ทางฝั่งปลายสาย หลุยส์มองดูโทรศัพท์ที่วางสายลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหยุดนิ่งเล็กน้อย แววตาประกายแสงแห่งความเย็นชา
เขาเก็บโทรศัพท์ขึ้น แล้วหันไปมองลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ สายตาจ้องไปที่ลำโพง
รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา ลูกน้อยงเข้าใจในทันที รีบปิดดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ดังกระหึ่มลง
หลุยส์หายใจเข้าลึก แล้วกล่าวขึ้น “ส่งคนออกไปตามหาญาธิดา”
ลูกน้องเกิดความตะลึงงันเล็กน้อย “เอ่อ……”
หลุยส์ผุดความอ่อนล้าขึ้นบนใบหน้า แล้วกล่าวเบา ๆ “ไปวนดูสักรอบแล้วค่อยกลับมา”
ลูกน้องพยักหน้าทันที แล้วก็เดินจากไป
หลังจากที่พวกเขาจากไป ในห้องก็เหลือเพียงเขาคนเดียว เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นอย่างใจเย็น แล้วก็ดูดเข้าไปฟอดใหญ่
ควันลอยฟุ้งบดบังดวงตาที่มืดสลัวของเขา
ทุกอย่างกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
สองชั่วโมงต่อมา รถสีดำแล่นข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ด
“เอี๊ยด——” เสียงรถเบรกดังขึ้น รถจอดอยู่ไม่ไกลจากแกรนด์ บูเลอวาร์ด ประตูรถถูกเปิดออก ใครคนหนึ่งถูกคนบนรถโยนทิ้งลงมา ล้มลงข้างถนน
โยนคนลงไปแล้ว วินาทีต่อมา ประตูรถก็ปิดลง จากนั้นรถก็หันหัวและจากไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาคลานอยู่บนพื้น ร่างกายอ่อนเพลีย แต่โชคดีที่ยังรู้สึกตัว ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเธอปิดพันใบหน้าและเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ดูกระเซอะกระเซิงสุด ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนราวกับฝันร้าย วนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอสูดลมหายใจเข้าลึก เสียงจากสมองบอกให้เธอคลานไปข้างหน้า แต่มือเท้าของเธอราวกับเหมือนหักไป จนแทบจะไม่มีแรงคลาน
เธอเงยหน้าขึ้น มองดูนิ้วมือที่ยังมีคราบสีแดงเปรอะเปื้อนอยู่ จมูกซี้ดขึ้น น้ำตาก็หลั่งออกมาโดยกลั้นไม่อยู่
เธอกัดฟัน ความเจ็บปวดลอยเข้ามา ทำให้เธอรู้สึกตัวขึ้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองมือคลายอยู่บนพื้น ลากสังขารค่อย ๆ คลานไปข้างหน้า
หนึ่งนิ้ว สองนิ้ว สามนิ้ว……
อย่างช้า ๆ เธอมองดูประตูเหล็กที่อยู่ตรงฝั่งนั้น กลั้นลมหายใจไว้ ค่อย ๆ คลานเข้าไปใกล้บ้านในฝันของเธอทีละนิด ๆ
ที่ห้องรับแขกมีไฟเปิดทิ้งไว้ สำหรับเธอแล้ว ราวกับแสงไฟสีส้มในกลางดึก ที่คอยให้ความอบอุ่นและความหวังแก่เธอ
ฝ่ามือถูกก้อนหินขูด หัวเข่าถูกข่วนจนมีรอยเลือดไหลออกมา เธอไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจความเจ็บ อยากจะไปให้ถึงให้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น……
ในที่สุดก็คลานมาถึงข้างประตูเหล็ก เธอคลานขึ้นไปกดกริ่งหน้าประตูอย่างทุลักทุเล ได้ยินเสียงคนในบ้านดังออกมา เธอถึงได้ถอนหายใจยาว ๆ ด้วยความโล่งอก
อัญมณีได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น จึงรีบออกมา เธอเห็นด้านนอกประตูว่างเปล่า ขณะที่กำลังมึนงง เมื่อก้มมองลง ก็เห็นร่างที่อยู่บนพื้น
เธอตกใจ แล้วรีบเดินไปข้างหน้า เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือญาธิดา เธอก็กรีดร้องขึ้น “ธิดา! เธอ!”
เธอรีบเปิดประตูด้วยความสับสน มองดูลมหายใจที่รวยรินของญาธิดา น้ำตาก็ของเธอเหมือนกับลูกปัดที่แกนด้ายขาด ร่วงหล่นลงมาจนหยุดไม่ได้
“เธอ……เกิดอะไรขึ้นกับเธอ…… เข้มแข็งไว้นะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน……”
อัญมณีตกใจจนพูดผิดพูดถูก พยุงญาธิดาเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็รีบโทรศัพท์หาธีทัตอย่างลนลาน แล้วก็ช่วยญาธิดาจัดการแผล
ญาธิดาที่นอนอยู่บนเตียง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอ่ยปากอย่างแผ่วเบาขึ้น “อีธานกับเอลล่า พวกเขา……”
อัญมณีรีบกล่าวขึ้น “เธอไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาล้วนอยู่ที่นี่ อยู่บนชั้นสอง ฉันได้กล่อมพวกเขานอนหลับแล้ว เธอไม่ต้องกังวล นอนนิ่ง ๆ อย่าขยับ……”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ญาธิดาถึงได้วางใจลง แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาราวกับควบคุมไม่ได้……
เห็นเธอร้องไห้ อัญมณีมื้อไม้ลนลาน ทั้งหยิบทิชชูให้ทั้งก็ปลอบใจเธอ “ธิดา เกิดอะไรขึ้นกันแน่……เธออย่าทำให้ฉันตกใจได้ไหม”
ญาธิดาพยักหน้า นอกจากน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ แล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...