เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 122

“ผมอยู่คุยกับคุณอาที่นั่นอ่ะ” เสี่ยวหยี่พูดอย่างหน้าไม่อาย

ไป๋มู่ชิงหมดคำจะพูด “นายคุยอะไรกับเขา? พูดไม่ดีเรื่องพี่หรือเปล่า? ”

“เปล่านะ” เสี่ยวหยี่ยกกล้องดูดาวในมือขึ้นมาแล้วพูดอย่างดีใจ “ดูสิ อาคนนี้ให้กล้องดูดาวผมมาด้วย ดีกว่าที่พี่ซื้อให้ผมอันนั้นเยอะเลย”

“นายยังไปเอาของเขาอีกเหรอเนี่ย ลืมแล้วเหรอว่าพี่สอนนายว่ายังไง? ”

เสี่ยวหยี่ทรุดหน้าลงทันที พึมพำเสียงเบา “แต่อาบอกว่าเอาไว้ที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์ เลยเอาให้ผม พี่ ต่อไปผมจะไม่เอาของคนอื่นซี้ซั้วอีกแล้ว”

ไป๋มู่ชิงมองกล้องดูดาวในมือเขา แล้วมองใบหน้าหวาดกลัวของเสี่ยวหยี่ จึงหยุดสั่งสอน ยื่นมือไปหยิบกล้องดูดาวในมือเขามา พลิกดูสองสามทีแล้ววางมันลงข้างๆ “ไปกันเถอะ ไปกินข้าวเช้ากัน”

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ไป๋มู่ชิงก็แต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก จู่ฮุ่ยมองสำรวจเธอแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ “มู่ชิง ลูกไม่ได้ไปทำงาน ยุ่งอะไรอยู่ข้างนอกตลอดทั้งวัน? ”

จนถึงวันนี้ไป๋มู่ชิงยังไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังตามหาเบาะแสลูกสาวทั่วทั้งเมือง พูดตามปกติอย่างไม่เป็นทางการแล้วออกไป

เธอเดินดูข้างนอกทุกวัน ทุกวันรู้สึกตัวเองเหนื่อยล้ามาก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอไม่อยากฝากความหวังไว้ที่ซูซี่คนเดียว แม้จนถึงวันนี้แล้วไม่มีวี่แววสักนิดก็ตาม

และเพราะวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ไป๋มู่ชิงเพิ่งออกไปรับโทรศัพท์หลินอันหนาน หลินอันหนานในโทรศัพท์ก็ถามว่าเธออยู่ที่ไหน เธอรีบพูดอย่างไม่เป็นทางการ “ฉันเดินเล่นอยู่ที่ถนน”

“งั้นดีเลย เราไปเลือกเครื่องประดับและชุดราตรีสำหรับงานแต่งกัน” หลินอันหนานพูด

ไป๋มู่ชิงเครียดในใจ อะไรที่ควรเกิดก็ต้องเกิด “ทำไมต้อง……รีบขนาดนั้น? ยังไม่กำหนดวันไม่ใช่เหรอ? ”

“ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเลือกอยู่ดี วันนี้ว่างพอดี” หลินอันหนานถาม “เธออยู่ไหน? ฉันจะไปหาเธอ”

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้น ต้องแจ้งที่อยู่ให้กับเขา จากนั้นก็รีบจากโรงพยาบาลเหิงซิงไปที่นั่น

หลังจากหนานกงเฉินออกมาจากอพาร์ทเมนท์ ไม่ได้ไปทำงานล่วงเวลาที่บริษัทแต่กลับบ้านเก่า เขาสัญญากับไป๋ยิ่งอันว่าวันนี้จะพาเธอออกไปเดินเล่น

เห็นเขากลับมา ไป๋ยิ่งอันที่ซึมเศร้ามาทั้งคืนสุดท้ายก็ยิ้มเล็กน้อย แต่ยังคงถามด้วยความโกรธนิดหน่อย “เฉิน ทำไมเมื่อคืนคุณไม่กลับมา? ”

“เมื่อคืนเมา นอนที่อพาร์ทเมนท์” หนานกงเฉินยกมือขึ้นลูบหลังมือเธอ อมยิ้มพูดขึ้น “ฉันก็รีบกลับมาแต่เช้าแล้วนี่ไง”

“อยู่คนเดียวหรือพาคนอื่นกลับไปอยู่ด้วย? ” ไป๋ยิ่งอันถามอย่างระมัดระวัง

หนานกงเฉินยกมือขึ้นบีบแก้มเธอ “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้คนอื่นมานอนเตียงฉัน”

“ก็ได้ ฉันเชื่อใจคุณ” ไป๋ยิ่งอันจับแขนเขาแน่น “แล้วคุณกลับมาเพื่อดูลูกใช่ไหม? ”

“อืม แต่หลักๆ คือกลับมาพาเธอออกไปเดินเล่น”

“จริงเหรอ? งั้นฉันกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”

“ไปสิ” หนานกงเฉินพูดจบ ไป๋ยิ่งอันก็หันตัวเดินไปที่ห้องตัวเองทันที

บนรถ ไป๋ยิ่งอันถามขึ้นอย่างมีแผน “ตอนเช้าเราไปซื้อของกัน ตอนกลางวันกินข้าวข้างนอก จากนั้นตอนบ่ายก็ไปดูหนัง คุณชายใหญ่คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไง? ”

“ได้อยู่แล้ว” หนานกงเฉินบังคับพวงมาลัยอย่างจริงจัง

“ขอบคุณค่ะ รู้อยู่แล้วว่าคุณต้องเห็นด้วย” ไป๋ยิ่งอันพูดอย่างชอบใจ

หลังจากผ่านไปครึ่งเมือง หนานกงเฉินก็จอดรถที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของศูนย์กลางการค้า ที่นี่มีที่ชอปปิ้ง มีอาหาร และมีภาพยนตร์ให้ชม

อยู่ในตระกูลหนานมานานกว่าหนึ่งเดือน ไป๋ยิ่งอันก็กำลังจะเป็นโรคประสาทแล้ว ในที่สุดก็ได้ออกไปข้างนอกได้ และยังมีหนานกงเฉินมาเป็นเพื่อนด้วย เธอดีใจโดยธรรมชาติ

น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอรับบทเป็นไป๋มู่ชิง เห็นเครื่องประดับสวยๆ งามๆ ก็ซื้อไม่ได้ เสื้อผ้าแพงๆ ก็ซื้อไม่ได้ ซื้อสไตล์ที่ตัวเองชอบก็ไม่ได้ สำหรับเธอที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะซื้อของมาตลอด มันคือความทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากซื้อเสื้อผ้าแล้ว ขณะที่เดินมาหน้าลิฟต์ จู่ๆ หนานกงเฉินก็พูดขึ้น “ชั้นสี่ขายเสื้อผ้าสำหรับเด็กทารก อยากขึ้นไปดูหน่อยไหม? ”

เขาจำได้ว่าไป๋มู่ชิงหลังจากท้อง ก็สนใจเสื้อผ้าและสินค้าเด็กทารกเป็นพิเศษ ตราบใดที่ชอปปิ้งก็เข้าไปเดินเล่นได้

ไป๋ยิ่งอันพ่นออกมาประโยคหนึ่งโดยแทบไม่คิด “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าเด็กน่าดูตรงไหน”

หลังจากพูดจบเธอก็อึ้งไปสักพัก เงยใบหน้าเล็กขึ้นมาเห็นหนานกงเฉินมองตัวเองด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ เธอตื่นตระหนก จากนั้นขอบตาก็เริ่มแดงขึ้นมาทีละนิด

“ถ้าซื้อกลับไป ลูกใส่ไม่ได้ล่ะก็……” จากนั้นน้ำตาสองข้างก็ไหลออกมา โศกเศร้าเท่าที่จะทำได้

หนานกงเฉินโดนการตอบสนองเธอแทงเข้าไปในหัวใจ ยื่นมือโอบเธอเข้าอ้อมแขน พูดข้างหูเธอด้วยเสียงอ่อนโยน “ขอโทษ ฉันไม่ดีเอง”

“เฉิน ถ้าสักวันหนึ่งลูกจากไปจริงๆ ฉันควรทำยังไง? ฉันจะต้องเสียใจตายแน่ๆ !” ไป๋ยิ่งอันส่งเสียงครวญครางด้วยน้ำตา

“เอาล่ะ อย่าไปคิดเรื่องนี้เลย” หนานกงเฉินตบบ่าเธอ แล้วสูดลมหายใจ “บอกว่าอยากชอปปิ้งอย่างมีความสุขสักวันไม่ใช่เหรอ? เป็นเด็กดีนะ อย่าร้องไห้”

ไป๋ยิ่งอันพยักหน้าในอ้อมแขนเขา หนานกงเฉินคลายตัวเธอ ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอ

หลังจากมองไปรอบๆ ร้านเครื่องประดับ ไป๋มู่ชิงแค่รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไม่สามารถเลือกสไตล์ที่ตัวเองชอบได้

“แล้วอันนี้ล่ะ” เธอหยิบแหวนเพชรวงเล็กขึ้นมาแล้วพูดกับหลินอันหนาน

หลินอันหนานหยิบแหวนมาแล้วมอง เงยหน้ามองเธออย่างหมดหนทาง “นี่มันแหวนแต่งงาน ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยจริงจังเลยสักนิด”

“แบบนี้มันเล็กน่ารัก แต่มันก็ดูเล็กไปหน่อย ไม่เปลี่ยนเป็นวงนี้ล่ะคะ” พนักงานหยิบแหวนเพชรเม็ดโตอีกวงหนึ่งส่งให้ ยิ้มแล้วพูดขึ้น

ไป๋มู่ชิงรู้สึกถึงใบหน้าไม่พอใจของหลินอันหนาน พูดขึ้นอย่างอึดอัดนิดหน่อย “คุณก็รู้ว่าฉันไม่ชอบใส่เครื่องประดับมาตลอด ซื้อกลับไปก็เสียดายเงิน”

“เธอไม่ชอบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เธอต้องคำนึงถึงหน้าฉันด้วย ฉันสวมแหวนให้เธอวงเล็กแบบนี้ คนอื่นจะพูดถึงฉันยังไง?” หลินอันหนานมือข้างหนึ่งหยิบแหวนเพชรเม็ดโตจากพนักงาน มืออีกข้างก็ดึงมือขวาของไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกคุณ”

รู้สึกว่าหลินอันหนานดึงมือเธอแต่ไม่สวมแหวนให้เธอ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมา พบว่าหลินอันหนานจ้องมองนิ้วนางมือขวาเธอโดยไม่ขยับ

“ขอโทษ......” เธอรีบดึงมือขวาของเธอกลับจากฝ่ามือเขา นิ้วยาวเธอสวมแหวนของตระกูลหนานกงอยู่ ไม่มีที่ว่างสำหรับแหวนเพชร

หลินอันหนานถึงแม้ว่าอึดอัดใจ แต่ก็รู้เช่นกันว่าไม่มีวิธีอื่น ไม่สามารถถอดแหวนออกได้ ไม่สามารถตัดนิ้วเธอออกได้ สุดท้ายก็หายใจอย่างหมดหนทาง พูดขึ้น “ไม่มีอะไรต้องขอโทษ แหวนมันก็แค่รูปแบบเท่านั้น”

เขาจับมือซ้ายของเธอขึ้นมา สวมแหวนที่นิ้วนางเบาๆ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “แบบนี้ก็ดีมากเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?”

“อืม” ไป๋มู่ชิงพยักหน้า

“ชอบไหม?”

“ชอบ” ไป๋มู่ชิงกลัวว่าเขาจะรู้สึกว่าตัวเองเล่นละครตบตาเขา ก็รีบเสริมไปอีกประโยค “แหวนทุกวงมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง”

หลังจากไป๋ยิ่งอันได้รับข้อความจากหลินอันหนาน ก็รีบพาหนานกงเฉินเดินไปยังเขตเครื่องประดับทันที จากนั้นก็ทั้งสองคนกำลังลองแหวนในร้านเครื่องประดับ

ผ่านหน้าต่างกระจก หนานกงเฉินก็เห็นร่างของทั้งคู่แน่นอน เขาก้มหน้ามองไป๋ยิ่งอัน ก็สบตากับไป๋ยิ่งอันที่มองมาพอดี

“เราไปดูร้านข้างหน้ากันดีกว่า” เธอยิ้มแล้วพูด

หนานกงเฉินรู้ว่าพวกเธอสองพี่น้องขัดแย้งกันมาตลอด ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เดินไปข้างหน้ากับเธอ

“เธออยากซื้ออะไร?” หลังจากเข้ามาในร้านเครื่องประดับ หนานกงเฉินก็มองไป๋ยิ่งอันแล้วถามขึ้น

“คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบเครื่องประดับ” ไป๋ยิ่งอันยิ้มขมขื่น “ได้ยินมาว่ากำไลเงินกำจัดสิ่งชั่วร้าย ฉันอยากซื้อกลับไปให้ลูกใส่”

“มันเป็นแค่คำบอกเล่า เธอไม่ต้องเชื่อขนาดนั้นก็ได้” หนานกงเฉินพูด

“ไม่ว่ายังไง ก็ซื้อให้เขาสักอันเถอะ” ไป๋ยิ่งอันควงเขาเดินไปยังเขตเครื่องประดับเงิน

เมื่อซื้อเครื่องประดับเงินออกมาแล้ว ทั้งคู่ก็บังเอิญเจอหลินอันหนานและไป๋มู่ชิง ไป๋มู่ชิงอึ้งไป รีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ยิ้มให้ทั้งคู่ “บังเอิญจัง พี่สาวกับพี่เขย”

ไป๋ยิ่งอันแสดงท่าทางกระต่ายน้อยสีขาว พูดขึ้นอย่างนุ่มนวล “บังเอิญจัง”

“คุณชายเฉินว่างขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่คิดว่าจะมีเวลามาเดินเล่นกับพี่สาวฉัน” ไป๋มู่ชิงจงใจใช้น้ำเสียงคลุมเครือมองไปที่ทั้งสองคน “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพี่เขยกับพี่สาวจะพัฒนาไปได้ด้วยดี น่าอิจฉาจริงๆ”

ไป๋ยิ่งอันก็กวาดตามองทั้งสองคน ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ได้ยินว่าเธอกับคุณชายหลินก็จะแต่งงานกันแล้ว ยินดีด้วยนะ"

“ขอบคุณ" หลินอันหนานแย่งพูด “หวังว่าวันนั้นพวกคุณจะมาร่วมงานแต่งเราได้นะ”

“แน่นอน” ไป๋ยิ่งอันพยักหน้า

หนานกงเฉินมองไป๋มู่ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนหลินอันหนาน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็นึกถึงฉากที่เธอพยายามยั่วยวนตนเมื่อคืน

“อันหนาน เราไปกันเถอะ อย่าไปรบกวนพี่สาวกับพี่เขยรักกันเลย” ไป๋มู่ชิงถูกเขาจ้องจนรู้สึกผิดนิดหน่อย หลังจากส่งยิ้มมีเสน่ห์ให้กับเขาแล้ว ก็ทนไม่ไหวรีบควบหลินอันหนานเดินออกมา

จนกระทั่งเดินไปที่มุมหนึ่งของร้าน ไป๋ยิ่งอันก็ปล่อยหลินอันหนานทันที หันไปจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วพูดขึ้น “คุณชายหลิน คราวหน้าบอกฉันล่วงหน้าได้ไหมถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้ คุณคิดว่าฉันเป็นนักแสดงได้จริงๆ เหรอ?”

หลินอันหนานเห็นเธอโกรธ ก็ยกมือขึ้นลูบหัวเธอ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ถ้าบอกเธอล่วงหน้า เธอก็จะไม่มีอารมณ์เลือกของทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ?”

“แต่ฉันไม่ชอบแสดงจริงๆ นี่ และแสดงเป็นผู้หญิงอย่างไป๋ยิ่งอันด้วย”

“ถ้าเธอไม่แสดง หนานกงเฉินก็จะสงสัย หรือเธออยากให้เขาสงสัย?” หลินอันหนานนิ่งไป ปนไปด้วยความรู้สึกข่มขู่ “เธอก็น่าจะรู้นิสัยของหนานกงเฉิน ถ้าเขารู้ว่าเธอกับไป๋ยิ่งอันปั่นหัวเขา ไม่ใช่แค่ตระกูลไป๋เท่านั้นที่จะแย่มาก เธอกับเสี่ยวหยี่และคุณป้าก็อยู่ไม่สุขแน่”

“ฉันรู้......” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างหมดหนทาง ครั้งหนึ่งเธอได้ยินหลินอันหนานพูดว่าเมื่อก่อนมีเจ้านายบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งทำให้ตระกูลหนานกงไม่พอใจ สุดท้ายก็โดนหนานกงเฉินบีบบังคับจนกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

“ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวตน งั้นก็ไม่ใช่แค่เรื่องของไป๋ยิ่งอันคนเดียว เธอก็ต้องร่วมมืออย่าเต็มที่ด้วยไม่ใช่เหรอ? เธอกับไป๋ยิ่งอันทะเลาะกันจนเป็นแบบนี้ไม่สะดวกที่จะติดต่อกัน ฉันก็ทำได้แค่ช่วยเธอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด