงินหายไป70ล้านนะแต่ตอนนี้แกมีแต่เรื่องฉาวโฉ่ข้างนอก มีแต่ความอับอายให้ตระกูล ในตลาดหุ้นก็ตกจนจะไม่เหลือแล้ว นี่แกจะให้คนทั้งตระกูลต้องมาชดใช้เลยใช่ไหม!”
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชาว่า “พ่อครับ เป็นความผิดของผมเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...