เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 168

เมื่อไป๋มู่ชิงขึ้นไปบนรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็พึมพำว่า "อยู่ที่บ้าอะไรเนี่ย แค่โบกแท็กซี่ยังลำบากขนาดนี้……"

หนานกงเฉินไม่ได้สตาร์ทรถทันทีแต่กลับหันไปจองที่เธอ "ไปที่ไหนมา?"

"ช้อปปิ้ง" ไป๋มู่ชิงตอบไปสั้นๆ

"ทำไมถึงปิดเครื่อง?"

"ไม่ทำไม ตั้งใจปิดเอง" ใช่ เธอจงใจปิดเครื่อง

แต่หนานกงเฉินกลับโมโห สายตาที่จ้องมองเธอก็เยือกเย็นไป "เธอไม่รู้เหรอว่าตัวเองกลับบ้านดึกขนาดนี้ คนในครอบครัวจะเป็นห่วง?"

คนในครอบครัว……

ไป๋มู่ชิงทอดมองไปที่เขา ทำไมรู้สึกฟังคำนี้แล้วรู้สึกอุ่นใจ แต่ว่า……ตอนนี้เขาเป็นคนในครอบครัวของเธอแล้วคนในครอบครัวของคุณหนูจูด้วย เธอไม่อยากรู้สึกตื้นตันเลย!

แต่ก็ไม่อยากทะเลาะกับเขาเวลานี้ เพราะกี่วันนี้ก็ทะเลาะจนเหนื่อยแล้ว พอแล้ว

"คุณรู้หรือเปล่าว่าผมวนอยู่ข้างนอกนานแค่ไหนค่อยหาคุณเจอ?" หนานกงเฉินเอนตัวมาแล้วใช้มือจับท้ายทอยเธอให้ใกล้ขึ้น "คุณรู้หรือเปล่าว่าผมเกลียดคนแบบไหนมากที่สุด? เกลียดคนที่อะไรนิดหน่อยก็หนีออกจากบ้าน หายตัวไปไม่ก็จะเป็นจะตาย ถ้าคุณโกรธก็ระบายออกมากับผมตรงๆ แต่ไม่กลับบ้านตอนดึกดึกนี่มันเรื่องอะไรกัน?"

เขาด่าอย่างไม่เกรงใจ ไป๋มู่ชิงมองไปที่ใบหน้าที่หงุดหงิดของเขา ฟังคำพูดของเขากลับรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา

"คุณออกมาหาฉันโดยเฉพาะเลยหรอ?" เธอถาม

"ไม่งั้นล่ะ?"

"ไม่พารักแรกของคุณไปกินมูสเค้กเหรอ?"

"……"

หนานกงเฉินกัดฟันแน่นแล้วทนไป

เช้าวันต่อมา ไป๋มู่ชิงตื่นสาย พอเธอวิ่งลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นหนานกงเฉินทานอาหารเช้าเสร็จกำลังเดินไปทางประตู เหมือนกำลังจะไปทำงานพอดี

พอคิดถึงจุดนี้ ถ้าตัวเองไปรอรถเมล์ต้องสายแน่ๆ แล้วเดือนนี้ตัวเองสายไปแล้วสองครั้ง ถ้าวันนี้เธอสายอีกอาจจะถูกจ้างออกทันที

กว่าเธอจะขอร้องหนานกงเฉินให้เธอมีโอกาสทำงานนี้ได้ ถ้าทิ้งไปอย่างนี้คงน่าเสียดายน่าดู

สุดท้ายเธอเลยวิ่งตามไปโดยที่ไม่สนว่าตัวเองจะเสียหน้า ก่อนที่หนานกงเฉินจะสตาร์ทรถก็เปิดประตูแล้วนั่งเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับแล้ว

หนานกงเฉินไม่รู้สึกประหลาดใจ พอเดาได้ว่าเธอต้องวิ่งตามมาแน่นอน

"อรุณสวัสดิ์มู่ชิง" จูจูที่นั่งอยู่ข้างหลังเอ่ยทักทายขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ไป๋มู่ชิงยิ้มกลับให้เธอแห้งๆ "อรุณสวัสดิ์"

หนานกงเฉินมองไปที่เธอแล้วยิ้มอย่างเยาะเย้ย "คิดว่าคุณจะอวดเก่งสักแค่ไหน ก็แค่นี้เอง"

สีหน้าของไป๋มู่ชิงเปลี่ยนไป เดิมคิดอยากจะเปิดประตูลงไป แต่พอคิดไปคิดมาคงทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังสะใจ ก็เลยหันกลับไปคล้องคอของหนานกงเฉินไว้แล้วจุมพิตลงที่ริมฝีปากเขา "ดูจากเมื่อวานที่คุณหาฉันทั้งคืน ฉันเลยให้หน้าคุณ ขับรถเถอะ"

พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจสีหน้าของคุณหนูจูที่นั่งอยู่ข้างหลัง แล้วกลับมานั่งที่ของตัวเอง

หนานกงเฉินก็ใช้ลิ้มแตะบนริมฝีปากที่เธอจูบ แต่ไม่ได้อารมณ์เสีย

ในรถเงียบสงัด ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร

จนกระทั่งรถแล่นไปถึงครึ่งทางจูจูก็เอ่ยขึ้นมาว่า" ใช่สิมู่ชิง คืนนี้เธอจะเข้าร่วมงานประจำปีไหม?"

ไป๋มู่ชิงตอบอย่างไม่คิดเลยว่า "ไม่เข้าร่วม"

"ทำไม? เฉินยังเข้าร่วมเลย" จูจูยิ้มไปทางหนานกงเฉิน "พนักงานทั้งบริษัทก็จะเข้าร่วม คงสนุกน่าดู เธอก็ไปด้วยกันสิ"

ไป๋มู่ชิงมองไปทางหนานกงเฉินด้วยสายตาประหลาดใจ เขาจะร่วมงานประจำปี? เป็นไปได้ยังไง? เขาไม่เคยไปร่วมงานไม่ใช่หรอ?

ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหนูจูจะขึ้นเวทีแสดงหรอกมั้ง? ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองตกกับดักของที่คุณหนูจูวางแผนไว้ ในใจก็ลนลานขึ้นมา

แล้วน้ำเสียงของเธอนี่ยังไงกัน? พูดเหมือนงานประจำปีเป็นงานของบ้านตัวเองแล้วเชิญเธอไปเข้าร่วม

ไป๋มู่ชิงสูดหายใจเข้าแล้วยิ้มอ่อนไปทางหนานกงเฉิน "อารมณ์คุณสามีไม่เลวเลยนะ ไปเข้าร่วมงานประจำปีทั้งที่ไม่เคยคิดที่จะไป"

หนานกงเฉินมองมาที่เธอด้วยหางตาแต่ไม่เอ่ยอะไรขึ้น

เมื่อเขาไม่เอ่ยอะไรออกมา ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกอึดอัดในใจ จนสุดท้ายก็ต้องเบี่ยงหน้าออกไป

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เพื่อนร่วมงานต่างก็วิ่งไปเปลี่ยนชุดที่จะเข้าร่วมงานคืนนี้แล้วช่วยกันแต่งตัว

ในห้องทำงานเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวทันที ไป๋มู่ชิงหันมองไปที่เพื่อนร่วมงานที่กำลังยุ่งอยู่แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวก

เธอเก็บของบนโต๊ะกำลังจะลุกขึ้นออกไป แต่เสี่ยวเถียนก็พูดขึ้นว่า "มู่ชิง เธออย่าเพิ่งไป ช่วยเขียนขอบตาล่างให้ฉันหน่อย"

"แต่ว่าฉันเขียนไม่ค่อยเป็น" ไป๋มู่ชิงที่ไม่ค่อยแต่งหน้าอยู่แล้ว แต่ก่อนที่เคยเรียนแต่งหน้ากับซูซี่แต่ก็ไม่ได้มีฝีมืออะไรมากนัก

"ไม่เป็นไร วาดตามขอบตาก็พอแล้ว" เสี่ยวเถียนยื่นดินสอมาให้เธอ

ไป๋มู่ชิงรับดินสอที่เสี่ยวเถียนยื่นมาแล้วช่วยเธอแต่งหน้า แต่แล้วก็มีเสียงอันน่าหวาดกลัวดังขึ้นจากเพื่อนร่วมงาน "ผู้ช่วยเหยียนมาแล้ว รีบเก็บอุปกรณ์เดี๋ยวนี้"

"ผู้ช่วยเหยียน?" เมื่อเสี่ยวเถียนได้ยินว่าผู้ช่วยเหยียนมาก็รีบดึงดินสอในมือไป๋มู่ชิงกลับไป โยนเข้าลิ้นชักแล้วแสร้งทำเป็นดูเอกสาร

ผู้ช่วยเหยียนไม่ใช่ไม่เห็นว่าทุกคนกำลังทำอะไรอยู่ เธอมองตาขวางใส่ทุกคนแล้วแสร้งทำเป็นไม่เห็นแล้วเดินตรงมาทางไป๋มู่ชิง มีผู้หญิงสองคนถือกล่องเล็กๆตามมาด้วย

ไป๋มู่ชิงก็มองไปที่ทุกคน เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยเหยียนเดินตรงมาหาตัวเองก็เลยลุกขึ้นทักทายกับเธอ

ผู้ช่วยเหยียนหยุดนิ่งต่อหน้าเธอแล้วชี้ไปที่ผู้หญิงที่เดินตามหลังมาทั้งสองคนแล้วยิ้มอ่อนให้เธอ "สองคนนี้เป็นสไตล์ลิสต์มาจากขวยลี้ พวกเธอจะเป็นคนที่แต่งตัวให้คุณหญิงน้อยคืนนี้ค่ะ คุณหญิงน้อยเข้าร่วมงานพร้อมกับคุณชายเฉินตอนหนึ่งทุ่มก็พอแล้วค่ะ"

เสียงผู้หญิงด้านหลังพึมพำขึ้น "สไตล์ลิสต์ของขวยลี้ ว้าว……"

"ได้ข่าวว่าแพงมากๆ"

"ใช่ ต้องเป็นระดับคุณนายเท่านั้นถึงจะจ้างพวกเขาได้"

ไป๋มู่ชิงไม่เคยได้ยินชื่อขวยลี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรด้วย แต่แค่มองกวาดไปที่คนทั้งสองต่อหน้า "แต่ฉันไม่คิดที่จะร่วมงานประจำปีนี้นะ"

ผู้ช่วยเหยียนยิ้มอ่อนให้ "คุณหญิงน้อยอย่าพูดเล่นสิคะ คุณชายเฉินเข้าร่วมแล้วคุณมีเหตุผลอะไรจะไม่เข้าร่วมคะ"

"เขาก็ส่วนเขา ฉันก็ส่วนฉัน ฉันไม่ได้สนใจงานประจำปีนี้เลย" ไป๋มู่ชิงคิดอย่างหงุดหงิด เขาจะไปดูการแสดงของรักแรกของเขา เธอจะไปทำไม ไปดูพวกเขาสวีทกันงั้นหรอ? เธอไม่อยากทารุณตัวเองอย่างนั้นหรอก

"คุณหญิงน้อยคะ คุณหญิงให้คุณชายเข้าร่วมมีเหตุผลนะคะ คุณชายมีครอบครัวแล้วเคยเผยหน้าต่อหน้าสถานสาธารณะชนแล้ว ไม่มีข้ออ้างอะไรให้คุณเซิ่งเคอออกงานบริษัทแทนอีก แล้วงานประจำปีเป็นงานสำคัญขนาดนี้ เป็นถึงภรรยาของบอส คุณก็ต้องเข้าร่วมงานพร้อมกับคุณชายเฉินสิคะ"

ไป๋มู่ชิงมองไปที่เธอ ในใจก็รู้สึกประหลาดใจ "คุณพูดอะไรนะ? คุณหญิงให้เข้าร่วมงั้นเหรอ?"

"ไม่อย่างนั้นแล้วใครจะสั่งเขาได้คะ?"

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หน้าของผู้ช่วยเหยียนที่มีรอยยิ้มแล้วแอบ'หึ'ในใจ ผู้ช่วยเหยียนเข้าข้างหนานกงเฉินทุกอย่าง เธอก็ต้องพูดในสิ่งที่น่าฟังสิ

แต่เธอไม่ได้เอ่ยอะไรก็แสดงว่ายอมรับไปปริยายแล้ว

ผู้ช่วยเหยียนบอกให้สไตล์ลิสต์ทั้งสองแต่งตัวให้ไป๋มู่ชิง จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงาน

เมื่อผู้ช่วยเหยียนเดินออกไป เพื่อนพนักงานผู้หญิงก็มาขอให้สไตล์ลิสต์ช่วยเหลือ ในห้องทำงานก็ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ไป๋มู่ชิงรับกล่องชุดราตรีมาพอเปิดดู ข้างในเป็นชุดราตรีสีเหลืองนวลยาว ทั้งสีทั้งการออกแบบผสมผสานกันดูดีมาก เธอชอบมาก ผู้ช่วยเหยียนเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถจริงๆ ทำอะไรทุกอย่างได้ถูกใจเธอมาก เธอคิดอย่างนั้น

หลังจากที่เธอเปลี่ยนชุดราตรีก็ทำให้เพื่อนร่วมงานฮือฮาขึ้น เสี่ยวเถียนจับไปที่ชุดราตรีของเธอแล้วพูดอย่างสงสัย "ทำไมเมื่อคืนเราเดินทั้งคืน แต่ไม่เห็นชุดสวยๆนี้เลย?"

"นี่เป็นชุดจากดีไซเนอร์ชื่อดัง ในห้างจะซื้อได้ยังไง ใช่ไหม คุณหวง" เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งถาม

สไตล์ลิสต์พยักหน้าให้แล้วยิ้มอ่อน "ใช่ค่ะ รสนิยมของคุณชายเฉินพวกคุณดีมาก ตอนดูรูปภาพก็ถูกใจชุดนี้เลย"

"คุณชายเฉินรสนิยมดีจริงๆ!" เสี่ยวเถียนพูดด้วยใบหน้าอิจฉา "ถ้าคุณชายช่วยเราเลือกของขวัญก็ดีล่ะสิ"

"ถ้าช่วยเธอเลือกอาจจะไม่ได้ดูดีแบบนี้ก็ได้ เพราะว่าคุณชายไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ"

"ใช่น่ะสิ ฝันไปเถอะ"

"พวกเธอก็ ฉันก็แค่จินตนาการหน่อยไม่ได้หรอ"

"……"

ไป๋มู่ชิงไม่คิดเลยว่าชุดราตรีนี้หนานกงเฉินจะเป็นคนที่เลือกให้เองกับมือ ในใจก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาเล็กน้อย

เพื่อนร่วมงานที่ตื่นเต้นไปงานตั้งแต่หกโมงเย็นกว่าแล้ว มีแต่ไป๋มู่ชิงคนเดียวที่ทำงานอยู่ในห้องทำงานแล้วรอคำสั่งจากหนานกงเฉินด้วย

พอใกล้จะหนึ่งทุ่ม หนานกงเฉินก็ลงมาจากชั้นบน เพราะว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่อยู่แล้ว โซนทำงานก็เลยเงียบสงัด มองผ่านกระจกที่ใส หนานกงเฉินก็เห็นไป๋มู่ชิงที่สวมชุดราตรีกำลังตั้งใจทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

ทีแรกคิดว่าเธอขอทำงานนี้เพื่อที่จะหลุดพ้นจากการกักขังของเขา ไม่คิดเลยว่าเธอจะตั้งใจขนาดนี้ แล้วผลงานก็ดีขึ้นด้วย

เมื่อเห็นท่าทางที่ตั้งใจของเธอ หนานกงเฉินก็ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนเธอ เขาก้าวเท้าเสียงเบาแล้วค่อยๆเข้าใกล้เธอ จากนั้นก็ยืนหน้าลงไปดูผลงานเธอ

แต่ว่าพอเขาดูได้แว็บเดียวก็ทนดูต่อไม่ไหว สีหน้าก็เข้มขึ้นทันที

เธอกำลังตั้งใจวาดรูปก็จริง แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ทำ แต่ว่าเกี่ยวกับเขา บนกระดาษเขากำลังโดนลูกศรแทงทะลุหัวใจ สีหน้าดูเจ็บปวดมากแล้วตรงหน้าเขาเป็นเธอที่ถือธนูอย่างสง่างาม

อาจจะเป็นเพราะพอใจกับผลงานของตัวเองมาก เธอเลยใช้มือปิดปากแล้วหัวเราะยิ้มออกมา

"คุณอยากให้ผมโดนลูกธนูแทงจนตายขนาดนั้นเลยหรอ?" เสียงทุ่มต่ำของหนานกงเฉินดังขึ้น ไป๋มู่ชิงก็สะดุ้งตกใจไป แล้วรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้หันหน้าไปมองเขาอย่างประหลาดใจ "คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"

จริงๆเลย มาทุกครั้งไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงตกใจหมด

หนานกงเฉินมองไปที่ภาพวาดข้างหลังตัวเธอ ไป๋มู่ชิงก็รีบใช้มือพลิกภาพวาดแล้วใช้มืออีกข้างปิดไว้

"ผมมาตั้งนานแล้ว คุณแค่ตั้งใจว่าเกินไป" หนานกงเฉินยื่นมือออกไปจับมือข้างที่เธอปิดกระดาษขึ้น

ไป๋มู่ชิงก็ใช้แรงกดลงไป ไม่ยอมปล่อยมือตัวเองเด็ดขาด

เธอกลัวว่าถ้าเขาเห็นรูปที่ตัวเองวาด คงจะโกรธมาก แต่ไม่รู้เลยว่าเขาเห็นตั้งนานแล้ว

แรงของเธอก็สู้แรงของหนานกงเฉินไม่ได้ ครู่เดียวเขาก็ดึงมือเธอขึ้นแล้วกระดาษก็ตกอยู่ในมือเขา

ไป๋มู่ชิงรีบใช้มือปิดหน้าตัวเองไว้ อยากจะหารูมุดหัวเข้าไป เมื่อกี้หลังจากแต่งตัวเสร็จก็คิดจะวาดผลงานที่เกี่ยวกับบริษัท แต่กลับวาดอะไรแบบนี้ จะเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว

ก็ต้องยอมรับว่าฝีมือในการวาดรูปของเธอนั้นไม่เลวเลย วาดสีหน้าของเขาได้ตลกมากแต่ก็ดูสมจริงน่ารักมาก ตัวเองในรูปก็น่ารักจนทำให้คนอื่นอยากยิ้ม เป็นท่าทางของนางมารร้ายชัดๆ

เขาขยับริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้นกับเธอ "นี่เป็นภาพที่คุณวาดฝันไว้หรอ?"

"คุณอยากฟังความจริงไหมล่ะ?" ไป๋มู่ชิงก็ยังใช้มือปิดหน้าตัวเองไว้

"อื้อ"

"ใช่ นี่เป็นภาพที่ฉันวาดฝันไว้" เธอวางมือลงทั้งสองข้างแล้วพูดกับเขา "ความจริงฉันยังวาดไม่เสร็จ ในอ้อมกอดคุณควรจะมีคุณหนูจูของคุณด้วย"

หนานกงเฉินมองไปที่รูปวาด สีหน้าก็ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม

แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก วางกระดาษลงแล้วพูดว่า "ไปเถอะ" พูดจบเขาก็หันหลังเดินนำหน้าไปทางลิฟท์

ไป๋มู่ชิงมองไปที่แผ่นหลังเขาอย่างประหลาดใจ เขาไม่โมโหจนฉีกภาพวาดแล้วโยนใส่ตัวเธอหรอ?

เธอไม่มีเวลาคิดมากนักแล้วรีบเดินตามเขาไป

ในงานประจำปีมีแขกมาเข้าร่วมหนาแน่น เมื่อหนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงไปถึง แขกที่รับเชิญกับพนักงานก็มากันพร้อมหน้าแล้ว

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉิน จากนั้นก็คล้องแขนเขาแล้วเดินเข้าไปในงานช้าๆพร้อมกับเขา

"ดูสิ มู่ชิงกับคุณชายเฉินก็ดูเหมาะสมกัน ก็ดูรักกันดี" เสี่ยวเถียนที่อยู่ท่ามกลางผู้คนก็ชี้ไปที่ทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาตรงกลาง

"แสงไฟส่องไปที่เสื้อผ้าของมู่ชิงดูสวยกว่าเดิมอีก"

"ใช่ ดูสวยกว่าตอนที่อยู่ห้องทำงานอีก"

"ไม่คิดเลยว่าคุณชายเข้าร่วมงานประจำปีครั้งแรกจะมาพร้อมกับภรรยา" คนอื่นพูด

จูจูที่ยืนอยู่หลังผู้คน เมื่อได้ยินผู้คนต่างพูดชมหนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิง เธอก็อดไม่ได้จนต้องมองชุดบนตัวไป๋มู่ชิง ชุดราตรีบนตัวสวยจริง เรียบง่ายแต่ดูดี โดยเฉพาะยืนอยู่กับหนานกงเฉินที่หล่อเหลา ดูเหมือนกับเจ้าชายกับเจ้าหญิงชัดๆ

ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่เวลานี้ไป๋มู่ชิงสวยจริงๆ!

เธอ'หึ'อย่างไม่แยแสแล้วเก็บสายตาที่มองไปที่ทั้งสองกลับ

ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่หนานกงเฉินออกงานจะได้รับความสนใจมากขนาดนี้ คนทั้งงานกำลังสนใจเขา……แล้วก็เธอด้วย!

เธอแอบมองไปทางหนานกงเฉิน ไม่คิดเลยว่าเขาจะจูงมือเธอเดินเข้ามาอย่างเปิดเผยอย่างนี้ เขาไม่กลัวว่าทุกคนจะเห็นเธอหรอ? ไม่กลัวว่ารักแรกของเขาจะโกรธหรอ?

มีคำพูดหนึ่งที่นิยมพูดกัน ผู้ชายกล้าที่จะพาผู้หญิงที่ไม่เพอร์เฟคมาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะชน โดยเฉพาะต่อหน้าแฟนเก่าเป็นผู้ชายที่รักคุณจริงๆ

หรือว่าเขา……

ไป๋มู่ชิงกอดแขนเขาแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็เบ่งบานขึ้น

ขณะที่หนานกงเฉินกำลังกล่าวอยู่บนเวที ไป๋มู่ชิงก็แอบไปหลบอยู่ที่ห้องรับรองชั้นสอง เพราะว่าเธอเข้าสังคมไม่เก่ง แล้วตัวแทนจากบริษัทต่างๆก็อยากใช้โอกาสนี้ประจบประแจกับตระกูลหนานกงด้วย

เธอคิดว่าตัวเองมันหลบอยู่ในห้องรับรองก็จะรู้สึกสบายหูสบายตาปลอดภัยแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเจอคนที่ทำให้ตัวเองรู้สึกหงุดหงิด

เธอยืนอยู่ข้างประตูแล้วมองเข้าไปที่จูจูที่อยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าตัวเองควรเข้าไปหรือควรถอยออกมา ถ้าเข้าไปก็ต้องพูดคุยกับเธอ แต่ถ้าถอยออกมา……ก็ดูเหมือนเธอกำลังกลัว

ซูซี่พูดถูก เธอเป็นภรรยาของหนานกงเฉิน ก็ควรจะแสดงตัวให้ชัดเจน จะถอยเพราะมือที่สามไม่ได้!

เธอเปิดประตูห้องรับรองแล้วเดินเข้าไป เมื่อจูจูได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันกลับไปมอง พอเห็นหน้าเธอก็เผยรอยยิ้มอันหวานออกมา "มู่ชิงชุดของเธอสวยจังเลย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด