หลังจากที่นพเก้ากำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวโดยสวมผ้ากันเปื้อน อาหารหลายจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร เธอยืนอยู่ข้างๆ อย่างอารมณ์เสีย
เธอเป็นแค่พี่เลี้ยงและไม่มีสิทธิ์นั่งที่โต๊ะกินข้าว และต้องดูแลอาหารการกินของนายจ้างข้างๆ เธอด้วย
“เก้า น้องพอลมีอาการร้อนในนิดหน่อย อย่าลืมต้มน้ำเก๊กฮวยให้เขาด้วยหล่ะ” จีรวรรณคีบผักให้แก่ลูกชาย และสั่งนพเก้าด้วยท่าทางเจ้ากี้เจ้าการ
ความขยะแขยงในสายตาของนพเก้านั้นหายวับไป จากนั้นเธอก็พูดอย่างสุภาพว่า "เข้าใจแล้วค่ะคุณผู้หญิง"
พอลกินข้าวไปไม่กี่คำก็ไม่ยอมกอนแล้ว เขานั่งเขี่ยข้าวในจาน ขว้างข้าวไปทั่ว
เมื่อมองดูฉากที่วุ่นวายต่อหน้า นพเก้ารู้สึกโมโหขึ้นทันทีและกลอกตาด้วยความรังเกียจ
จีรวรรณเกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล และความโกรธของเธอก็พุ่งขึ้นทันทีและตะโกนใส่เด็กน้อยว่า “ดูลูกคนอื่นแล้วดูแกสิ ฉันจะให้กำเนิดคนงี่เง่าอย่างแกได้อย่างไร!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอขว้างตะเกียบในมืออย่างแรง แล้วอาละวาดอย่างดุเดือดว่า “ฉันด้อยกว่านังชั้นต่ำญาธิดานั้นตรงไหน ทำไมชีวิตเธอถึงได้ดีแบบนี้”
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคย นพเก้าก็เงยหน้าขึ้นทันที และความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในหัวใจก็ผุดขึ้นอีกครั้ง
เธอยิ้มให้จีรวรรณทันที และแสร้งทำเป็นประจบสอพลอ "คุณผู้หญิงสวยสง่าและมีรสนิยมสูง ชีวิตก็ดี๊ดี ใครจะเทียบได้กับคุณผู้หญิงของเรา "
จีรวรรณรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน และพูดจาดูถูกเหยียดหยาม “ฉันจะสู้กับกับคุณนายที่ทั้งรวยและมีอำนาจได้ยังไง ก็เพราะเธอมีเงินอยู่นิดหน่อยก็ทำตัวหยิ่งผยอง”
“ฉันเคยอิจฉาคุณผู้หญิงมาตลอด แต่ฉันไม่เชื่อว่ามีใครมีความสุขมากกว่าคุณผู้หญิงอีกแล้ว” เธอรีบเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “ผู้หญิงที่คุณผู้หญิงพูดถึงคือใครคะ”
“นี่คือภรรยาคนปัจจุบันของประธานSTN Group ก็แค่ได้สามีที่ดี ชอบทำตัวหยิ่งวางอำนาจไปวันๆ ” จีรวรรณตอบกลับอย่างหงุดหงิด
ความเกลียดชังในดวงตาของนพเก้ารุนแรงยิ่งขึ้น และปลายนิ้วของเขาถูกกำแน่นเป็นหมัดโดยไม่รู้ตัว
เธอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วพูดด้วยความเคารพ “คราวหน้าฉันจะไปรับน้องพอลให้คุณผู้หญิงดีกว่าค่ะ ไม่ต่องไปเห็นใบหน้าที่น่าขยะแขยงของผู้หญิงคนนั้นอีก”
จีรวรรณครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ "ก็ได้ ตอนนี้ฉันเห็นหน้าเธอแล้วรู้สึกแน่นหน้าอก และไม่รู้ว่าคุณวินจะหย่ากับเธอเมื่อไร"
“อย่ากังวลไปเลยค่ะ นางจะโอหังได้สักกี่วันเชียว...” นพเก้ายกยิ้มชั่วร้าย
ญาธิดายุ่งมากตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา สตูดิโอเพิ่งก่อตั้งและมีพนักงานเพียงไม่กี่คน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องทำด้วยตัวเอง
อีธานเอลล่ารู้สึกไม่พอใจกับสิ่งนี้มาก ทุกวันที่พวกเธอกลับมาก็เอาแต่บ่นว่าแม่ไม่อยู่อีกแล้ว เธอทำได้เพียงสัญญากับเด็กสองคนว่าเธอจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเขาหลังเลิกงานทันที
เมืองJเริ่มมีหิมะตก ญาธิดากระทืบเท้าของเธอท่ามกลางความหนาวเย็นที่ประตูโรงเรียนและมองดูไปข้างในโรงเรียนเป็นครั้งคราว
เด็กทั้งสองเห็นร่างของเธอทันทีที่ตอนที่เดินออกจากประตูโรงเรียนด้วยกัน เด็กๆมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า และวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ
“แม่จ๋า วันนี้ต้นกล้าเริ่มมาเล่นกับเราแล้วค่ะ แม่คิดว่าอาการป่วยของเขาจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ไหม” เสียงเล็กๆของเอลล่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ญาธิดายิ้มอย่างอบอุ่นและอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอและชมเชย "ต้นกล้าจะดีขึ้นในไม่ช้า เอลล่าจะเป็นผู้มีความชอบรายใหญ่ที่สุด"
เอลล่ายิ้มและมองเธอทันทีและพูดว่า “ต่อไปหนูจะเป็นหมอค่ะ และหนูจะไปรักษาเด็ก ๆที่มีอาการเหมือนต้นกล้า”
“แล้วอีธานล่ะ?” เธอเอียงศีรษะและมองลูกชายของเธออย่างสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...