ญาธิดาอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าเธอนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีท่าทีตอบสนองแบบนี้
หลุยส์มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แล้วก็โยนบุหรี่อีกครึ่งมวนที่เหลือลงบนพื้น ใช้ปลายเท้าขยี้ และก็พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “คุณน่าจะยังไม่รู้ ว่าผมไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาแล้ว”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มเหมือนเดิม !แต่ว่าสายตานั้นมันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
ญาธิดาขมวดคิ้วเข้าหากัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องของหลุยส์กับภวินท์เท่าไหร่นักหรอก แต่ก่อนหน้านั้น เธอดูออกอยู่นะว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นมันไม่ธรรมดาเลย
เรียกได้ว่า หลุยส์คือเพื่อนรักคนเดียวของภวินท์ ถ้าจะบอกว่าทั้งสองคนนี้แค่พูดว่าจะตัดขาดกันก็ตัดขาดได้เลย เธอไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นักหรอก
พอเห็นว่าสายตาของญาธิดาเต็มไปด้วยความลังเล หลุยส์ก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วก็พูดอย่างคัดค้าน “อยากรู้เหตุผลไหมล่ะ? ”
ญาธิดาชะงักไป และก็พยักหน้า “คุณสองคนไม่ได้สนิทกันมากหรอกเหรอ? ”
หลุยส์ตอบอย่างเย็นชาโดยไม่ลังเลเลยสักนิด “เมื่อก่อนใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
พอพูดจบ สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรำคาญ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ค่อยๆ จางหายไป ใบหน้าของเขาในตอนนี้เหลือเพียงแต่ความเย็นชาและสีหน้าที่เรียบเฉยเท่านั้น “ถ้าจะให้พูด จริงๆ ผมกับภวินท์ก็มีสาเหตุที่ต้องตัดขาดกันนั่นแหละนะ”
เขาจงใจพูดแค่ครึ่งเดียว แล้วก็มองไปที่ญาธิดาด้วยสายตาที่มืดมน
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ถือโอกาสนี้ถามต่อ “เหตุผลอะไร? ”
หลุยส์มองไปที่เธอ และพูดอย่างเย็นชาว่า “เพราะว่าคุณไง”
ญาธิดาอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าเธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ ตอนที่เธอกำลังอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกนั้น จู่ๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาใกล้เธอหนึ่งก้าว แล้วก็มองเธอลงมาจากด้านบน สายตาไม่ได้เป็นมิตรเท่าไหร่
“เพราะว่าคุณ เขาถึงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว แม้แต่ไม่สนใจสถานะหรือแม้แต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่แคร์ว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี ผมเกลี้ยกล่อมเขาเป็นพันครั้ง แต่ว่าเขาก็ไม่เคยฟังผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว คุณคิดว่า แล้วทำไมผมยังต้องเป็นเพื่อนกับเขาต่ออีกล่ะ? ”
คำพูดที่กะทันหันของผู้ชายคนนี้ทำให้ญาธิดาตกใจ เธอถอยหลังไปสองก้าวโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้น เธอก็เห็นรอยยิ้มที่ไม่แคร์บนใบหน้าของหลุยส์
“นี่มันเพื่อนแบบไหนกัน? ก็แค่นั่นแหละ เดาว่าในสายตาของเขาแล้วผมคงไม่สำคัญเท่าผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งด้วยซ้ำ”
หลุยส์พูดจาเหน็บแนม และก็ยิ้มอย่างถากถาง หลังจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไปทางประตูบาร์ เขาเปิดประตูเข้าไป และทิ้งให้ญาธิดายืนอยู่ที่เดิมคนเดียว
หัวใจของญาธิดามันรู้สึกซับซ้อนเหลือเกิน คำพูดของหลุยส์เมื่อกี้นี้มันเล่นซ้ำในหัวของเธอเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ให้เธอได้ลิ้มรสความหมายที่แตกต่าง
ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย หรือว่าภวินท์จะสนใจเธออย่างที่หลุยส์พูดจริงๆ เหรอ?
เธอยืนครุ่นคิดอยู่นาน แต่สุดท้ายก็หาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ เธอก็เลยกลับไป เหมือนกับว่าไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แต่เธอก็ค่อยๆ ตัดสินใจว่า เธอจะต้องตามหาภวินท์ให้เจอให้เร็วที่สุด! ต้องเจอให้ได้!
หลายวันถัดมา ญาธิดาก็ผ่าพวกพยัคฆ์ ไปตามหาเบาะแสต่างๆ แต่ว่าเมือง Jใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาทั้งหมดเหมือนกับฝูงแมลงวันหัวขาด พุ่งชนไปทั่ว
แต่ว่าเบาะแสที่เจอนั้นมันเล็กน้อยมาก พอสืบเจาะลงไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถมีอะไรมาหักล้างได้ ญาธิดารู้สึกปวดหัว ตอนนี้หัวของเธอคิดวิธีอื่นไม่ออกอีกแล้ว
พอพยัคฆ์เห็นว่าเธอเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาให้กำลังใจเธอ “พี่ธิดา พวกเราไปตามหากันอีกครั้งได้ ยังไงก็ต้องเจออย่างแน่นอน”
คำพูดแบบนี้ ญาธิดาได้ยินมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในวันที่ผ่านมา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับนวดขมับด้วยความเหนื่อยล้า และพูดอย่างกดดันว่า “แล้วถ้าเกิดว่าหาไม่เจอจริงๆ จะทำยังไงดีล่ะ? ”
คนที่คุณย่าส่งมาให้เธอ บวกกับพวกพยัคฆ์ที่เป็นคนของฝั่งภวินท์ ตอนนี้เธอมีลูกน้อง 10 กว่าคนแล้ว หลายวันมานี้พวกเขาต่างก็วิ่งเต้นไปตามที่ต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่สามารถหาอะไรเจอเลย
พยัคฆ์ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ตอบอะไร
ในเมืองเมืองหนึ่ง ถ้าเกิดว่ามีคนสองคนต้องการที่จะหลบซ่อน มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ขอแค่พวกเขาเจอมุมที่เหมาะเจาะและไม่ปรากฏตัวออกมาอีก ก็คงจะไม่ถูกค้นพบตลอดชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...