แววตาของเซินจือชูหมดอาลัยตายอยาก ในดวงตาคู่นั้นไม่มีความอยากมีชีวิตอยู่ มันทำให้ฉินโม่ตกใจมาก “ชูชู เธอไม่มีสิ่งที่ปรารถนาบ้างเลยเหรอ?”
“สิ่งที่ฉันปรารถนาหรอ” แววตาของเซินจือชูว่างเปล่า สีหน้าของเธอเย็นชาขึ้นมาทันใด เธอเอื้อมมือมาปิดตาและฝ่ามือของเธอเปียก จึงรู้ว่าเธอร้องไห้ออกมาแล้ว
“ฉินโม่ ชีวิตนี้ของฉันนอกจากไม่เคยเจอแม่แล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย? ความมั่งคั่ง อำนาจ และแม้กระทั่งคนที่ฉันชอบมาหลายปีก็ยังอยู่เคียงข้างฉัน" ทุกสิ่งที่เธอต้องการอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
เห็นได้ชัดว่าเซินจือชูไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับเขาต่อแล้ว เธอหันกลับไปสนใจคอมพิวเตอร์และจัดการเอกสารต่อ ฉินโม่มาที่นี่ในวันนี้ จะเรียกว่าเกลี้ยกล่อมก็ไม่เชิง หากวันนี้เซินจือชูได้ผนึกตัวเองไว้คนเดียวแล้วก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
“หลี่จิงเซินรู้หรือยังว่าเธอป่วย?”
“เขาไม่รู้ และฉันก็ไม่อยากให้เขารู้” จะป่วยหรือไม่ป่วยเธอก็คือเซินจือชูผู้หยิ่งผยอง ไม่เคยเอาความเจ็บป่วยมาเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ ยิ่งไปกว่าหลี่จิงเซินก็คงไม่ได้เห็นใจเธออยู่แล้ว ถ้ารู้ว่าเธอกำลังจะตายเขาก็คงจะเสียดายธนาคารเลือดเคลื่อนที่อย่างเธอที่จะไม่สามารถบริจาคเลือดให้กับเซี่ยหมิงเยว่ได้อีกต่อไป
ฉินโม่เงียบ และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา เขาหยิบยาสองขวดออกจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะ ขวดหนึ่งเป็นยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ส่วนอีกขวดหนึ่งเป็นยาต้านมะเร็ง
“ไม่ต้องดื่มกาแฟแล้ว กินยาแล้วทานข้าวให้ตรงเวลา......”
ฉินโม่หายใจเข้าเต็มปอด เขาบอกเรื่องที่ควรรู้จบก็เดินจากไป
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู เซินจือชูก็ลืมตาขึ้นมองดูยาสองขวดบนโต๊ะกาแฟ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเหลือบมองข้อความ แต่ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องเกี่ยวกับงาน
.......
หลี่จิงเซินเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาครึ่งเดือนแล้ว เซินจือชูเองก็ค่อยๆเริ่มละทิ้งความเคยชินไปทีละน้อย เธอไม่เปิดไฟไว้รอเขา ไม่ทำกับข้าวรอเขากลับมาอีกแล้ว แต่เธอยังเลิกนิสัยที่คอยดูโทรศัพท์ทุกคืนไม่ได้
เธอคิดว่าเธอสามารถกำจัดความรู้สึกของเธอที่มีต่อหลี่จิงเซินได้ในคราวเดียว แต่ความรู้สึกนี้มันกลับเหมือนต้นอ่อนที่มีพิษ เมื่อแล่นเข้าสู่หัวใจ ไปถึงไขกระดูก เธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งนั้นมันน่ากลัวแค่ไหน จนมันเติบโตสูงใหญ่บดบังแสงทั้งหมด ถ้าเธออยากจะกำจัดมัน ก็จะต้องโค่นมันแบบถอนรากถอนโคน มันคือสิ่งที่เติบโตขึ้นในใจ ค่อนข้างละเอียดอ่อนและมันทำให้ใจเจ็บปวดเพียงแค่คิดถึงมัน
เซินจือชูเปิดดูรายชื่อ ในนั้นมีเพียงชื่อของหลี่จิงเซินเพียงคนเดียว เธอกดมันลงไป
กดโทรไปถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย นี่เป็นเรื่องปกติ จึงไม่มีอะไรต้องผิดหวัง ยกเว้นความหนาวเย็นในหัวใจมันทำให้รู้สึกชาไปหมดแล้ว
เซินจือชูยังคงโทรต่อไปอย่างไม่ลดละ นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานที่เธอยืนหยัดขนาดนี้
“ตู้ด......ตู้ด......” โทรศัพท์สายที่สี่รออยู่นาน และบางทีอาจเป็นเพราะเธอโทรจนรำคาญ ในที่สุดหลี่จิงเซินก็รับสาย
“มีอะไร?”
เสียงของหลี่จิงเซินแล่นเข้ามายังโสทประสาทหูของเซินจือชู ไม่อุ่นไปกว่ามือของเธอมากนัก
ไม่ติดต่อกัน17วันก็มีข้อดีอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ทำให้อารมณ์เธอมั่นคง ไม่ร้องไห้ใส่หลี่จิงเซินแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้านาย อาชญากรรมของมาดามไม่ได้ถึงตาย