เป็นแค่หญิงรับใช้แต่กลับกล้าเอ่ยปากสั่งสอนตนเอง เสิ่นปี้ฉือก้มหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาก็เอ่อล้นอยู่เต็มดวงตา : “เพราะข้าไม่ดีเอง พูดจาไม่เข้าหูจึงทำให้เจ้าพี่สะใภ้โมโห” จากนั้นจึงพยายามออกแรงลุกยืนขึ้นมา แต่ทว่า ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บจนลุกขึ้นไม่ไหว
ซวงหวนและชุ่ยหวนรีบเข้าไปประคองเสิ่นปี้ฉือขึ้นมา : “คุณหนู ท่านได้รับบาดเจ็บใช่ไหมเจ้าคะ”
“แค่เท้าแพลงนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก” เสิ่นปี้ฉือแสดงท่าทีฝืนทนต่อความเจ็บปวด
ไป๋เชินมองดูเสิ่นปี้ฉือที่แสดงสีหย้าเจ็บปวด แล้วหันกลับไปมองพระชายาที่สีหน้าไร้ความรู้สึก ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที การต่อสู้กันระหว่างผู้หญิงในลานด้านหลัง ผู้ติดตามเช่นเขาคงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรได้ ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเสียจริง ๆ
หมิงโร่เองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งดูหญิงสาวที่หน้าซื่อใจคดร้องไห้ จึงหันไปกวักมือเรียกสาวใช้ที่ถือกล่องอาหารอยู่ไม่ไกล : “เจ้าน่ะ เดินมานี่ซิ”
สาวใช้คนนั้นเดินเข้ามาด้วยความประหม่า : “หม่อมฉันเฉ่าเอ๋อร์ ถวายพระพรพระชายาเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ” หมิงโร่สังเกตเห็นนางตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เพราะนาง แต่เป็นเพราะกล่องอาหารที่นางถืออยู่ต่างหาก ที่ส่งกลิ่นหอมลอยฟุ้งออกมา “เจ้าบอกมาซิว่าเจ้าผู้พี่ล้มลงได้อย่างไร”
มารดาของเฉ่าเอ๋อร์เป็นแม่ครัวอยู่ในห้องครัวใหญ่ ที่ลานของซื่อจื่อน้อยต้องการเค้กพุทรา เมื่อขนมนึ่งเสร็จเรียบร้อย ก็ให้นางเป็นคนนำมาส่ง ซื่อจื่อกินแล้วรู้สึกอร่อย จึงให้นางนำมาส่งให้ท่านอ๋องหนึ่งจาน เพิ่งจะเดินมาถึงด้านนอกกำแพงเรือนเหมย ก็เห็นเจ้าผู้พี่และพระชายาพบหน้ากันพอดี “หม่อมฉันเห็นพระชายากำลังพูดคุยกับเจ้าผู้พี่ แต่ดูเหมือนเจ้าผู้พี่จะไม่ระวัง จึงล้มลงไปเองเพคะ”
“ต่อไปเจ้าผู้พี่ต้องเดินระวังหน่อยนะ อย่าเดินหกล้มอีกล่ะ” หมิงโร่พาจือซูเดินจากไป ขณะที่เดินผ่านเสิ่นปี้ฉือ เธอก็ดีดนิ้วในขณะที่ไม่มีใครทันจะสังเกตเห็น
หึ ๆ ทายาทจากตระกูลขุนนางแพทย์เสวียนอันสูงศักดิ์อย่างเธอ จะติดกับได้ง่าย ๆ ขนาดนี้หรือ ?
“ในเมื่อเท้าของเจ้าผู้พี่บาดเจ็บ ก็รีบกลับไปพักเถอะ แล้วให้หมอหลวงไปตรวจดูอาการ” ไป๋เชินรู้สึกว่าหมอหลวงที่ฮ่องเต้ส่งมามีเวลาว่างมากเกินไป ในที่สุดวันนี้ก็ทำตัวมีประโยชน์เสียที
“อาการบาดเจ็บยังพอทนได้ ข้าอยากจะนำโสมที่ตุ๋นกับมือไปให้ท่านพี่ดื่มเสียก่อน” เสิ่นปี้ฉือแสดงออกว่าไม่มีสิ่งใดจะสำคัญไปกว่าท่านพี่
“น้ำแกงนี้ข้าน้อยจะเป็นคนนำเข้าไปเอง เจ้าผู้พี่กลับไปก่อนเถอะ ท่านอ๋องกำลังนอนพักรักษาตัวไม่ต้องการพบใครทั้งสิ้น” เป็นเพราะท่านอ๋องเห็นแก่หน้าของไท่เฟย จึงยอมให้เจ้าผู้พี่พักอยู่ที่จวนเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นน้ำแกง ขนม หรืออาหารที่นำมาส่งก่อนหน้านี้ มีครั้งไหนบ้างที่ท่านอ๋องยอมพบหน้านาง นางไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหนกัน ว่าท่านอ๋องจะอนุญาตให้นางเหยียบเข้าไปในเรือนเหมยได้
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณพี่ไป๋มาก” เสิ่นปี้ฉือแอบด่าไป๋เชินอยู่ในใจไปหลายตลบ ที่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ใบหน้ากลับแสดงออกถึงความเขินอายและแสดงความขอบคุณ จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้สาวใช้ยื่นกล่องอาหารให้กับไป๋เชิน และเดินกะเผลกกลับไป โดยมีซวงหวนคอยประคองอยู่
ไป๋เชินมองดูเสิ่นปี้ฉือที่เดินจากไปแล้วส่ายหัว ดูเหมือนเขาจะประเมินเจ้าผู้พี่คนนี้ต่ำไปจริง ๆ----เมื่อครู่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางได้รับบาดเจ็บที่เท้าซ้ายไม่อาจใช้แรงได้ แต่เมื่อเดินไปเพียงสิบกว่าก้าว กลับเปลี่ยนเป็นเท้าขวา ดูเหมือนว่าเรื่องหกล้มข้อเท้าแพลง ล้วนเป็นการแสดงทั้งสิ้น
เมื่อเสิ่นปี้ฉือกลับถึงเรือนเบญจมาศ ก็ไม่อาจฝืนแสดงท่าทีอ่อนโยนและสง่างามได้อีกต่อไป นางหยิบถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วขว้างลงบนพื้นอย่างแรง : “ท่านอ๋องไม่พบแขก ! ท่านอ๋องไม่พบแขก ! หากข้าเป็นแขก......แล้วหมิงโร่คนนั้นเป็นอะไร !”
เมื่อชุ่ยหวนได้ยินสิ่งที่คุณหนูพูดก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นคือนายหญิงตัวจริงของจวนแห่งนี้ ต่อให้ภายหน้าคุณหนูจะได้เป็นพระชายารอง ก็ไม่อาจมีอำนาจเหนือกว่าพระชายาได้อยู่ดี อีกทั้งต่อให้จะไม่มีตำแหน่งพระชายา นางก็ยังเป็นองค์หญิงของแคว้นอยู่ดี เมื่อชุ่ยหวนเห็นท่าทางของคุณหนูที่ต้องการจะด่าว่าทุบตีเพื่อระบายอารมณ์ ก็รีบขับไล่บรรดาสาวใช้เด็กออกไป แล้วปิดประตูให้สนิท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงชีวันพสุธา
ไม่อัพต่อแล้วหรอคะ เรื่องนี้ตามหามานานมาก เสียดายจัง...
เรื่องนี้ก็ดองนานมากเลย😭...