หมิงโร่เองคิดจะทำกล่องยาตามอย่างคนทั่วไป แต่กล่องยาที่ระบบการแพทย์เสนอให้ ทำมาจากโลหะผสม มีความแข็งแกร่งสูง มีน้ำหนักเบา มีการจัดวางพื้นที่ภายในที่เหมาะสม รวมไปถึงต้องมีรหัส ทั้งหมดสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ จะดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของที่ใช้กันในยุคนี้
หมิงโร่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเลือกชุดปฐมพยาบาลภาคสนาม ซึ่งทำมาจากผ้าใบ และด้านในก็แบ่งออกเป็นช่อง ๆ ใช้สำหรับใส่สายรัด แอลกอฮอล์ และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เธอนำเข็มเงินที่ตนเองใช้เป็นประจำ รวมไปถึงยาที่เตรียมไว้ให้ซือห้าวเฉิน ใส่เข้าไปด้านใน
หากต้องการใช้อะไรเป็นการเร่งด่วน สามารถนำออกมาจากระบบการแพทย์ได้ ส่วนกล่องยาใช้สำหรับบังหน้าก็พอแล้ว
ขณะที่เดินไปยังเรือนเหมย จือซูก็แนะนำลานสำคัญที่อยู่ในจวนให้กับหมิงโร่รู้จักไปพลาง : “ทางทิศตะวันออกคือสวนกล้วยไม้ เมื่อก่อนไม่มีใครอาศัยอยู่ จนกระทั่งเมื่อวาน ซื่อจื่อน้อยกลับมาที่จวน ใต้เท้าไป๋จึงจัดการให้ประทับอยู่ที่นี่เพคะ ส่วนทางทิศตะวันตกคือเรือนเบญจมาศขององค์ไท่เฟย ปกติแล้วองค์ไท่เฟยทรงประทับอยู่ในวังหลวง จึงมีเพียงแค่ช่วงขึ้นปีใหม่ที่จะกลับมาประทับเพคะ เรือนเหมยที่ท่านอ๋องประทับอยู่ คือตำหนักใหญ่ของจวน ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของจวนพอดี......ดูสิเพคะ อยู่ตรงหน้าโน้น”
“เอ่อ......” มองตามทางที่จือซูชี้นิ้งไป หมิงโร่เห็นสิ่งก่อสร้างที่กว้างใหญ่และงดงามมาก มีคำสองคำผุดขึ้นมาในสมองทันที——ศาลาสีแดงสด หลังคายกสูง
ด้านหน้าประตูลานมีองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่สองคน ใบหน้าบ่งบอกว่าห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้เด็ดขาด
จือซูรีบเดินตรงไปข้างหน้า : “พระชายาเสด็จมาฝังเข็มให้ท่านอ๋อง”
“พระชายา เชิญพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์กำหมัดขึ้นคารวะ
“ไม่ต้องมากพิธี” หมิงโร่เดินเข้าไปในเรือนเหมย ลานทั้งใหญ่และกว้างขวาง บนพื้นปูด้วยหินอ่อนสีขาว ภายในลานไม่มีการตกแต่งด้วยดอกไม้ มีเพียงสองฝั่งของตำหนักหลัก ที่มีต้นบ๊วยโค้งงอสองต้นปลูกอยู่
อะอีนำทางหมิงโร่ไปยังประตูห้องบรรทม แล้วยกมือขึ้นขวางทางจือซูเอาไว้ : “ท่านอ๋องไม่ชอบคนเยอะ”
“เจ้าจงรออยู่ที่นี่ก่อน” หมิงโร่รับถุงยามาจากมือของจือซู ที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่ชอบถูกจับตามองในขณะทำงานเช่นกัน
“เจ้าค่ะ”
หมิงโร่เข้าไปในห้องบรรทม และรู้สึกพูดไม่ออก
หยุนชินอ๋องผู้นี้คงเป็นต้นแบบของความหรูหราอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเครื่องใช้โบราณที่วิจิตรตระการตา ลำพังแค่หยกอุ่นที่ใช้ปูพื้น ก็คงประเมินค่าไม่ได้แล้ว
หมิงโร่เดินเข้าไปในห้อง เห็นซือห้าวเฉินนั่งพิงตัวอยู่ตรงหัวเตียง ในมือถือม้วนหนังสืออยู่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย
มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบยืนก้มหน้าอยู่ที่ปลายเตียง รูปร่างผอมบางและมีผิวคล้ำ สวมใส่ชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม ตรงข้างเท้ามีกล่องยาวางอยู่หนึ่งใบ
หมิงโร่เลิกคิ้ว นี่คงเป็นเพราะกลัวว่าเธอจะลอบทำร้ายเขา จึงจงใจเรียกผู้เชี่ยวชาญมาจับตาดูอย่างนั้นหรือ ? ถ้าหากคิดจะลงมือกับเขาจริง ๆ หมิงโร่เชื่อมั่นในตนเองอย่างยิ่งว่า ต่อให้หาคนมาจับตาดูเพิ่มอีกสักสิบคน ตนเองก็สามารลงมือได้อยู่ดี
“ท่านอ๋อง พวกเรามาเริ่มกันเถอะ” หมิงโร่หยิบจานใบเล็ก ๆ ออกมา จากนั้นจึงหยิบผ้าก๊อซออกมาพับสองสามทบ แล้ววางลงบนจาน เทแอลกอฮอล์ลงไปบนผ้าก๊อซจนเปียกชุ่ม จากนั้นจึงเปิดกระเป๋าบรรจุเข็ม เข็มเงินที่สั้นยาวไม่เท่ากันก็ปรากฏออกมา
“พระชายา นี่ท่าน ?” หมอสวีมองขั้นตอนที่หมิงโร่ทำอย่างงุนงง
“ฆ่าเชื้อ” ถึงแม้หมิงโร่ไม่พอใจนัก แต่ก็ยังตอบคำถาม “ผู้สังเกตการณ์” เมื่ออาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น ก็จำต้องก้มหัวอย่างไม่มีทางเลือกจริง ๆ เฮ้อ !
“ไม่ใช่ว่าควรใช้ไฟเผาหรอกหรือ ?” หมอสวีมองไม่ออกจริง ๆ ว่าผ้าก๊อซที่วางอยู่บนจานใช้ทำอะไร
“หากใช้ไฟเผาจะทำให้เกิดเขม่า” หมิงโร่ขี้เกียจแม้แต่จะกลอกตา
ปกติแล้ว เวลาที่ใช้ไฟเผาเข็มเงินหรือกริช จะทำให้เกิดคราบเขม่าขึ้นจริง ๆ หมอสวีจึงจำต้องปิดปากเงียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงชีวันพสุธา
ไม่อัพต่อแล้วหรอคะ เรื่องนี้ตามหามานานมาก เสียดายจัง...
เรื่องนี้ก็ดองนานมากเลย😭...