ตอน บทที่ 43 กูเป็นคนมีคุณธรรมนะ จาก เจ้าพ่อกบฏโลก – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 43 กูเป็นคนมีคุณธรรมนะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต เจ้าพ่อกบฏโลก ที่เขียนโดย Anonymous เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“ฉันจะกัดเธออย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของ ซ่งซานสี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก
“ก็ใช่น่ะสิ คุณกล้าหรือ?” หยางเสว่ กำลังเอามือเท้าเอวเล็ก
“เธอคู่ควรหรือ?” ซ่งซานสี่ เอ่ยถามอย่างราบเรียบ
แน่นอนว่าหยางเสว่ ย่อมไม่เข้าใจคำประเภทนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงชี้นิ้วไปยัง ซ่งซานสี่ “ไม่อยากจะสาวความยาวกับคุณหรอกนะ! รีบ ๆ ขอโทษฉันเสีย หลังจากนั้นก็ไสหัวไป!”
ซ่งซานสี่ พยักหน้าขึ้นลง “เอาอุ้งมือสุนัขของเธอออกไป”
“ฉันไม่เอาออก จะทำไม?” มือของ หยางเสว่ ยังคงยกค้างเอาไว้อยู่ หลังจากนั้นก็ชี้เข้าไปใกล้จมูกของ ซ่งซานสี่ “เมียคุณไม่ต้องการงานแล้วใช่ไหม?”
จู่ ๆซ่งซานสี่ ก็ยื่นมือออกไปในทันที
ทันใดนั้นเอง หยางเสว่ ก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมา
มือถูกซ่งซานสี่บีบเอาไว้อยู่ แถมยังบิดกลับอีกด้วย
เธอเจ็บจนต้องคุกเข่าลงไปทางด้านล่าง จะไม่คุกเข่าก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นแขนอาจหลุดออกมาก็เป็นได้
จงเหม่ย อยู่ทางด้านข้าง กระโดดเด้งขึ้นมาก่อนจะเอ่ยร้องเสียงแหลมว่า “ใครก็ได้! มีคนถูกตบแล้ว...”
ซ่งซานสี่ เอ่ยอย่างเย็นยะเยือกว่า “หุบปาก! มิเช่นนั้นฉันจะบิดแขนของเธอให้ขาดแน่!”
พูดไปมือก็เพิ่มแรงมากขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน
กึด!
หยางเสว่ กรีดร้องอย่างน่าเวทนาอีกครั้ง หยาดน้ำตาล้วนพรั่งพรูออกมาหมดแล้ว
จงเหม่ย กับนักเรียนหญิงสองคนทางด้านข้างตกใจจนล้มลงไปแล้ว
ซูโหย่วซิน ที่หันกลับมาเองก็ส่งเสียงร้องตกใจออกมาเล็กน้อยเช่นเดียวกัน
เป็นเพราะว่าหยางเสว่ถูกซ่งซานสี่ผลักจนล้มลงไปบนเตียงทางด้านนั้นเสียแล้ว
ณ ตอนนี้ แขนขวาได้สูญเสียกำลังไปแล้ว มันกำลังอ่อนแรงและรุ้งริง
เหล่านักเรียนหญิงนึกว่าแขนของเธอหักไปแล้วจริง ๆ เสียอีก
หยางเสว่ เจ็บจนเคลื่อนไหวไม่ไหวแล้ว
ซ่งซานสี่ ก้มศีรษะเอ่ยเสียงราบเรียบเย็นชาว่า “นักเรียนหญิงตัวน้อย ๆ อย่างพวกเธอน่ะ ถ้ามาอวดดีต่อหน้าฉันอีก ฉันจะทำให้แขนทั้งสองข้างของพวกเธอทุกคนกระดูกเคลื่อนไปทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ”
“เห็นแก่สถานะที่พวกเธอเป็นนักเรียนหญิง ก็คงทำได้แค่นี้แหละนะ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ชายแล้วกล้าชี้จมูกของฉันละก็ เหอะ ๆ เกรงว่าตอนนี้แขนคงหักไปแล้ว”
คำพูดเรียบนิ่งดุดัน มีพลังสังหารเป็นพิเศษ
นักเรียนหญิงอายุสิบหกสิบเจ็ดจะถือว่าเป็นอะไรไปได้ล่ะ!
ล้วนตกตะลึงจนล้มลงไปและไม่กล้าเอ่ยพูดกันไปหมดแล้ว
หยางเสว่ กำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ทั้งก็ปอดแหกแล้วเช่นเดียวกัน แขนขวานั้นยกไม่ขึ้นแล้ว
ซ่งซานสี่ จ้องมอง หยางเสว่ ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เป็นลูกสาวของหยางต้าหลี่สินะ? โตมาหน้าตาสะสวยอยู่หลายส่วนดีนี่ เธอชื่ออะไร? ”
“หยาง...หยางเสว่” หยางเสว่ กัดฟันไปมา เอ่ยตอบกลับไปว่า “ตบผู้หญิง คุณจะถือว่าเป็นผู้ชายอะไร? ถ้าพ่อฉันรู้เข้าแล้วละก็ จะไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
ซ่งซานสี่ ส่ายศีรษะไปมา กล่าวว่า “พ่อเธอไม่นานนักก็จะเป็นฝ่ายต่อสายโทรศัพท์มาหาเธอก่อนเอง ฟังนะ อันที่จริงแล้วเมียฉันเสียงานในโรงงานของพ่อเธอไปตั้งนานแล้ว แต่พ่อเธอจ่ายงานให้อีกงานหนึ่ง เมื่อก่อนหนึ่งเดือนสองพัน ตอนนี้เธอได้หนึ่งเดือนห้าหมื่น”
ทันใดนั้นเอง คนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดล้วนตกตะลึงกันยกใหญ่
กระทั่ง ซูโหย่วซิน ที่อยู่มุมกำแพงเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาเช่นเดียวกัน ก่อนจะสบตามองพี่เขยไปมา
มันยากที่จะเชื่อถือได้จริง ๆ ที่พี่รอง ซูโหย่วหรง จะมีเงินเดือนที่สูงเช่นนี้
ซูโหย่วซิน ปลื้มปีติเล็กน้อย
หยางเสว่จ้อง ซ่งซานสี่ อย่างตื่นตะลึง “ไม่! พ่อฉันไม่มีทางที่จะให้เงินเดือนสูงขนาดนั้น นอกเสียจากเขาจะบ้าไปแล้ว!”
ซ่งซานสี่ หลุบสายตาเหลือบมองเธอไปมา “ถ้าเธอไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน แต่สมองของพ่อเธอมีปัญหาจริง ๆ นั่นแหละ”
“คุณ...สิที่มีปัญหา!” หยางเสว่ กล่าวด่าทออย่างไม่ปลื้มใจ
ซ่งซานสี่ ไม่สนใจเธอ ก่อนจะล้วนโทรศัพท์ออกมา
ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์ไปหา หวงชางหยง อีกครั้งหนึ่ง
หวงชางหยง รับสายโทรศัพท์ เมื่อได้ยินดังนั้นก็กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว
โชคยังดีที่เรื่องที่ซ่งซานสี่มอบหมายมาให้นั้น มันไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
เขาเพียงแค่เอ่ยว่า “มารดาเถอะ ซ่งซานสี่ คุณจะไม่ปล่อยผ่านหยางต้าหลี่หรือ? ตอนนี้ยังมาจัดการลูกสาวของเขาอีก?”
ซ่งซานสี่ เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ถ้าเรื่องนี้คุณทำได้ไม่ดี ตอนบ่ายผมจะเรียกพวกไอ้เฉียน ไปเที่ยวเล่นที่คุณที่นั่นด้วยกัน”
“มารดาเถอะ!”
หวงชางหยงวางสายโทรศัพท์พร้อมโทสะไปแล้ว
“พ่อ!!!” หยางเสว่สติแตกกระเจิงไปหมดแล้ว ก่อนจะร้องเรียกเสียงแหลมขึ้นมาว่า “พ่อบ้าไปแล้วหรือคะ? ทำไมฉันจะต้องรับใช้นักแพศยาคนนี้ด้วย...”
จงเหม่ยพวกเธอทั้งสามคนเองก็ตะลึงงันไปหมดแล้วเช่นเดียวกัน
สุรเสียงของ หยางต้าหลี่ ดังยิ่งกว่าเดิมว่า “ระยำ! ลูกยังจะมาตะคอกอะไรอีก? ไม่เชื่อฟังก็อย่าเรียนที่ซานจงมันเสีย ลูกจะถูกไล่ออก! โรงงานกูก็จะไม่ได้ประกอบกิจการ ไม่มีข้าวกินทั้งตระกูล ขอทานน่ะ! ได้ยินไหม?”
ดวงหน้าเล็กของ หยางเสว่ ซีดเผือด รู้สึกยากที่จะเชื่อเหลือเกิน
สบตามองไปยังซ่งซานสี่ด้วยอาการตกใจและหวาดหวั่นหนึ่งหน คิดไม่ถึงเลยว่าพี่เขยของซูโหย่วซินจะมีอำนาจมากขนาดใหญ่
ในตอนนั้นเอง หยางต้าหลี่ วางสายไปเรียบร้อยแล้ว
ซ่งซานสี่ สบตามองนักเรียนหญิงทั้งสี่คนที่ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบเย็นชาว่า “ความหมายของโทรศัพท์สายนี้ ถ้าสมองของพวกเธอยังปกติอยู่นิดหน่อยก็คงไม่ได้ไม่เข้าใจใช่ไหม? รีบเลยนะ ก้มหัวค่อมเอว พูดขอโทษเดี๋ยวนี้!”
หยางเสว่ทั้งสี่คนรู้สึกยากลำบากเป็นอย่างมาก
ทุกคนล้วนสบตามองไปยังมุมกำแพง
ซูโหย่วซิน ยืนอยู่ที่ตรงนั้น หมุนตัวกลับมาแล้ว ตอนนี้ดวงตาเบิกกว้างอ้าปากค้างไปเป็นที่แล้วเรียบร้อย
เธอไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิง ว่าพี่เขยสารเลวที่เป็นลูกที่ล้างผลาญครอบครัวคนหนึ่ง เพียงแค่โทรศัพท์สายเดียวก็มีอำนาจมากเช่นนี้
ทว่าในตอนนั้นเอง หยางเสว่ทั้งสี่คนต่างก็ก้มศีรษะค่อมเอวอย่างกล้ำกลืน ก่อนจะเอ่ยว่า
“ซูโหย่วซิน ขอโทษนะ พวกเราผิดไปแล้ว”
“หลังจากนี้ไปจะไม่ให้เธอซักเสื้อผ้าพวกเราอีกแล้วเหมือนกัน”
“จะไม่ให้เธอล้างจานของพวกเราอีกแล้วด้วย”
“หลังจากนี้พวกเราจะซักเสื้อผ้าและล้างจานให้เธอเอง...”
ดวงหน้าเล็กของ ซูโหย่วซิน ปรากฏสีเลือดฝาดแห่งความตื่นเต้นออกมา
หยาดน้ำตาไหลริน รู้สึกราวกับกำลังฝัน
ซ่งซานสี่เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “เอาเถอะ ฉันเป็นตัวแทนของโหย่วซินรับคำขอโทษของพวกเธอเอง พวกเธอกินข้าวเถอะ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็ขอโทษด้วยการกระทำด้วย ฉันจะดู”
พูดไป เขาก็เปิดกล่องข้าวไป “โหย่วซิน มาสิ มากินข้าว พี่เขยเป็นคนทำให้เธอเองกับมือเลยนะ”
ในตอนนั้นเอง กลิ่นควันหอมกรุ่นกลับทำให้ทั้งในหอพักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเสียแล้ว
กระทั่งขนาดคนอย่างหยางเสว่ได้มองเห็นกับข้าวที่งดงามละลานตาทุกอย่างแล้วยังต้องน้ำลายสอ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าพ่อกบฏโลก
อัพเดทหน่อยครับ...
อัพเดทหน่อยเถอะ...
อัพเดทตอนหน่อยครับแอด...