ภวินท์หลุบตาลง สายตามองไปยังอาหารเหล่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเงยหน้าขึ้นมองหลุยส์ แล้วก็พูดอย่างตำหนิว่า “แกก็รู้อยู่แล้วหนิว่าเจ้าอาวาสวัดย้ำแล้วว่า ห้ามแตะต้องแอลกอฮอลล์หรือเนื้อสัตว์”
หลุยส์ยิ้ม “ร่างกายแก ถ้าเกิดว่าไม่กินเนื้อสัตว์หน่อยแล้วมันจะฟื้นฟูได้ยังไงกันล่ะ? ปกติที่แกบอกว่าไม่กินเนื้อสัตว์น่ะ ฉันก็จะคิดวิธีให้พายุละลายเนื้อในโจ๊กให้แกอยู่เสมอ หรือไม่ก็ต้มในซุป”
พอได้ยินหลุยส์พูดแบบนี้ ภวินท์ก็ตาเบิกโพลงในทันที แล้วก็หันไปมองพายุที่อยู่ด้านข้าง เหมือนกับว่าต้องการการพิสูจน์คำพูดของหลุยส์
สายตาของพายุดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นปากของเขาก็กระตุก และพูดว่า “เรื่องจริงครับ”
ตอนแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเจ้าอาวาสวัดรับตัวมาดูแล ท่านเจ้าอาวาสก็เน้นย้ำว่าถ้าเกิดว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ ต้องเคารพกฎของวัด ข้อแรกคือห้ามแตะต้องแอลกอฮอลล์หรือเนื้อสัตว์ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ภวินท์ก็ไม่เคยได้แตะต้องเลย
แต่ว่าหลังจากนั้นพอมาคิดเกี่ยวกับร่างกายของเขาแล้ว หลุยส์กับพายุก็แอบเสริมสารอาหารต่างๆ ให้เขา อยากให้สุขภาพของเขาฟื้นฟูให้เร็วที่สุด ก็เลยทำอะไรบางอย่างกับอาหารของเขาทุกวัน ส่วนภวินท์เองก็ไม่รู้อะไรเลย
“พวกแก……”ภวินท์หน้าซีดในทันที “ชอบก่อเรื่องวุ่นวายจริงๆ เลย!”
เขาอยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าอาวาสวัด แล้วก็คิดว่าตัวเขาเองไม่มีอะไรที่จะสามารถตอบแทนได้เลย และตอนนี้พอได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำตามกฎได้ ก็เลยรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
หลุยส์เห็นว่าเขาเริ่มโมโห ก็รีบเกลี้ยกล่อมว่า “โอเคๆๆ ฉันจะบอกความจริงก็ได้ ความจริงแล้วเรื่องนี้เจ้าอาวาสวัดก็รู้อยู่!ฉันเคยเรียนท่าน ว่าแกต้องฟื้นฟูร่างกาย สุดท้ายท่านก็เลยอนุญาตโดยปริยาย แค่ให้เก็บความลับจากพวกเณรเท่านั้นเอง”
พอได้ยินดังนั้น ภวินท์ก็เม้มปากแน่นไม่ยอมปล่อย แต่พอเห็นท่าทางของหลุยส์ ที่ดูเหมือนไม่ได้โกหกอะไร เขาก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอหลุยส์เห็นว่าเขาไม่ได้โกรธอีกต่อไปแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบเรียกให้พายุมานั่งด้วยกันบนม้านั่ง แล้วก็เทเหล้าให้พวกเขา
“จะว่าไปแล้ว พวกเราก็ไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้วเหมือนกันนะ”
พอพูดจบ เขาก็ยกแก้วขึ้นมาเหมือนจะชนแก้ว ตอนแรกภวินท์ก็ไม่สนใจ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่านึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยยกแก้วขึ้นมาชนแก้วกับเขาด้วยเหมือนกัน
จะว่าไปแล้ว หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ เขาได้แต่จมอยู่กับความมืดมัว
ทุกความรู้สึกหม่นหมองที่มันอัดแน่นอยู่ในใจ มันไม่สามารถแสดงออกเพื่อระบายมันให้ออกไปได้เลย
เขายกแก้วขึ้นมา จ้องไปที่ของเหลวสีใสในแก้ว หลังจากนั้นก็ยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมด
ของเหลวเย็นๆ ไหลลงคอเข้าสู่ท้อง และไม่นานก็เหมือนมีไฟปะทุขึ้นในท้อง
ห่างหายไปนาน จนรู้สึกไม่คุ้นเคย
เหล้าสามแก้วไหลเข้าท้องไป บรรยากาศบนโต๊ะค่อยๆ ผ่อนคลายลงอย่างมาก เหมือนกับว่าฤทธิ์ของเหล้ามันทำให้คำพูดของภวินท์เยอะขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสามคนพูดคุยกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดถึงปัญหาในปัจจุบันเลย อย่างเช่นสถานการณ์ของSTN Groupในเมือง J ตอนนี้ หรือแม้แต่เรื่องขาทั้งสองข้างของภวินท์
ทั้งสามคนไม่พูดถึงเรื่องราวที่เลวร้ายเหล่านั้น แต่ว่าพูดคุยและหัวเราะในเรื่องอื่น อยู่ๆ มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปตอนเป็นวัยรุ่น ความสัมพันธ์ก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น
แล้วก็เห็นว่าขวดเหล้าทั้งสองขวดที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นใกล้จะหมดแล้ว ภวินท์ยื่นมือออกไป หยิบเหล้าขวดนั้นขึ้นมา และเทให้ตัวเองจนเต็มแก้ว หลังจากนั้นก็หันไปมองหลุยส์ และสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมและจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“หลุยส์ แก้วนี้ดื่มให้แก”
หลุยส์ชะงักไป ไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆ เขาจะจริงจังขึ้นมา “วิน ระหว่างพวกเรา……”
ไม่รอให้หลุยส์ได้พูดอะไร ภวินท์ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ต่อให้เราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ว่าก็ต้องพูดคำว่าขอบคุณ”
ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลุยส์ เขาก็คงจะถูกหมาป่าคาบไปแล้ว แม้แต่เศษกระดูกก็คงไม่เหลือ
ถึงแม้ว่า มีช่วงเวลาหนึ่งก่อนหน้านี้ที่พวกเขาตัดขาดกันไป มิตรภาพที่สั่งสมมาหลายปีพังทลายลงไป แต่ว่าหลังจากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เพื่อนรักอย่างเขามันตัดกันไม่ขาดหรอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...