เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 130

“เซิ่งเคอยังไม่กลับมา ฉันก็นอนไม่หลับหรอก” คุณหญิงเซิ่งพูดอย่างกังวล

“เกิดอะไรขึ้นกับเซิ่งเคอ? ” หนานกงเฉินถาม

“เหลียนเหยายังไม่กลับมาเลย เขากับเซิ่งซินกลับไปตามหาเธอด้วยกัน” คุณหญิงเซิ่งถอนหายใจ “ถ้ารู้ตั้งนานแล้วว่าภูเขาเจ็ดดาวอะไรนั่นอันตรายแบบนั้น ก็ไม่ให้พวกเธอไปหรอก”

“จริงด้วย ทั้งๆ ที่ตกลงกันว่าจะมาพักผ่อนที่นี่ในวันหยุด ผลสุดท้ายก็มาทนทุกข์” คุณผู้หญิงมองตำหนิไป๋ยิ่งอัน ไป๋ยิ่งอันรีบพูดขึ้น “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่ควรเอาภูเขาเจ็ดดาวใส่ไว้ในแผนเลย”

ทันใดนั้นโทรศัพท์คุณหญิงเซิ่งก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดปุ่มรับสาย จากนั้นสีหน้าก็แข็งตัว วางโทรศัพท์ลงแล้วพูดกับทุกคนด้วยเสียงสั่น “เซิ่งซินโทรมาบอกว่าเหลียนเหยาเกิดอุบัติเหตุ กำลังทำการกู้ภัยโรงพยาบาลเพื่อประชาชนในเมืองหลิ่ว”

“ว่าไงนะ? ” ทุกคนตกตะลึง มองหน้ากันแล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องปฐมพยาบาลด้วย? ”

“บอกว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ร้ายแรงมาก”

“เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ได้ยังไง? ” ไป๋ยิ่งอันเดินมา จับมือคุณหญิงเซิ่งแล้วพูดอย่างกังวล “คุณป้าคะ คุณไม่ได้ฟังใช่ไหม? เหลียนเหยาเธอลงภูเขามาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไม……? ”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอ่า เซิ่งซินไม่พูดอะไรเลย”

“พวกคุณอย่าเพิ่งตกใจ ให้ฉันไปโรงพยาบาลดูก่อนค่อยว่ากัน” ขณะที่หนานกงเฉินพูดก็จะลงจากเตียง ไป๋ยิ่งอันเดินไปพูดห้าม “คุณชายใหญ่ร่างกายคุณยังอ่อนแออยู่ ให้ฉันกับคุณป้าไปดูดีกว่า”

คุณผู้หญิงก็พูดคล้อยตาม “จริงด้วย เฉิน เธออย่าทรมานเลย ให้ป้ากับลุงเธอไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอแล้ว”

หนานกงเฉินคิดแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย

สายตาเขากวาดมองไป๋ยิ่งอัน ราวกับตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ “ยิ่งอัน เหลียนเหยาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ยังไง เธอกับไป๋มู่ชิงไม่ได้ลงเขาไปกับเธอเหรอ? ”

ไป๋ยิ่งอันเตรียมการรับมือไว้ตั้งนานแล้ว รีบพูดขึ้น “ตอนเราลงเขามาเราแยกกันแล้ว”

เพื่อไม่ให้ทุกคนถามคำถามเพิ่มเติม ไป๋ยิ่งอันควงแขนคุณหญิงเซิ่งแล้วเดินไปข้างนอกพร้อมพูดขึ้น “คุณป้า เรารีบไปดูกันเถอะ ดูว่าเหลียนเหยาบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง”

สามีภรรยาตระกูลเซิ่งและไป๋ยิ่งอัน ขณะที่สามคนรีบไปถึงโรงพยาบาลด้วยกัน ผู่เหลียนเหยาก็ย้ายจากห้องฉุกเฉินไปที่ห้องไอซียูแล้ว เมื่อเห็นสองพี่น้องตระกูลเซิ่ง ไป๋ยิ่งอันก็รีบเดินเข้าไปถาม “เป็นยังไงบ้าง? เหลียนเหยาเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ได้ยังไง? บาดเจ็บตรงไหนบ้าง? ”

เซิ่งซินเหลือบมองเซิ่งเคอที่นั่งเก้าอี้อย่างเจ็บปวด แล้วมองพ่อแม่อีกครั้ง กดเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าพี่สะใภ้บาดเจ็บที่สมองย่างรุนแรง และกระดูกขาซ้ายหักด้วย ตอนนี้ยังไม่พ้นอันตราย และมีแนวโน้มที่จะพิการในอนาคต”

“อ่า ร้ายแรงมาก!” คุณหญิงเซิ่งพึมพำอย่างปวดใจ

ไป๋ยิ่งอันรู้สึกผิดหวังทันที อุบัติเหตุรถยนต์ร้ายแรงขนาดนี้ยังทำให้เธอตายในที่เกิดเหตุไม่ได้ สวรรค์ไม่มีตาจริงๆ !

ตอนเธอนั่งแท็กซี่ลงภูเขาไปทั้งๆ ที่เห็นรถคันนั้นโดนเผาจนเป็นเศษเหล็ก ตอนนั้นเธอยังคิดอย่างสวยงามในใจ อุบัติเหตุรถยนต์ร้ายแรงขนาดนี้ ผู่เหลียนเหยาต้องถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแน่ๆ

แม้ว่าตอนนี้ยังไม่รอดพ้นอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าเธอรอดขึ้นมาล่ะ? ถึงตอนนั้นเธอต้องกระโดดออกมาชี้ว่าเธอเป็นฆาตกรใช่ไหม?

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผู่เหลียนเหยาพิการ มันจะไม่ส่งผลดีกับเธอเลยสักนิด แต่ยิ่งง่ายที่จะกระตุ้นความเกลียดชังของผู้หญิงคนนี้ ทำให้สงครามระหว่างทั้งคู่กลายเป็นยิ่งทวีความรุนแรงและโหดร้ายยิ่งขึ้น

เธอหายใจเข้าเบาๆ แล้วถามขึ้น “แล้วคุณหมอได้บอกไหมว่า เธอมีโอกาสรอดแค่ไหน? ”

“ไม่ได้บอก” เซิ่งซินพูดขึ้นด้วยใบหน้าหวาดกลัว “ได้ยินว่ารถพี่สะใภ้ชนหน้าผาแล้วพลิกคว่ำ โชคดีที่ไม่นานก็มีรถตามมาข้างหลัง ช่วยชีวิตเธอออกมาจากในรถภายในเวลาอันสั้นที่สุด ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดผลลัพธ์จริงๆ ”

“ตอนฉันลงจากภูเขาฉันเห็นรถคันหนึ่งถูกไฟไหม้ ไม่คิดว่าจะเป็นรถของเหลียนเหยาจริงๆ ” ไป๋ยิ่งอันพูดพึมพำเสียงทุ้ม

ตอนขึ้นเขา เพราะถนนภูเขาเจ็ดดาวเดินทางได้ไม่ดีไป๋ยิ่งอันจึงเช่ารถวิบากของรีสอร์ตมาใช้ ไม่อย่างนั้นสิ่งต่างๆ จะไม่ราบรื่นแบบนั้น

ไม่ นี่ยังไม่ราบรื่นมากพอ เธออยากให้ไป๋ยิ่งอันตาย!

เธอพยุงคุณหญิงเซิ่งเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วพูดขึ้น “คุณป้า คุณก็อย่ากังวลมากนักนะคะ พี่สะใภ้จะต้องดีขึ้น”

“อืม หวังว่าจะดีขึ้น” คุณหญิงเซิ่งพูด

ได้ยินว่าผู่เหลียนเหยาเกิดอุบัติเหตุ สิ่งแรกที่ไป๋มู่ชิงนึกถึงก็คือไป๋ยิ่งอัน เมื่อเธอถามคำถามนี้ ไป๋ยิ่งอันก็โกรธมากจนเกือบจะตบเธอ พูดขึ้นอย่างโกรธๆ “เธอช่วยพูดจาระวังหน่อยนะ ถ้าคนอื่นได้ยินแล้วคิดว่าฉันทำจริงๆ ล่ะ”

ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเธอ “ฉันแค่อยากเตือนเธอ อย่าทำอะไรเกินไปนัก ไม่อย่างนั้นคนที่เป็นทนทุกข์ที่สุดก็คือตัวเธอเอง”

เธอรู้ว่าไป๋ยิ่งอันทำอะไรโหดเหี้ยม แต่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าไม่สนใจชีวิตมนุษย์ด้วย ถ้าผู่เหลียนเหยาตาย เธอจะไม่กลายเป็นฆาตกรเหรอ?

“ขอบใจ เธอดูแลตัวเองให้ดีเถอะ” ไป๋ยิ่งอันพูดจบก็หันกลับเดินลงไปข้างล่าง

ไป๋มู่ชิงไม่ได้ลงไปทานอาหารเช้าข้างล่าง ไม่ใช่เพราะไม่หิว แต่เพราะกลัวเจอหนานกงเฉิน แม้ว่าจะแน่ใจแล้วว่าเขาไม่พบความผิดปกติ แต่เมื่อคืนเธอก็ช่วยชีวิตเขา ซึ่งไม่ควรทำมากที่สุดอ่า……!

เธอใช้เวลานานมากกว่าจะลงมาด้านล่าง เดิมทีหนานกงเฉินทานอาหารเช้าเสร็จแล้วไปโรงพยาบาลหรือไม่ก็กลับห้องไปพักผ่อนแล้ว ไม่คิดว่าเพิ่งเดินมาถึงหน้าบันไดก็บังเอิญเจอเขา

เห็นแผ่นหลังเขา เธอก็หดข้อมือด้วยสัญชาตญาณ ทักทายเขาอย่างมีมารยาท “คุณชายเฉิน อรุณสวัสดิ์”

การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของเธอหนีไม่พ้นสายตาหนานกงเฉินอย่างแน่นอน เขาแอบยิ้มเยาะในใจ แล้วใช้สายตาแหลมคมจ้องมองเธอ “เมื่อคืนเธอช่วยชีวิตฉันเหรอ? ”

สมองไป๋มู่ชิงว่างเปล่า พยักหน้า “อืม ฉันบังเอิญไปเจอคุณ แต่ไม่ถือว่าช่วยชีวิตหรอก ยังไงฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย”

“แต่เธอถูกฉันกัดนะ” จู่ๆ หนานกงเฉินยื่นฝ่ามือออกมา จับข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บของเธอแล้วยกขึ้น สังเกตแผลด้านบน “ได้ยินว่ากัดแรงมาก เห็นกระดูกเลย”

ไป๋มู่ชิงตกใจกับการเคลื่อนไหวกะทันหันของเขา บิดข้อมือด้วยสัญชาตญาณ แล้วหัวเราะแห้งๆ ไปด้วย “ไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นค่ะ มันไม่เจ็บแล้วด้วย”

ถูกต้อง ครั้งนี้เขากัดลึกและเจ็บกว่าสองครั้งแรก ผ่านมาหนึ่งคืนถึงแม้จะดีขึ้นหน่อยแล้ว แต่ตอนนี้เขาออกแรงจับ ความเจ็บมันก็พุ่งเข้ามาอีกครั้งในพริบตาเดียว

ความเจ็บทำให้เหงื่อผุดบนหน้าผาก เธออยากดิ้นออกจากเขา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด ถึงขั้น……ผ้าก๊อซสีขาวมีเลือดสีแดงไหลออกมา

หนานกงเฉินไม่ใช่ไม่เห็นคราบเลือดบนผ้าก๊อซ มุมปากยิ้มเยาะเย้ยที่มองไม่เห็น จากนั้นก็ปล่อยฝ่ามือ มองเธอแล้วรีบถอนมือออก

“ไม่ว่ายังไง เมื่อคืนก็ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไร ฉันขอตัวลงไปก่อนนะ” ไป๋มู่ชิงหันตัวเดินลงไปข้างล่าง

“เดี๋ยวก่อน” หนานกงเฉินเรียกเธอไว้

ไป๋มู่ชิงชะงักฝีเท้า หันหน้ามามองเขา “คุณชายเฉินมีอะไรอีก? ”

หนานกงเฉินเดินไปข้างหน้าสองก้าว ยืนตรงหน้าเธออีกครั้ง สายตาเฉียบคมและน่ากลัวเหมือนเดิม “เหลียนเหยาเกิดอุบัติเหตุ”

ไป๋มู่ชิงตัวแข็งทื่ออีกครั้ง เขาหมายความว่าไง? ทำไมเขาบอกเรื่องนี้กับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้?

ผ่านมาหนึ่งคืนแล้ว เธอจะไม่รู้เรื่องที่ผู่เหลียนเหยาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เหรอ? ต้องให้เขามาบอกเธอไหม?

“ฉันรู้แล้ว ฉันกำลังจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมเธอ” ไป๋มู่ชิงพูด

“ฉันสงสัยมาก เธอลงเขาไปกับเธอ ทำไมมีแค่เธอที่ประสบอุบัติเหตุ? ”

“ฉันก็ไม่รู้ เธอบอกฉันว่าคุณหายไป ฉันเลยกลับขึ้นไปบนเขา ช่วงนั้นเกิดอะไรขึ้นจนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ เมื่อคืนตอนฟื้นขึ้นมาก็อยู่ที่รีสอร์ตแล้ว”

หนานกงเฉินจ้องมองเธออยู่นาน แล้วพูดขึ้นเรียบๆ “ในเมื่อลงเขาไปด้วยกัน ก็ควรดูแลซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอ? ”

นี่เขาตำหนิเธอที่ดูแลผู่เหลียนเหยาได้ไม่ดีเหรอ? แค่ตำหนิไหม? ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ยังดี

ไป๋มู่ชิงแอบโล่งอก เธอกลัวว่าหนานกงเฉินจะสงสัยว่าเธอทำอะไรผู่เหลียนเหยา

“ฉันดูแลเธอไม่ดีเอง ขอโทษ” เธอนวดข้อมือที่เจ็บปวด หันหลังให้เขาแล้วเดินลงมาข้างล่าง

ด้านหลัง หนานกงเฉินมองแผ่นหลังเธอจากไป มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชาที่มองไม่เห็นทีละนิด จนไปถึงดวงตา

เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนก็ไม่มีอารมณ์เที่ยววันหยุดแล้ว ตอนบ่ายทุกคนเริ่มคุยเรื่องกลับบ้าน

นอกจากเซิ่งเคอ ผู่เหลียนเหยาและญาติที่มาเฝ้าในโรงพยาบาลชั่วคราว คนอื่นๆ ก็กลับเมืองปิน

อย่างไรแล้วผู่เหลียนเหยาก็เป็นคนนอก แม้แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตระกูลหนานกงมากนัก แต่อาการป่วยของหนานกงเฉินทำให้คุณผู้หญิงกังวลอย่างมาก

พี่เหอเห็นคุณผู้หญิงถอนหายใจ ก็รินชาให้เธอ แล้วพูดปลอบประโลม “คุณผู้หญิง คุณไม่ต้องกังวลนะคะ อีกไม่กี่วันอาการของคุณหนูผู่คงตัวหน่อย ก็กลับไปรักษาที่เมืองซี จะต้องดีขึ้นแน่นอน”

คุณผู้หญิงรับแก้วชามาจิบเบาๆ ส่ายหน้า “เปล่า ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ ฉันเป็นห่วงเฉิน”

“คุณชายใหญ่เหรอคะ? ”

“อืม” คุณผู้หญิงวางแก้วชาลง เงยหน้ามองเธอแล้วถาม “เธอบอกฉันหน่อย เดือนนี้เฉินอาการกำเริบกี่ครั้งแล้ว? ”

“สามแล้วค่ะ”

“สามครั้ง” คุณผู้หญิงยิ้มขมขื่น “เมื่อก่อนเดือนหนึ่งเขาเป็นมากสุดก็สองครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย ก็เป็นสามครั้งแล้ว เธอว่า……”

ทันใดนั้นคุณผู้หญิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เธอว่ามันเกี่ยวกับข่าวลือนั้นไหม? เฉินจะผ่านมันไปไม่ได้จริงๆ เหรอ? ”

“ไม่หรอกค่ะ คุณผู้หญิง ไม่แน่นอนค่ะ” พี่เหอปลอบเธออย่างใจเย็น

บทสนทนาระหว่างทั้งสองถูกขัดด้วยเสียงฝีเท้า คุณผู้หญิงเห็นไป๋ยิ่งอันเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ เอ่ยถามขึ้น “เฉินล่ะ พวกเธอไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอ? ”

ไป๋ยิ่งอันเดินมา ตอบอย่างเคารพ “คุณชายใหญ่บอกว่าบริษัทมีธุระด่วน ไปบริษัทแล้วค่ะ”

“นี่มันเวลาเลิกงานแล้ว ยังไปบริษัทอีก? เขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่? ” คุณผู้หญิงพอนึกถึงสุขภาพของหนานกงเฉินไม่คิดว่าจะไปทำงานล่วงเวลาอีก ในใจก็หงุดหงิด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด