"ไม่!" สวีหย่าหรงรีบลุกขึ้นจากโซฟาตามเขา ใบหน้าซีดเผือด:"คุณชายหลิน ได้โปรดอย่าไปที่ตระกูลหนานกง"
"งั้นความหมายของป้าสะใภ้คือเลือกตัวเลือกแรก?"
"ฉัน……" เธอพูดไม่ออก
ถ้าไปตระกูลหนานกงตอนนี้ แล้วบอกทุกอย่างกับหนานกงเฉินและคุณผู้หญิง ไม่เพียงแต่ไป๋ยิ่งอันจะตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งตระกูลไป๋ทั้งตระกูลคงประสบหายนะเป็นแน่
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีทางให้ถอยแล้ว ก็เลยจำใจฝืนเดินต่อไป
ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องของการเล็งผลประโยชน์ ไม่คำนึงถึงคนรุ่นหลัง ช่วงนี้หลินอันหนานเงียบตลอด ที่แท้ก็มีอะไรแอบแฝงอยู่!
สองเส้นทางในตอนนี้ ไม่ว่าเธอจะเลือกเส้นทางไหนก็ตายทั้งนั้น!
"คือว่า……" เธออ้าปาก:"คุณชายหลิน เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเจอมู่ชิง แต่ว่าพวกเรามาคุยกันดีๆก่อนได้ไหม"
หลินอันหนานยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ:"ผมรู้ว่าคุณจะพูดถึงอะไร วางใจเถอะ ที่ผมต้องการคือมู่ชิง ตระกูลหนานกงกับตระกูลไป๋ของพวกคุณเรื่องรักๆแค้นๆผมไม่สนใจหรอก"
"แต่ว่าจะสามารถครอบครองมู่ชิงได้ตลอดไหมนั้น มีบางเรื่องที่คุณต้องให้ความร่วมมือฉัน" สวีหย่าหรงรีบพูดออกมา:"ก็อย่างเช่น…...ถ้าหนานกงเฉินพบว่าพวกเขาทั้งสองคนสลับสถานะกัน คงไม่ปล่อยมู่ชิงไปอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นถ้าเขาไม่เอาตัวมู่ชิงกลับมา ก็คงฆ่าเธอซะ คุณ…...คุณจะสูญเสียมู่ชิงไปไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม"
"หลังจากนั้นล่ะ?"
"หลังจากนั้น…...หลังจากนั้นเพื่อป้องกันเรื่องนี้ที่นานวันเข้าก็จะเกิดเรื่องร้ายแรงตามมาได้ ฉันหวังว่าพวกคุณตระกูลหลินจะสามารถจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด ให้พวกคุณสองคนรีบแต่งงาน และฉันก็จะให้มู่ชิงแต่งออกจากตระกูลไป๋เพื่อเป็นหน้าเป็นตา" สวีหย่าหรงยิ้มอย่างเอาใจ:"ยังไงซะปีที่แล้วพวกคุณก็เคยหมั้นกันไว้ แต่งงานตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว แบบนี้คนทางตระกูลหนานกงก็คงไม่สงสัยอะไรมากเกินไป มู่ชิงเองก็คงไม่คิดจะกลับตระกูลหนานกงอีก คุณว่ายังไง?"
หลินอันหนานคิด พยักหน้า:"ได้"
จุดประสงค์ของเขาคือไป๋มู่ชิง แน่นอนว่าไม่หวังให้ไป๋มู่ชิงถูกหนานกงเฉินจับตัวกลับไป วิธีนี้ก็คงจะดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
"งั้น…...งั้นพวกเราไปกันเถอะ……" สวีหย่าหรงยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนขมับ แล้วนำหน้าเดินไปยังชั้นล่าง
ตอนที่หลินอันหนานมองเห็นไป๋มู่ชิง เธอนั่งอยู่ตรงมุมห้อง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ใบหน้าก็มองเหม่อเหมือนกับคนโง่
แค่พริบตาเดียว หลินอันหนานก็โกรธจนหันมาตวาดใส่สวีหย่าหรง:"เธอเพิ่งจะคลอดลูกไปนะ! คุณก็ปฏิบัติต่อเธออย่างนี้เหรอ?"
สวีหย่าหรงหดคอ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ถ้าเธอเป็นผู้ชายล่ะก็ คาดว่าหลินอันหนานคงโกรธจนสวนหมัดมา
พอเขาตะโกน ก็ทำให้ไป๋มู่ชิงมองมาทางเขาอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอเห็นการปรากฏตัวของหลินอันหนานอย่างไม่คาดคิดนั้น นัยน์ตาก็เผยความตกใจ แต่ไม่นานก็เงียบสงบลง
หลินอันหนานเคยเตือนเธอแล้ว ถ้าเธอยังเอาแต่เดินตามความคิดของตัวเอง สถานการณ์จะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาพูดถูกแล้ว
"พวกคุณ…...คุยกันไปนะ" สวีหย่าหรงพูดจบประโยคนี้ ก็หมุนร่างออกไปจากห้องเล็กๆอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่สวีหย่าหรงเดินไป หลินอันหนานก็เดินมาตรงหน้าไป๋มู่ชิง มองลงมาใบหน้าเหมือนรู้สึกไม่ดีที่เธออยู่ในสภาพนี้:"ตอนนั้นผมบอกว่าอะไร แม่ลูกคู่นี้ไม่ใช่คนจิตใจดี บอกให้คุณอย่าไปเชื่อพวกเขา"
"ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่คนจิตใจดี แต่คุณล่ะ? คุณเป็นคนจิตใจดีเหรอ?" ไป๋มู่ชิงพูดออกมาอย่างเจ็บปวด
"จนถึงตอนนี้ คุณก็ยังจะดื้อดึงใช่ไหม?" หลินอันหนานนั่งยองลงมา มองมาที่เธอ:"ผมเคยพูดไปแล้ว บนโลกนี้มีแค่ผมที่สามารถช่วยคุณได้ รวมถึงวันนี้มีแค่ผมที่สามารถช่วยคุณออกไปได้"
"คุณสามารถช่วยฉันออกไปได้?" ไป๋มู่ชิงมองเขาอย่างตกใจ
"ถูกต้อง ไป๋ยิ่งอันเข้าไปยังตระกูลหนานกงได้แล้ว เพื่อจะไม่ให้คุณไปรบกวนพวกเขา ทั้งชีวิตนี้คุณผู้หญิงไป๋คงไม่ปล่อยคุณออกไปแน่ แต่แค่ผมเอ่ยปาก เขาไม่กล้าไม่ปล่อยอย่างแน่นอน"
ออกจากที่นี่ เป็นเรื่องที่เธอฝันอยู่ทุกวัน แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมาเยอะขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่เชื่อใครอีกไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม รวมถึงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วย
"ปล่อยฉันออกไป คุณคงมีเงื่อนไขละสิ? บอกมาสิว่าเงื่อนไขของคุณคืออะไร?"
"ตอนนี้ ไม่ว่าผมจะพูดเงื่อนไขอะไรก็ตามคุณคงตอบรับใช่ไหม?"
ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่เขา สายตาเริ่มโกรธทีละนิด
หลินอันหนานยื่นมือมาลูบแก้มเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน:"มู่ชิง พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เสียบรรยากาศขนาดนี้ ความจริงแล้วที่ผมอยากจะพูดก็คือ ผมยังรักคุณอยู่ ผมอยากคบกับคุณ เพราะฉะนั้นผมจะต้องช่วยคุณออกไป"
"หลังจากนั้นล่ะ ฉันต้องแต่งงานกับคุณใช่ไหม?"
"หรือว่าคุณยอมที่จะอยู่ที่นี่ เพราะไม่ยอมแต่งงานกับผม?"
"แต่งงานกับคุณ……" ไป๋มู่ชิงยิ้มเจื่อนๆแล้วส่ายหน้า
หลินอันหนานเห็นความไม่ยินยอมอยู่บนใบหน้าของเธอ อดไม่ได้ที่จะโมโห:"ถ้าความเกลียดที่คุณมีต่อผมมันมากขนาดนี้ งั้นก็ช่างเถอะ คิดซะว่าวันนี้ผมไม่ได้มา"
หลินอันหนานลุกขึ้นยืน หมุนร่างเตรียมจะเดินออกไป
ในเวลานี้ไป๋มู่ชิงกลับจับขากางเกงเขาไว้ ห้ามไม่ให้เขาก้าวออกไป
หลินอันหนานยิ้ม เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเธอไม่อยากให้เขาไป
"ถ้าไปกับคุณแล้ว คุณจะทำตามต้องการของฉันทุกอย่างใช่ไหม?" ไป๋มู่ชิงสะอึกสะอื้นถาม
"มันก็ไม่แน่หรอก ถ้าคุณอยากได้หนานกงเฉินขึ้นมา ผมคงไม่ให้คุณอย่างแน่นอน"
"หนานกงเฉิน……" เธอปาดน้ำตาในตา:"ผู้ชายคนนี้ฉันไม่ต้องการตั้งนานแล้ว ฉันต้องการแค่ครอบครัวของฉัน"
เธอคิดแค่แม่กับน้องชายอยู่อย่างปลอดภัย คิดแค่ตามหาลูกสาวของตัวเองที่หายตัวไปตามร่องรอยที่ทิ้งไว้
ถ้าการได้แต่งงานกับหลินอันหนานทำให้เธอได้ออกจากที่นี่ ทำให้เธอมีโอกาสได้เจอกับครอบครัวของตัวเอง แล้วเธอจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ?
"ตกลง ผมจะช่วยคุณตามหาครอบครัวของคุณ" หลินอันหนานยื่นมือไปให้เธอ
ไป๋มู่ชิงมองมือของเขา ครู่ใหญ่ถึงจะเอามือของตัวเองส่งขึ้นไป หลินอันหนานออกแรงนิดหน่อย ดึงเธอขึ้นมาจากพื้น เข้ามาในอ้อมกอด
"ไม่ต้องร้องแล้ว ผมรับประกันกับคุณ หลังจากนี้จะไม่มีใครกล้ามารังแกคุณอีก" หลินอันหนานลูบผมของเธอ หลังจากนั้นก็โอบเธอแล้วเดินออกจากประตูไป
เป็นครั้งแรกที่ไป๋มู่ชิงได้เห็นโลกภายนอกของห้องเล็กๆนั้น ด้านนอกประตูเป็นบันไดที่เต็มไปด้วยฝุ่น ชั้นแรกเป็นห้องรับแขกที่ตกแต่งได้นับว่าหรูหราเลยทีเดียว
ฝั่งประตูก็จะเป็นทะเลที่มองได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
เป็นสถานที่ที่เรียกสวรรค์สวรรค์ไม่ได้ยิน เรียกนรกนรกไม่สนใจจริงๆ
สวีหย่าหรงยืนอยู่ตรงขั้นบันไดที่ประตูของห้องหลัก ใบหน้าไม่มีความเย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ในทุกๆวัน ยิ้มอย่างยินดี:"มู่ชิง ในเมื่อเธอตัดสินใจว่าจะไปอยู่กับคุณชายหลินแล้ว ฉันก็วางใจแล้ว ขอโทษนะ ที่ก่อนหน้านี้ขังเธอไว้ที่นี่หลักๆก็เพราะกลัวว่าเธอจะไปก่อความวุ่นวายที่ตระกูลหนานกง ถ้าเป็นแบบนั้นไม่เพียงแต่เธอจะไม่มีชีวิตอยู่ พวกเราทั้งตระกูลไป๋ก็คงตายด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น…..."
เขายิ้มแล้วพูดใหม่:"เธอวางใจได้ รอให้เสี่ยวอี้รักษาอาการเสร็จ ฉันจะรีบพาเขากลับมาให้พวกเธอได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน หลังจากนั้นจะให้เธอได้แต่งออกจากตระกูลไป๋อย่างมีหน้ามีตา ตอนนั้นพวกเราก็ให้สัญญากันแบบนี้ ใช่ไหม"
ไป๋มู่ชิงมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของสวีหย่าหรง รู้สึกไม่ชอบมากแค่ไหนก็ไม่ชอบมากแค่นั้น
เธอมองไปที่เขา ใบหน้าไร้อารมณ์:"ยังไงก็รีบรับเขากลับมาเถอะ เทคโนโลยีการรักษาพยาบาลของเมืองซีก็ไม่แย่"
เธอรู้อยู่แล้วว่าสวีหย่าหรงพูดจุดประสงค์แบบนี้ ก็เพียงเพื่อใช้อาการป่วยของเสี่ยวอี้มาเป็นเหตุผลเท่านั้น ที่จะควบคุมอิสระของแม่กับเสี่ยวอี้ต่อไป
แน่นอนว่าเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับหลินอันหนาน ก็จะใช้ประโยชน์จากหลินอันหนานหนีจากอำนาจชั่วร้ายของเขา จะต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ดีๆ ไม่เช่นนั้นก็แต่งงานไปเสียเปล่า
"อืม ในเมื่อมู่ชิงแต่งกับผม เสี่ยวอี้ก็นับว่าเป็นน้องชายของผม ผมควรจะรับผิดชอบการรักษาพยาบาลของเขา" หลินอันหนานพูดออกมาอย่างสบายๆ และถือโอกาสนี้โอบร่างกายของไป๋มู่ชิงให้ชิดขึ้น
สีหน้าของสวีหย่าหรงเปลี่ยนไปอีก แต่ก็ต้องมีรอยยิ้มไว้บนหน้า เขาพยักหน้า:"ในเมื่อคุณชายหลินพูดแบบนี้แล้ว งั้นฉันก็จะไปรับเสี่ยวอี้มารักษาต่อที่เมืองซีละกัน"
"หวังว่าคุณจะเร่งมือ" ไป๋มู่ชิงพูด
"ได้ ฉันจะเร่งมือ" สวีหย่าหรงนอกจากพยักหน้า ก็ไม่มีทางไหนให้เดินอีก
หลินอันหนานพาไป๋มู่ชิงมาที่คอนโดระดับสูงห้องหนึ่ง ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ไป๋มู่ชิงยังไม่ปริปากพูดเลยสักประโยค ครั้งนี้เข้าไปในคอนโด เธอก็ยังไม่พูดเหมือนเดิม
หลินอันหนานนำเธอเข้าไปในห้องนอน หยิบเสื้อผ้าผู้หญิงสบายๆออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วส่งให้เธอ:"เข้าไปอาบน้ำด้านในก่อนเถอะ เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด"
ไป๋มู่ชิงมองเสื้อผ้าในมือเขา ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ
หลินอันหนานยิ้มเข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ้มเบาๆ:"วางใจเถอะ เสื้อผ้าพวกนี้ฉันให้คนซื้อมาใหม่ เป็นของเธอ"
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า รับเสื้อผ้ามาแล้วเดินไปยังห้องน้ำ
ดูๆแล้วหลินอันหนานคงจะวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ แล้วก็เดาได้ว่าเธอต้องมากับเขา มองตัวเองในกระจกที่กำลังตกที่นั่งลำบาก เธอหัวเราะเยาะตัวเอง ในตอนนั้นปฏิเสธเขาอย่างแน่วแน่ไปหลายครั้ง พูดเอาไว้ว่าต่อให้ตายตนเองก็จะไม่คบกับเขาเด็ดขาด ไม่คาดคิดเพิ่งจะผ่านไปครึ่งปี ตัวเองก็เหมือนหมาน้อยที่กลับมาอยู่ข้างกายเขาอย่างว่าง่าย
เธอทำความสะอาดตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้านั้นไม่ทันระวังมือก็ไปชนกับหน้าอกที่ยังคงอวบอิ่มอยู่ เจ็บซะจนเธอย่นคิ้วเบาๆ
ลูกเกิดมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว ความเจ็บของหน้าอกก็ลดน้อยลง เธอรู้ว่านี่เป็นช่วงที่น้ำนมกำลังจะหยุด ถ้ายังตามหาลูกไม่เจออีก น้ำนมก็คงจะหยุดไหลอย่างหมดสิ้น
พอนึกถึงลูกเวลานี้ไม่รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ากำลังทานอะไรเพื่อผ่านไปแต่ละวัน เธอไม่สบายใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
"มู่ชิง คุณโอเคไหม?" เพราะเวลาผ่านไปนานแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ หลินอันหนานก็เริ่มกังวล
"โอเค" เธอเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา
เธอยืนอยู่ตรงประตูห้องน้ำมองมาที่เขา รอบตามีคราบน้ำตาอยู่ เธอกำลังคิดว่าจะบอกเขาเรื่องลูกดีไหม หลังจากที่บอกเขาแล้ว เขาจะช่วยตามหาลูกกลับมาหรือเปล่า? นั่นเป็นลูกของหนานกงเฉิน เขาคงไม่ช่วยอย่างแน่นอน!
"คุณเป็นอะไรไป?" หลินอันหนานสังเกตเธอแล้วถาม
"ขอโทรศัพท์ให้ฉันหน่อยได้ไหม?"
"ได้แน่นอน" หลินอันหนานยิ้ม:"เพื่อเรื่องแค่นี้ถึงกับทำให้ตาของตัวเองร้องไห้ออกมาทั้งสองข้างเลยเหรอ?"
"ขอบคุณนะ รบกวนช่วยเร็วหน่อย" ไป๋มู่ชิงยิ้มไปทางเขาอย่างยากลำบาก ก้าวเท้าเดินไปยังข้างๆเตียง
หลินอันหนานเดินตามหลังเธอมาจนถึงข้างๆเตียง กำชับด้วยเสียงอ่อนโยน:"ช่วงนี้เธอก็พักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ ไม่มีใครจะมาสร้างความลำบากให้เธออีก รอจนกว่าป้าสะใภ้กับเสี่ยวอี้จะกลับมา ก็จะมาอยู่ที่นี่กับเธอ"
"โอเค"
"ผมเชิญพี่สะใภ้เยว่มา ให้เขามาดูแลชีวิตประจำวันของคุณชั่วคราว"
"โอเค" ไป๋มู่ชิงนอกจากพยักหน้าอย่างไม่หยุด ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
ในช่วงที่ลำบากที่สุดมีคนออกมายืนแล้วดึงตนเองขึ้น เป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งใจจริงๆ เธอพบว่าตัวเองนั้นมีความรู้สึกขอบคุณหลินอันหนานขึ้นมาแล้วนิดหน่อย
หลังจากหลินอันหนานออกไปได้ไม่นาน ผู้หญิงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเลขาของคุณชายหลินก็ส่งโทรศัพท์มา ไป๋มู่ชิงหยิบโทรศัพท์ อดทนรอไม่ไหวแล้วกดโทรหาเบอร์ของซูซี่ทันที
เสียงปลายสายของโทรศัพท์มีเสียงของซูซี่ดังออกมาอย่างร้อนรน:"มู่ชิง ไม่กี่วันนี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา? ทำไมโทรศัพท์ปิดเครื่องตลอด? แล้วยังไม่โทรกลับหาฉันอีก?"
"เสี่ยวซี่ เรื่องมันยาว" ไป๋มู่ชิงพูด:"ตอนนี้ฉันอยากให้เธอช่วยตามหาลูกสาวของฉันให้หน่อย"
"ลูกสาวของเธอ? หายไปแล้วจริงๆเหรอ?"
"จริง นอกจากฝั่งบ้านเธอคุณชายเฉียว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยฉันได้แล้ว" ไป๋มู่ชิงพยายามกลั้นน้ำตา
"แต่เฉียวซือเหิงบอกแล้ว วันนั้นในโรงพยาบาลไม่มีเด็กคนไหนที่หายไป ในกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีเด็กหายไปเหมือนกัน" ซูซี่ได้ขอให้เฉียวซือเหิงช่วยสืบหาความจริงเรื่องนี้นานแล้ว เพราะว่าไม่เชื่อเฉียวซือเหิง เธอยังเคยให้แม่สามีคุณผู้หญิงเฉียวช่วยสืบหาความจริงอีกแรง ผลสุดท้ายก็เหมือนว่าไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
"แต่ว่า…...ที่เธอบอกฉันเด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่มีร่างกายแข็งแรงนี่"
"ก็ใช่น่ะสิ" ซูซี่คิด:"งั้นก็ได้ ฉันจะช่วยเธอหาต่อไปแล้วกัน ตอนนี้เธอสะดวกไหม พวกเราออกมาคุยกันต่อหน้า"
ไป๋มู่ชิงมองไปด้านนอก พบว่าที่ที่ตัวเองอยู่ตอนนี้ไม่รู้ว่าที่ไหน
เธอเดินออกมาตรงดาดฟ้า ถึงจะพบว่าที่นี่คุ้นตามาก ตรงหน้าเป็นวิวแม่น้ำที่สวยมาก ด้านล่างก็เป็นสวนที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ที่นี่เป็นหมู่บ้านคอนโดของหนานกงเฉิน ขนาดตึกแต่ละชั้นยังเหมือนกันอย่างกับแกะ ห้องของหนานกงเฉินก็คงอยู่ฝั่งขวามือของเธอ
บังเอิญจริงๆ……
หลังจากที่ส่งที่อยู่ไปให้ซูซี่ ไป๋มู่ชิงก็วางโทรศัพท์ ยืนมองห้องข้างๆของหนานกงเฉินบนดาดฟ้าอยู่นาน จนกระทั่งพี่สะใภ้เยว่เตือนให้เธอกลับห้องเพื่อหลบลม เธอถึงจะกลับห้อง
ไป๋ยิ่งอันได้ยินเสียงรถดังมาจากหน้าต่างด้านนอก หลังจากเปิดผ้าม่านดูแล้วเห็นว่าเป็นรถของหนานกงเฉิน ก็รีบไปที่ด้านข้างเตียงเล็กแล้วอุ้มลูกขึ้นมาจากเตียง
หนานกงเฉินเลิกงานเพิ่งกลับถึงบ้าน ก็ตรงไปหาไป๋ยิ่งอันที่อยู่ในห้องเหมือนอย่างปกติ
"คุณชายใหญ่ คุณกลับมาแล้ว" ไป๋ยิ่งอันต้อนรับอย่างอบอุ่น
หนานกงเฉินยิ้มแล้วก้มหน้าลงไปจูบบนริมฝีปากเธอ ยื่นมือมาจับมือเล็กๆของลูก:"ลูกรักวันนี้เป็นเด็กดีไหม?"
"เป็นเด็กดีมากค่ะ คุณจะอุ้มเขาหน่อยไหม" ไป๋ยิ่งอันส่งลูกให้เขา หนานกงเฉินรับเข้ามาอุ้มในอ้อมกอด หลังจากที่ผ่านการฝึกมาหลายวัน เขาอุ้มได้ชำนาญแล้ว
หนานกงเฉินสังเกตลูกอย่างละเอียด ก็พบว่าสีหน้าของเขายังไม่ค่อยดีเหมือนเดิม หายใจถี่อย่างมาก ลูบหน้าผากของลูก แล้ววางเขากลับลงบนเตียงเล็กด้วยท่าทีเงียบสงบ
บางทีให้เด็กนอนบนเตียงคงจะสบายกว่า เขาคิด
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวลวี่ก็เดินขึ้นมาเรียกหนานกงเฉินให้ไปทานอาหารค่ำ
หลังจากที่หนานกงเฉินลงไปไม่นาน ผู่เลี่ยนเหยาก็ยกอาหารบำรุงมื้อค่ำขึ้นมาให้ไป๋ยิ่งอัน เดินเข้าไปด้วยยิ้มสดใสไปด้วย:"พี่สะใภ้ต้องหิวแล้วแน่เลยใช่ไหม? อาหารมื้อค่ำมาแล้ว"
ไป๋ยิ่งอันเห็นว่าเป็นเขา ย่นคิ้วอย่างไม่รู้ตัว แต่ภายนอกยังคงยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยน:"เลี่ยนเหยา ทำไมเป็นเธอที่ส่งขึ้นมาให้ฉันล่ะ? เกรงใจแย่เลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทานจากข้างนอกมาแล้ว แล้วก็ไม่มีอะไรทำพอดีก็เลยขึ้นมาดูเด็กน้อยสักหน่อย" ผู่เลี่ยนเหยาเห็นเธอลงจากเตียง ก็รีบห้ามไว้:"พี่สะใภ้พี่นั่งบนเตียงเถอะ ไม่ต้องลงมาหรอก"
เขาเอาถาดรองมาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วเอาซุปส่งมาด้านหน้าเธอ:"นี่เป็นซุปไก่ตุ๋นที่พี่เหอส่งมาให้พี่เป็นพิเศษ ลองดื่มก่อนค่ะ"
"ขอบคุณนะ" ไป๋ยิ่งอันเชื่อฟังที่สวีหย่าหรงสั่งสอนว่าให้ห่างจากผู้หญิงคนนี้ไว้ เธอดื่มซุปไก่ไปเล็กน้อยแล้ววางกลับไปบนโต๊ะ
ผู่เลี่ยนเหยาพิงข้างเตียงแล้วมองดูเด็กน้อย หันมามองเธอแล้วยิ้ม:"พี่สะใภ้ ทำไมหนูรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนพี่กับพี่ชายเลยสักนิด? หรือว่าโรงพยาบาลอุ้มมาให้พี่ผิดคน? เอางี้ไหมพวกพี่ตัดเส้นผมมาให้หนู หนูช่วยพวกพี่เอาไปวินิจฉัยที่โรงพยาบาลเอง?"
ไป๋ยิ่งอันสมองตื้อ มองเขาอย่างอึ้ง
วินิจฉัยเธอกับเด็ก? งั้นก็ต้องรู้สิว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเธอ?
ผู่เลี่ยนเหยาเห็นว่าเธอทำหน้าตกตะลึงก็หัวเราะออกมา:"พี่สะใภ้ ฉันล้อพี่เล่น นี่พี่คิดว่าเรื่องจริงเหรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...