มีหลายครั้งที่เธอต้องจากเขาไปไกล หนีไปจากเขา แต่วินาทีนี้ เธอรู้สึกเพียงว่าต้องการเห็นใบหน้าของเขา ต้องการเห็นเขาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธออย่างปลอดภัย
แต่ละวินาทีเดินผ่านไป เธอยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ มองดูทีมกู้ภัยค่อยๆ เดินเข้าไปด้านในตรงจุดของการระเบิด สำรวจ ดวงตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
เวลานี้ ภายนอกของเธอไม่มีความแปรปรวนทางอารมณ์ใดๆ แต่ว่ามือที่ประสานกันแน่นของเธอแสดงให้เห็นถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ประมาณยี่สิบนาที หัวหน้าทีมกู้ภัยเดินเข้ามารายงานสถานการณ์ให้กับหลุยส์อย่างรวดเร็ว “สถานการณ์ไม่สู้ดี สถานที่เกิดเหตุเสียหายอย่างร้ายแรง น่าจะมีคนมาวางระเบิดไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ต้องการทำลายโรงงาน นอกจากนี้ อาคารโรงงานที่นี่ค่อนข้างเก่ามากแล้ว ไม่ได้รับการดูแล เมื่อเกิดการระเบิดก็เละเป็นจุณ ด้านในเกรงว่า……”
ญาธิดาโซซัดโซเซเดินเข้ามาถาม “เกรงว่าอะไรคะ”
หัวหน้าทีมกู้ภัยหน้าถอดสี ขยับริมฝีปาก สุดท้ายก็ได้กล่าวออกมา “เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี……”
“โชคร้ายมากกว่าโชคดี” หกคำนี้ราวกับภูเขาลูกใหญ่หล่นมาทับหัวใจของญาธิดาไว้ ทำให้เธอหายใจไม่ออก
หัวใจของเธอบีบรัดแน่น ภาวะการขาดอากาศหายใจยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจน ทรวงอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเนื่องจากหายใจแรง ทำให้หัวใจเจ็บปวด
เวลายี่สิบนาทีเมื่อสักครู่ เธอยังตั้งหน้าตั้งตารอปาฏิหาริย์ แต่ตอนนี้คำพูดของหัวหน้าทีมกู้ภัยทำให้เธอนั้นตกนรก
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก กัดฟันแล้วกล่าว “ฉันไม่เชื่อ……”
เขารอดชีวิตจากช่วงเวลาที่อันตรายมามากมายในอดีตได้ ครั้งนี้เธอไม่เชื่อว่าเขาจะจากไปแบบนี้
เธอพยายามกลั้นน้ำตาตรงเบ้าตา สาวเท้าก้าวไปที่กองซากปรักหักพัง ขาทั้งสองข้างของเธอหนักพอๆ กับตะกั่วก็ไม่ปาน และทุกย่างที่ก้าวเดินช่างเปลืองแรงมาก
ทางฝั่งหลุยส์มองดูร่างของเธอที่ขวัญกระเจิง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สายตากวาดไปทั่วตรงซากปรักหักพังนั้น ความรู้สึกที่ซับซ้อนแวบเข้ามาใต้ดวงตา
เขาเป็นเพื่อนที่ภวินท์รู้จักมาหลายปี จะยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ว่า เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว……
เขากำมือที่ชี้ลงอยู่ข้างลำตัวขึ้นอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าทีมกู้ภัย แล้วเอ่ยปากกล่าว “รบคุณพวกคุณโปรดจงช่วยค้นหาและช่วยเหลือต่อไป หากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ จะได้ตามหาเจอได้เร็ว และเขาจะได้มีความหวังเพิ่ม”
หัวหน้าทีมกู้ภัยลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า รีบหันหลังไปกำชับลูกน้องทันที
ขณะเดียวกัน หลุยส์หันไปมองพายุที่สีหน้าหม่นหมองแล้วกล่าวเบาๆ “ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย พวกเราจะไม่ลดละความพยายามเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของญาธิดา นายจงไปกับเธอ”
พายุได้สติคืน ได้ยินหลุยส์กล่าวเช่นนี้ ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ก้าวเดินไปทางญาธิดาอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาก้าวด้วยฝีเท้าหนัก เพราะเธอเดินอย่างลำบาก ยิ่งเดินเข้าใกล้กองซากปรักหักพังมากเท่าไร ความรู้สึกที่หดหู่อยู่ในใจก็ยิ่งหนักอึ้งเท่านั้น
เดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงขั้นที่เธอสามารถได้กลิ่นดินปืนที่กระจายอยู่ในอากาศ ที่ดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วบรรยากาศรอบๆ จนกลายเป็นสีเทา และทุกอย่างก็เต็มไปด้วยบรรยากาศความหดหู่
จู่ๆ มีภาพบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดของเธอ
ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก่อนที่นิวราจะถูกคนลากลงจากรถ มองดูเธอที่ศีรษะที่โชกไปด้วยเลือด ส่งเสียงโวยวายสาปแช่งเธอกับภวินท์ ถึงขั้นที่สุดท้ายกล่าวกับเธอว่า “ไม่ตายดี” สามคำนี้วนเวียนอยู่ในสมองซ้ำๆ
หรือว่าจะเป็นเหมือนสามคำที่เธอกล่าว ไม่ตายดี……ไม่ตายดี……
อาการใจลอยของเธอ ทำให้เท้าสะดุดกับก้อนหินจนถึงกับเซ เกือบจะล้มลงไป
ทันใดนั้นความรู้สึกเก็บกดทั้งหมดก็ปะทุขึ้นในตอนนี้ น้ำใสๆ อุ่นๆร่วงลงมาจากดวงตา ปิดบังสายตาจนพร่ามัว
ญาธิดากำหมัดแน่น มุ่งไปที่ซากปรักหักพังแล้วตะโกนขึ้น “ภวินท์! คุณกลับมานะ! ฉันรู้ว่าคุณยังอยู่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...