อัญมณีรีบพยักหน้าอย่างทันที ยื่นโทรศัพท์ให้กับเธอ “พวกเธอดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่หย่าร้างกันเลยนะ? หรือว่าวินจะแอบซุกเมียน้อยเอาไว้ข้างนอก?”
ภวินท์กวาดสายตามองมาด้วยความเย็นชา เธอหดคอลง เงียบปากไปทันที
#ญาธิดาแม่เลี้ยงเดี่ยว# #การหย่าร้างกันของภวินท์# พวกคำค้นหาถูกไฮไลท์สีแดงเอาไว้ในการค้นหายอดนิยม บัญชีแอคเคาท์มากมายต่างโพสต์ภาพที่เธอพาลูกไปโรงเรียนตามลำพัง
“รายการพ่อแม่และเด็กเมื่อครั้งที่แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขายังดีอยู่เลยนี่นา แล้วทำไมจู่ๆ ถึงหย่ากันซะแล้วล่ะ”
“นี่เป็นการแต่งงานครั้งที่สามของญาธิดาแล้วใช่ไหม? ไม่รู้ว่าพวกเราจะโชคดีที่จะได้เห็นครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้าหรือเปล่า ผู้หญิงคนนี้แต่งงานบ่อยจริงๆ”
“นึกว่าตัวเองเจอกับรักแท้เข้าแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับเป็นคนหลอกลวง ความรักนี่มันไม่น่าเชื่อถืออย่างที่คิดเอาไว้ แต่การร่ำรวยขึ้นมากะทันหันมันดันมีอยู่จริง”
“สงสารก็แค่อีธานและเอลล่าเด็กน้อยทั้งสองคนนี่แหละ ยังเด็กขนาดนั้นก็ขาดความรักจากพ่อซะแล้ว”
“พวกลูกๆ ขาดพ่อได้เหรอ? แม้ว่าฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ฉันก็น่าเชื่อถือกว่าผู้ชายหลอกลวงแบบคุณภวินท์แน่นอน แม่ของเด็กรีบมองมาที่ฉันเร็วเข้า!มองมาที่ฉัน!”
ญาธิดามองความคิดเห็นที่ร้อนแรงเหล่านี้ก็รู้สึกหมดหนทางทำอะไรถูก สุดท้ายก็เอาโทรศัพท์ให้กับอัญมณี “ดูพวกสิ่งที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ให้มันน้อยลงหน่อย ฉันไม่ใช่ดาราที่โด่งดังอะไร วันๆ เอาแต่เกาะติดอยู่บนการค้นหายอดนิยมมันจะมีความหมายอะไร”
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะโด่งดังซะยิ่งกว่าดาราอีก” อัญมณีพูดตำหนิออกมาอย่างไร้ความรู้สึก ญาธิดากลอกตามองบนอีกครั้ง “วันนี้เธอจะกลับตระกูลกรเวชไม่ใช่เหรอ? ถ้ายังไม่ออกเดินทางอีกเกรงว่าจะไม่ทันได้เจอกับพี่ชายของเธอแล้วนะ”
อัญมณีเพิ่งจะจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายวับไปทันที แทนที่ด้วยสีหน้ามืดมน
“ความวุ่นวายของการหย่าร้างทำให้เกิดความผันผวนของตลาดหุ้นอย่างง่ายดาย ประมาณว่าพวกผู้ถือหุ้นเก่าพวกนั้นจะต้องสร้างความโกลาหลวุ่นวายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ฝ่ายประชาสัมพันธ์เตรียมดำเนินการต่อไปแล้วยัง?”
ฟังออกถึงความเป็นระเบียบจากน้ำเสียงของเธอ ภวินท์ก็ส่งสายตาชื่นชมให้กับเธอ “เช้าตรู่เวลาหกโมงได้ดำเนินการใช้แผนฉุกเฉินแล้ว ความนิยมกำลังค่อยๆ ลดลง ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป”
“แม้ว่าข่าวการหย่ากันจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ผลกระทบก็ยังคงมองข้ามไปไม่ได้อยู่ดี พวกเราโผล่หน้าออกไปด้วยกันก็มีแต่จะถูกคนคิดว่าเป็นการแสดงประชาสัมพันธ์เท่านั้น จำเป็นต้องคิดหาวิธีแก้ไขที่มันรอบคอบสมบูรณ์กว่านี้” เธอเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อีกเดี๋ยวฉันจะไปบริษัทด้วยกันกับคุณ”
ภวินท์เช็ดมุมปากด้วยท่าทางสง่างาม พูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ได้สิ”
รถไมบัคขับอ้อมเหล่าบรรดานักข่าวตรงประตูทางเข้าบริษัทไปโดยตรง แล่นพุ่งเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินอย่างรวดเร็ว ญาธิดากับภวินท์จับมือกันเดินเข้าบริษัท ตรงไปยังทางไปห้องประชุม เพิ่งจะเดินมาถึงประตู ข้างในก็มีเสียงที่ไม่พอใจของเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นดังออกมา
“ผมรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นารีเป็นเหตุ STN Groupจะช้าจะเร็วยังไงก็ต้องพังพินาศด้วยมือของเธอแน่นอน”
“พอนึกถึงเมื่อก่อนที่เธอเป็นประธานตัวแทนผมก็รู้สึกเลือดสูบฉีดพลุ่งพล่านขึ้นมาเลย พวกเราจะปล่อยให้เธอใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางที่มิชอบมิควรไม่ได้เด็ดขาด”
“ครั้งที่แล้วเธอภูมิใจมากไม่ใช่เหรอ? บอกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่พลิกผันไม่เหมือนที่เคยเป็นไม่ใช่เหรอ? วันนี้ผมอยากจะดูหน่อยซิว่ามันพลิกผันเปลี่ยนแปลงยังไง!”
“ใช่ๆ ถึงยังไงตอนนี้เธอก็หย่ากับคุณภวินท์แล้ว วันนี้จะต้องให้เธอลุกออกมาให้คำอธิบายกับพวกเราด้วยตัวของเธอเองให้ได้”
เหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต่างมีท่าทีขุ่นเคือง รอให้ภวินท์เข้าประตูมาก็จะพูดประณามออกมาตรงๆ
ประตูของห้องประชุมค่อยๆ ถูกเปิดออก ทั้งสองคนเดินจับมือกันแน่นเข้ามาในห้องประชุม เหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นก็อึ้งตะลึงในขณะเดียวกัน มองมิตรสหายที่อยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าสับสนมึนงง
ญาธิดายิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัยอะไร หันหน้าไปถามด้วยหน้าตายิ้มแย้ม “ทุกคนอยากจะได้คำอธิบายแบบไหนล่ะคะ?”
เหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่ไม่น้อย ยืนอยู่บนตำแหน่งด้วยความอึดอัด อัดอั้นอยู่นานสองนานกว่าจะพูดอธิบายออกมาอย่าประจบสอพลอ “ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ถือหุ้น จะต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ถูกต้องไหมล่ะครับ?”
ญาธิดาเม้มปากไม่พูดอะไรอีก ในเมื่อภวินท์กลับมาเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นบริษัทก็เป็นสนามเจ้าบ้านของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...