เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 141

ไป๋มู่ชิงไม่สนใจอะไรแล้ว เธอมองตามเขาก่อนถาม "เมื่อคืนคุณรับปากฉันแล้วว่าจะปล่อยเสี่ยวอี้และแม่"

หนานกงเฉินทำเป็นคิดก่อนตอบ: "อย่างงั้นเหรอ? ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าเคยรักปากเธอ?"

"คุณรับปากฉันแล้วชัดๆ......"

"อ๋อ นึกออกละ ฉันบอกว่าถ้าเธอปรนนิบัติฉันได้ถูกใจก็จะปล่อยตัวเสี่ยวอี้ แต่น่าเสียใจที่ลีลาเธอไม่ถูกใจฉันเท่าไหร่ ฉะนั้น....... " หนานกงเฉินยันกายขึ้น เอามือจับปลายคางเธอขึ้นแล้วจูบบนริมฝีปากเธอทีหนึ่ง: "เสียใจด้วยนะ เอาไว้รอบหน้าค่อยดูฝีมือเธออีกทีละกัน"

"รอบหน้า? หนานกงเฉินคุณเห็นฉันเป็นอะไร?" เธอโกรธจนพูดไม่ออก

ก็เป็นนางบำเรอและที่ระบายอารมณ์ความใคร่ของฉันไง ดังนั้น......ช่วยทำตัวให้มันดีๆหน่อย อย่างทำให้ฉันโมโหมากไปกว่านี้ ไม่งั้นเธอจะไม่เจอฉันแค่คนเดียว แต่จะได้เป็นโสเภณีเหมือนพี่สาวเธอ"

"คุณหมายความว่าไง?" ไป๋มู่ชิงตกตะลึง เขาทำอะไรไป๋ยิ่งอันกันแน่?

หนานกงเฉินไม่ได้ตอบคำถามเธอ เขาจ้องเขม็งมาที่เธอก่อนพูดเสียงลอดไรฟัน: "ต่อไปถ้ายังพูดคำว่า "เสี่ยวอี้" ต่อหน้าฉันอีก ฉันจะทำให้เขาหายไปจากโลกทันที"

"คุณกล้าเหรอ?"

"ก็ลองดูว่าฉันจะกล้าหรือเปล่า?" หนานกงเฉินพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปทางประตู

"หนานกงเฉิน! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! คุณจะทำร้ายเสี่ยวอี้แบบนี้ไม่ได้......!" ไป๋มู่ชิงวิ่งตามเขาออกไป แต่หนานกงเฉินได้เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งเรียบร้อย มีเสี่ยวหลินขับรถพาเขาออกจากคฤหาสน์

ไป๋มู่ชิงเข้าใจว่าคงจะอีกหลายวันกว่าเธอจะได้พบหนานกงเฉินอีกครั้ง แต่ไม่คิดว่าช่วงบ่ายเขาจะกลับเข้ามาอีกครั้ง

หนานกงเฉินเข้ามาที่คฤหาสน์ในช่วงบ่ายอีกครั้ง ในบ้านเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ เขาเดินหาเธอไปทั่วทั้งชั้นบนและชั้นล่าง จนกระทั่งเจอเธอที่สวนหลังบ้าน

เห็นเธอนอนหลับอยู่บนโต๊ะหินอ่อน ในมือยังถือดินสอวาดรูปอยู่และมีภาพวาดวางอยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นภาพร่างของเด็กทารกน้อยกำลังนอนหลับตาพริ้ม

ทารกน้อยอ้วนท้วนน่ารัก โครงหน้าโดยรวมดูคล้ายเธอและเขา

เธอต้องเบื่อแค่ไหนถึงได้วาดภาพที่แทบไม่มีความหมายอะไรเลย? หนานกงเฉินทำเสียงหยันในลำคอก่อนจะยื่นมือไปดึงภาพร่างที่วางอยู่บนโต๊ะ

ภาพร่างที่วางอยู่บนโต๊ะถูกไป๋มู่ชิงนอนทับมุมภาพอยู่ พอเขายื่นมือไปดึงภาพวาดก็ทำให้ไป๋มู่ชิงสะดุ้งตื่นทันที

พอเห็นนานกงเฉินยืนอยู่ตรงหน้า จากที่เธอยังงัวเงียอยู่ก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วรีบรวบเก็บของที่อยู่บนโต๊ะพร้อมถามเขา "คุณชายใหญ่ คุณมาได้ไงคะ?"

เมื่อเช้าเขาเพิ่งออกไปจากที่นี่? แล้วก็ยังบอกว่าจะไม่มาที่นี่อีก?

หนานกงเฉินโน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอาฝ่ามือทับมุมภาพวาดไว้ ไป๋มู่ชิงพยายามดึงภาพวาดกลับอยู่หลายครั้ง

ไป๋มู่ชิงลนลานเล็กน้อย เธอรู้ว่าเรื่องเด็กเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับหนานกงเฉิน และรู้ว่าหนานกงเฉินเกลียดเธอมากที่ทำให้เขาต้องเสียลูกไป

"ฉัน.....รู้สึกเบื่อๆ เลยมานั่งวาดรูปเล่น ต้องขอโทษด้วยค่ะ" เธอกล่าวขอโทษ

หนานกงเฉินย้ายสายตาจากภาพร่างขึ้นมามองหน้าเธอ ก่อนยิ้มด้วยสีหน้าเย็นชา "หน้าตาเขาเป็นไงยังจำไม่ได้ แล้วมาวาดรูปบ้าอะไร?"

เขากำกระดาษวาดรูปแล้วดึงด้วยความแรง ก่อนจะฉีกภาพวาดออกเป็นชิ้นๆโยนลงพื้นด้วยความโมโห "ต่อไปห้ามเธอเอาเขามาย่ำยีแบบนี้อีก เข้าใจมั้ย?"

ไป๋มู่ชิงพยักหน้ารับ "เข้าใจแล้ว"

เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าลูกเลย และไม่รู้ว่าหน้าตาเขาเป็นไงยัง ภาพร่างนี้เธอวาดขึ้นมาจากความรู้สึกเท่านั้น

เธอยืนก้มหน้าอยู่หน้าเขาชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาถาม "คุณชายใหญ่ มีเรื่องอะไรมั้ยคะ?"

หนานกงเฉินเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเขามาที่นี่ทำไม "ตามฉันมา" เขาพูดทิ้งท้ายก่อนเดินนำไปทางสวนหน้าบ้าน

"ไปไหนเหรอ?" ไป๋มู่ชิงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้

ครั้งก่อนหนานกงเฉินลากเธอไปหน้าหลุมศพของลูก ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหนอีก?

หนานกงเฉินไม่สนใจเธอ ยังคงเดินต่อไปข้างหน้า

ไป๋มู่ชิงไม่กล้าชักช้า รีบเดินตามไป

มาถึงสวนด้านหน้า หนานกงเฉินหยิบถุงที่วางอยู่บนเบาะข้างคนขับโยนให้เธอ "ไปเปลี่ยนเสื้อ"

ไป๋มู่ชิงรับถุงมาเปิดดู เห็นว่าในถุงมีชุดราตรีเปิดไหล่ชุดหนึ่งอยู่ในนั้น เงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาอย่างตะขิดตะขวงใจ "ฉันไม่อยากใส่เสื้อที่ดูโป๊เปลือยแบบนี้"

หนานกงเฉินหรี่ตาเล็กน้อย "แกล้งทำเป็นใสซื่อ? ก่อนหน้านี้ก็เห็นชอบใส่อยู่ไม่ใช่เหรอ?"

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขากำลังพูดถึงช่วงที่เธอแต่งตัวเป็นไป๋ยิ่งอัน เธอค่อยๆเปิดคอเสื้อออกอย่างเขินๆ เผยให้หนานกงเฉินเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆบนผิว "เมื่อคืนคุณทำ......ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะไม่ดี ฉันและคุณอาจจะโดนหัวเราะเยาะได้"

หนานกงเฉินรู้สึกเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ก็ใช่ มันเป็นรอยที่เขาฝากไว้ให้เธอหลังจากที่ลงโทษเธอเมื่อคืน ถ้าใส่ไปแบบนี้ก็อาจจะไม่น่ามองเท่าไหร่

"ฉันถามได้มั้ยว่าคุณจะพาฉันไปไหน?"

"ไปงานฉลองวันเกิดคุณนายเฉียว"

"ตระกูลเฉียว? บ้านเฉียวซือเหิง?" ไป๋มู่ชิงแอบดีใจจนปิดไม่มิด

หนานกงเฉินเห็นถึงความดีใจของเธอ ไป๋มู่ชิงรีบปรับสีหน้าให้นิ่งก่อนพูด "ฉันแค่รู้สึกว่าไปบ้านคนรู้จัก......ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นทางการมากนัก แต่งแบบนี้ก็น่าจะได้"

หนานกงเฉินก้าวเข้าไปหาเธอก่อนจะเอามือดันปลายคางเธอขึ้นเหมือนเช่นทุกที "ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อน อย่าคิดเล่นตุกติกอะไร ใช่ว่าฉันจะไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูซี่"

เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร!

ใช่แล้ว ที่เธอดีใจเพราะซูซี่เป็นนายหญิงน้อยของบ้านตระกูลเฉียว ช่วงนี้เธอเองก็กำลังคิดหาวิธีติดต่อซูซี่อยู่ ไม่คิดว่า.......

เธอไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะพาเธอไปงานวันเกิดของคุณนายเฉียว เธอคิดไม่ถึงจริงๆ

"ชีวิตน้องชายฉันอยู่ในกำมือคุณแบบนี้ ฉันจะตุกติกอะไรได้" เธอยิ้มขื่น

หนานกงเฉินปล่อยมือจากคางเธอในที่สุด ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นรถไป

ไป๋มู่ชิงตามไปทันขึ้นรถข้างที่นั่งคนขับ

ทั้งสองมาถึงบ้านตระกูลเฉียว เห็นแขกเหรื่อที่บ้านตระกูลเฉียวเชิญมาถึงในงานกันมากแล้ว เฉียวซือเหิงและซูซี่ยืนรับแขกอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เฉียวซือเหิงที่จ้องมองทั้งสองอยู่พูดล้อขึ้น "ฉันนึกว่าคุณชายเฉินจะไม่พาภรรยามาด้วยซะแล้ว"

ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่พาเธอมาจะไม่เปิดประตูให้ หนานกงเฉินยกมือขึ้นตบเบาๆบนแขนของไป๋มู่ชิงที่คล้องแขนเขาอยู่

ใบหน้าเฉียวซือเหิงยิ้มเล็กน้อย "ฉันนึกว่าท้ังคู่จะยังคงเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกน้อยอยู่ ยังคิดอยู่ตั้งนานว่าเชิญพวกท่านดีมั้ย"

ไป๋มู่ชิงรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ของหนานกงเฉินกำแน่นขึ้นทันที เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเฉียวซือเหิงกระทบใจเขาอย่างแรง

เธอพลิกมือมาจับฝ่ามือของหนานกงเฉินไว้แน่น ก่อนพูดกับเฉียวซือเหิง "ที่ลูกไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อนั้นมันเป็นชะตาของเขา เราเองก็เสียใจไม่น้อย แต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไปไม่ใช่เหรอ?"

"ใช่ คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว" ซูซี่รีบพยักหน้า "เข้ามานั่งด้านในเถอะ" เธอพูดเชิญชวน

"งั้นเราเข้าไปก่อนนะ" ไป๋มู่ชิงดึงแขนของหนานกงเฉิน เขามองมาด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนทั้งสองจะเดินเข้างานไป

คุณนายเฉียวไม่ได้เชิญแขกมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มญาติและผู้มีหน้ามีตาทางสังคม คนงานพาหนานกงเฉินและไป๋มู่ชิงไปพบคุณนายเฉียวที่โต๊ะ

ไป๋มู่ชิงตามหนานกงเฉินไปทักทายคุณนายเฉียวด้วย เห็นได้ชัดว่าคุณนายเฉียวดีใจมาก เพราะปกติแล้วหนานกงเฉินจะไม่ค่อยได้ไปร่วมงานที่ไหน

เมื่อแขกมาครบแล้ว หนานกงเฉินก็ถูกล้อมไปได้ผู้คน ไป๋มู่ชิงใช้โอกาสนี้แวะไปหาซูซี่ เธอดึงปลายกระโปรงของซูซี่เบาๆ "เสี่ยวซี่............"

ซูซี่กระซิบข้างหูเธอ "เธอขึ้นไปรอฉันบนห้องนอนด้านในสุดของชั้นสองก่อน เดี๋ยวฉันรีบตามไป"

"เร็วๆนะ ฉันมีเวลาไม่มาก"

"ได้ๆ จะรีบขึ้นไป"

ไป๋มู่ชิงเดินผ่านผู้คนไปยันทางขึ้นชั้นสอง

เธอเพิ่งจะเคยมาบ้านตระกูลเฉียวเป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ทิศทางห้องต่างๆ ห้องนอนด้านในสุดของชั้นสอง...... เธอยืนมองรอบๆตรงหัวบันไดชั่วครู่ ก่อนจะเดินไปตามทางเดินจนสุดทาง

ประตูห้องนอนแง้มไว้เล็กน้อย เธอดันบานประตูเข้าไป พบว่าเป็นห้องนอนที่ค่อนข้างใหญ่ การตกแต่งออกไปทางห้องนอนสำหรับผู้ชาย

เธอยืนอยู่กลางห้องครู่หนึ่งแต่ซูซี่ยังไม่ขึ้นมา สายตาเธอจ้องมองไปตรงโมเดลชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

มันเป็นโมเดลชิงช้าสวรรค์ที่ทำจากสแตนเลสที่ดูสวยมาก ไป๋มู่ชิงก้าวเข้าไปเอามือหมุนชิงช้าสวรรค์นิดหนึ่ง ทันใดก็เกิดเสียงดังของวงล้อขึ้น เธอตกใจจนรีบดึงมือกลับ

"มันใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเครื่อง จะใช้มือไปหมุนแบบนั้นไม่ได้" มีเสียงพูดอย่างอ่อนโยนจากด้านหลัง

ไป๋มู่ชิงสะดุ้งตกใจจนรีบหันหลังกลับมา พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้านหลังเธอ เป็นผู้ชายที่ดูอายุไม่มากนั่งอยู่บนรถเข็น

ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ดูคล้ายเฉียวซือเหิงไม่น้อย

ไป๋มู่ชิงมองไปรอบๆอีกครั้ง ก่อนจะพูดอ้ำๆอึ้งๆ "ขอโทษทีค่ะ......ฉันเข้าห้องผิด?"

"คุณมาหาพี่สะใภ้เหรอ?"

พี่สะใภ้เขา......หมายถึงซูซี่เหรอ? ทำไมเขาถึงรู้ว่าเธอจะมาหาซูซี่ล่ะ? ไป๋มู่ชิงนึกสงสัยในใจ พร้อมพยักหน้าตอบ "ใช่ ฉันมาหาซูซี่"

"ห้องฝั่งตรงข้ามถึงจะเป็นห้องนอนพี่สะใภ้" ชายหนุ่มชี้ไปทางประตู

ไป๋มู่ชิงมึนงงไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้มหัวขอโทษเขา: "ขอโทษค่ะ.....ฉันเข้าห้องผิดค่ะ"

"ไม่เป็นไร" ชายหนุ่มยิ้มบางอย่างไม่ถือสา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด