เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 167

หนานกงเฉินมาถึงหน้าประตูห้องของจูจูก็ยกมือขึ้นเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงตอบรับแล้วค่อยเปิดประตูเข้าไป

เมื่อเขาเดินเข้าไป จูจูก็หันกลับพอดีแล้วรีบเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็หันมามองเขา "เฉิน ทำไมเป็นคุณ?"

ขอบตาเธอแดงก่ำ ถึงแม้ไม่มีน้ำตาแต่ก็รู้ว่าเพิ่งร้องไห้

หนานกงเฉินมองกวาดไปที่เธอจากนั้นสายตาก็หยุดลงที่ผ้าพันแผลบนข้อมือเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า "ได้ยินว่าคุณถูกน้ำร้อนลวก? สาหัสหรือเปล่า?" ขณะพูดเขาก็เดินไปจับมือข้างขวาของเธอที่บาดเจ็บขึ้น

"ไม่เป็นอะไร" จูจูรีบดึงมือตัวเองออกมาจากฝ่ามือเขาด้วยสีหน้าเกรงกลัว "เฉิน คุณอย่ามาในห้องฉันดีกว่า ฉันกลัวมู่ชิงจะเห็น"

หนานกงเฉินไม่ได้ตอบในสิ่งที่ถาม "โดนลวกได้ยังไง?"

"ฉัน……ไม่ระวังเอง"

"ได้ยินเสี่ยวหยวนบอกว่ามู่ชิงเป็นคนทำ?"

จูจูเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจแล้วรีบอธิบายกับเขา "เฉิน คุณอย่าเข้าใจผิดนะ อย่าโทษมู่ชิงเลย ฉันทำให้เธอโกรธก่อน"

"คุณทำให้เธอโกรธยังไง?"

"ฉัน……แค่หลงตัวเองแล้วก็ทำตัวไม่ได้เรื่อง รู้ว่ากี่วันนี้เธออารมณ์ไม่ดีแต่ก็ยังจะไปลินชาแล้วขอโทษกับเธอ แต่สุดท้ายเธอก็……"

เธอไม่ได้พูดต่อแล้วทำตัวเหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิด

"คุณหนูจูคะ ทำไมคุณไม่กล้าพูดความจริงกับคุณชายคะ?" เสี่ยวหยวนที่ยืนอยู่ข้างนอกทนฟังไม่ได้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าโมโห "ความจริงเป็นเพราะคุณหญิงน้อยนัดเพื่อนมารังแกคุณ บอกว่าคุณเข้าร่วมงานแสดงในงานเป็นเพราะอยากได้หน้า อยากจะโปรยเสน่ห์ใส่คุณชาย แถมยังด่าคุณว่าเป็นมือที่สาม ด่าคุณว่าต่ำอีก แถมยังสาดน้ำชาใส่คุณแล้วออกไปหน้าตาเฉยอีก"

"เสี่ยวหยวน……" จูจูจ้องเธอตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์

"ไม่ใช่หรอคะ? คุณหนูตั้งใจไปขอโทษ ถึงแม้ในใจจะโกรธก็ไม่ควรใช้น้ำชาที่ร้อนสาดคนไม่ใช่เหรอคะ? ฉันไม่ได้พูดมั่วนะคะ ถ้าคุณชายไม่เชื่อคุณชายเรียกคุณหญิงน้อยมาได้เลยค่ะ"

สีหน้าของหนานกงเฉินเข้มขึ้นจนน่ากลัว จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องของจูจูไป

จูจูรีบดึงชายเสื้อของเขาแล้วพูดว่า "เฉิน คุณอย่าไปโทษมู่ชิงเลย ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ ถึงเธอจะเข้าใจผิดหรือว่าโกรธก็เป็นเรื่องปกติ จริงๆมือฉันไม่เจ็บแล้ว ฉันแค่กังวลว่าจะมีผลกระทบกับการแสดงอีกสามวันข้างหน้า ไม่มีอะไรจริงๆ"

"เฉิน ให้เรื่องนี้จบแค่นี้ได้ไหม?" จูจูพูดทั้งน้ำตา "คุณช่วยหายาที่รักษาแผลลวกนี้ให้ฉัน พรุ่งนี้มือฉันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว"

หนานกงเฉินจับมือข้างขวาเธอแล้วมองไปที่แผลบนนั้น "คุณไว้ใจเถอะ ผมจะหายาที่ดีที่สุดมาให้"

"แค่นี้ก็พอแล้ว" จูจูเผลอยิ้มออกมา

"ไปกินข้าวกันเถอะ"

"ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันค่อยกิน" พอพูดถึงทานข้าวสีหน้าของจูจูก็มีความก็รู้สึกกลัว

เสี่ยวหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ย้ำเตือนขึ้นว่า "คุณหนูจูคะ คุณอย่ากลัวเลย คุณหญิงน้อยกลับห้องไปแล้วค่ะ"

นี่ก็เลยทำให้จูจูโล่งอกไป แล้วเดินลงไปข้างล่างพร้อมหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินกับจูจูทานอาหารค่ำด้วยกัน เสี่ยวหลินก็ส่งยาที่รักษาแผลมาให้

หนานกงเฉินให้จูจูนั่งอยู่บนโซฟาแล้วช่วยเธอทำแผลด้วยตัวเอง ผ้าแผลถูกมือเขาแกะออก แผลที่บวมแดงก็เผยออกมา หนานกงเฉินยกมือเธอขึ้น แล้วมองไปที่เธอ พอเห็นเธอกัดริมฝีปากพยายามกลั้นความเจ็บปวดไว้ ในใจก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

"เจ็บมากเลยหรอ?" เขาถามอย่างอ่อนโยน

"ไม่เจ็บ" จูจูส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า "ให้เสี่ยวหยวนทำเถอะ"

"คุณอดทนหน่อยนะ" หนานกงเฉินไม่ฟังคำพูดของเธอแล้วช่วยเธอทำแผล หยิบเอาแอลกอฮอล์มาฆ่าเชื้อที่แผลเธอแล้วทายาจากนั้นก็พันผ้าพันแผลให้

หลังจากที่ทำแผลเสร็จ จูจูก็ลุกขึ้นย้ำกับหนานกงเฉิน "เฉิน คุณอย่าโทษมู่ชิงเลย พวกคุณสองคนโกรธกันนานขนาดนี้แล้ว ควรจะดีกันได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะรู้สึกผิดนะ"

"คุณไม่ต้องรู้สึกผิด ทำที่นี่ให้เหมือนบ้านตัวเองก็พอ" หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงราบลื่น

จูจูพยักหน้าให้จากนั้นก็เดินกลับห้องไป

เมื่อจูจูเดินออกไปไม่นาน หนานกงเฉินก็ขึ้นไปชั้นบน เขาไม่ได้ไปห้องทำงานแต่กลับเปิดประตูห้องของไป๋มู่ชิงแล้วเดินเข้าไป

ไป๋มู่ชิงกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนโซฟา มือข้างหนึ่งจับกระดานวาดรูปไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ถือดินสอไว้ ไม่มีหัวข้อที่จะวาด แค่วาดเล่นๆเท่านั้น

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดเสียดสีว่า "ทำไม ฟังที่รักแรกฟ้องจบแล้วกำลังจะจัดการกับฉันหรอ?"

หนานกงเฉินถูกการกระทำที่ไม่รู้สึกผิดของเธอกระตุ้น จากนั้นก็เร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปแล้วจับดินสอในมือเธอโยนลงพื้น พูดตำหนิเสียงเยือกเย็น "ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ไม่ควรจะเอาน้ำชาไปทำร้ายเธอ"

เมื่อฝ่ามือว่างเปล่า ไป๋มู่ชิงก็เลยต้องวางกระดานวาดรูปไว้ข้างๆ เธอเงยหน้าจ้องมองไปที่หนานกงเฉิน "แล้วตอนนี้คุณจะเอายังไง? ใช้น้ำร้อนสาดฉันคืนหรอ?"

"คุณ……กำลังหมายความว่ายังไง?" สีหน้าของหนานกงเฉินเข้มงวดขึ้น

"ฉันทำให้เธอบาดเจ็บแล้วยังไง? ฉันด่าเธอแล้วยังไง? เธอไม่ควรถูกน้ำร้อนลวกหรอ? ไม่ควรด่าหรอ? เธอใช้วิธีเป็นร้อยเป็นพันมาโปรยเสน่ห์ใส่คุณไม่ใช่หรอ? ฉันบอกคุณไว้นะ ที่ฉันทำเธอบาดเจ็บก็ให้หน้าคุณแล้ว ถ้าถึงตอนที่ฉันไม่แยแสอะไรกับการกระทำของเธอ คุณก็ควรรู้ว่าเพราะอะไร"

"ก็เธอสัญญากับคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่คิดเกินเลยกับผม? ผมก็สัญญากับคุณแล้ว คุณจะเอายังไงอีก?"

"ฉันอยากให้เธอใส่หัวออกไปจากที่นี่ซะ!"

"คุณ……"

"ใช่ ฉันก็งี่เง่าแบบนี้แหละ ฉันไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ฉันอิจฉาเธอที่เธอได้ขึ้นไปแสดง ฉันเลยทำให้มือเธอบาดเจ็บ ฉันจะให้เธอขึ้นไปแสดงไม่ได้ ฉัน……"

"ไป๋มู่ชิง!" หนานกงเฉินจับแขนของเธอไว้แล้วดึงเธอขึ้นจากโซฟา "คุณตั้งสติหน่อย!"

ไป๋มู่ชิงตกใจไปจากนั้นก็พยักหน้า "ได้ ฉันตั้งสติ คุณค่อยๆถามฉันได้เลย"

"ก่อนจะถามคุณ ผมให้โอกาสคุณอธิบาย" หนานกงเจับแขนของเธอแน่นขึ้นแล้วจองไปที่เธอ "ขอให้คุณอธิบายเหตุผลที่สมเหตุสมผลว่าทำไมต้องด่าเธอแล้วสาดน้ำชาใส่มือเธอด้วย"

ในความทรงจำของเขา ไป๋มู่ชิงเป็นคนที่ไม่ทำร้ายคนอื่นแล้วก็ไม่ได้ใจดำถึงขั้นนี้ด้วย

แต่มือของจูจูได้รับบาดเจ็บนี่คือเรื่องจริงแถมยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น

ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่เขาแล้วหัวเราะเยือกเย็น "ในสายตาคุณ เธอเป็นคนที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อช่วยคุณ เป็นผู้หญิงที่ใสสะอาดที่คุณรอมาสิบกว่าปี แต่ฉันเป็นคนที่โกหกคุณครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นผู้หญิงเลือดเย็นที่ทำร้ายคุณครั้งแล้วครั้งเล่า คุณจะเชื่อคำอธิบายของฉันหรอ? คำอธิบายของฉันมีประโยชน์หรอ?"

หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอ ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยขึ้น "แม้แต่ลองคุณยังไม่ลองแล้ว จะให้ผมเชื่อคุณได้ยังไง?"

"ใช่ ซูซี่พูดคำพูดที่ไม่น่าฟังนั้นจริง แต่อารมณ์ร้อนของซูซี่คุณก็รู้ดี ชาก็เป็นซูซี่ที่ปัดทิ้ง แต่ว่า……" ไป๋มู่ชิงกัดฟันแน่น "น้ำร้อนในชาชงไปพักนึงแล้ว บวกกับเวลาที่เทลงแก้ว น้ำนั่นไม่ร้อนเลย น้ำในชาส่วนนึงสาดไปที่มือเธอ ส่วนหนึ่งก็สาดมาที่ขาฉันด้วย"

ไป๋มู่ชิงถกชุดนอนขึ้นให้เห็นขาของเธอแล้วชี้ไปที่ขาของตัวเอง "คุณดูสิ ตอนนั้นอาจจะแดงบ้าง แต่ตอนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า?"

หนานกงเฉินมองไปที่ขาของเธอ สีหน้าก็ยังเยือกเย็นเหมือนเดิม "ถ้านั่นเป็นน้ำชาที่ร้อนเดือดล่ะ?"

"ฉันไม่ได้บอกว่าถ้า ฉันกำลังบอกคุณว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเสแสร้ง"

"แต่แผลบนข้อมือเธอ ผมเป็นคนเห็นกับตา"

ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะพูดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

"ไม่สนเรื่องแผลของเธอจะสาหัสแค่ไหน แต่วิธีการที่พวกคุณทำกับเธออย่างนั้น……ถ้าเกิดในแก้วเป็นน้ำกรดล่ะ? พวกคุณก็จะสาดไปอย่างงั้นเลยหรอ?"

"แล้วตอนนี้คุณหมายความว่ายังไง?" ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขาด้วยสีหน้าไม่เกรงกลัว "ถ้าตอนนี้คุณกำลังหมายถึงว่าฉันรังแกเธอ ฉันไม่ยอมรับ แต่ถ้าคุณกำลังโทษว่าฉันทำอะไรไม่คิด……ฉันยอมรับ อีกหน่อยฉันก็จะระวัง"

"คุณทำให้มือเธอสาหัสขนาดนั้นแล้ว!"

"ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเสแสร้ง!" ไป๋มู่ชิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงโมโห

ดูเหมือนเขาจะยังโทษเธออยู่ โทษที่เธอทำให้คุณหนูจูของเขาบาดเจ็บ ในใจเธอก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา

"คุณหมายความว่า แผลบนมือเธอ เธอเป็นคนทำเองงั้นหรอ?"

"ฉันจะรู้ได้ยังไง?" ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นผลักเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ "ตอนนี้ด่าก็ด่าแล้ว สั่งสอนก็สั่งสอนแล้ว คุณออกไปได้หรือยัง?"

หนานกงเฉินจับมือของเธอที่กำลังทุบตีเขา "ทำไมคุณถึงเลือดเย็นขนาดนี้? แม้แต่ความรู้สึกผิดก็ไม่มีเลยหรอ?"

"เพราะว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด" ไป๋มู่ชิงกระพริบตาไม่ให้น้ำตาไหลออกมาแล้วเธอก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น "ฉันอธิบายกับคุณแล้ว ในเมื่อคุณเลือกที่จะเชื่อเธอ งั้นก็เชื่อเธอไปเถอะ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงต่อ"

หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธออย่างกัดฟันแน่น จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางประตู

ในห้องกลับมาสงบสักที ไป๋มู่ชิงหลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาแห่งความโกรธสุดท้ายก็ไม่ได้เอ่อล้นออกมา

เธอเข้าใจซูซี่แล้วว่าทำไมยอมอยู่ในคอนโดก็ไม่ยอมกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลเฉียว อยู่กับผู้ชายที่ไม่เข้าใจแล้วก็ไม่เชื่อใจตัวเองเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน แถมข้างกายเธอยังมีคุณหนูจูอีก ตอนนี้ชีวิตเธอคงลำบากมากกว่าซูซี่เลยสินะ!

เพราะว่าไม่ได้ทานอาหารเย็น ไป๋มู่ชิงนอนอยู่บนเตียงนอนยังไงก็นอนไม่หลับ สุดท้ายก็ลุกขึ้นจากบนเตียงแล้วเดินไปหาของกินที่ห้องครัวชั้นหนึ่ง

สุดท้ายก็เจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในลิ้นชัก เธอก็ขี้เกียจต้มเลยกินแห้งอย่างงั้นในมุมห้องครัวเลย

อาจจะเป็นเพราะหิวมาก เธอเลยรู้สึกว่าบะหมี่นี้อร่อยมาก ทั้งหอมทั้งกรอบ

เธอกินไปด้วยแล้วนึกย้อนคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

หนานกงเฉินบอกว่าแผลบนมือของผู้หญิงคนนั้นเป็นแผลจริงเป็นไปได้ยังไง? เพื่อที่จะใส่ร้ายเธอถึงขั้นลงทุนขนาดนี้ ใช้น้ำร้อนราดใส่ตัวเองอีกครั้งเหรอ?

พอนึกถึงภาพที่น้ำร้อนราดไปบนมือ ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผู้หญิงคนนี้คงบ้าไปแล้ว น่ากลัวมาก ถ้าเทียบกับไป๋ยิ่งอันที่ใสบื้อ คนนี้น่ากลัวมากกว่า!

อาจจะเป็นเพราะคิดจนเพลินเกินไป เธอเลยไม่รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้าใกล้ จนกระทั่งหนานกงเฉินนั่งลงข้างกาย เธอค่อยรู้สึกตัวแล้วสะดุ้งตกใจ

เธอมองกวาดไปที่หนานกงเฉินที่นั่งอยู่ข้างตัว แล้วมองไปที่นาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้วเขายังไม่นอน?

"ทำไมคุณถึงนอนไม่หลับ? กำลังเป็นห่วงคนรักของคุณหรอ?" เธอเอ่ยขึ้นอย่างเสียดสี

"ใช่ ผมกำลังคิดว่าถ้ามีรอยแผลเป็นบนมือเธอจะทำยังไง? ตอนเล่นเปียโนคงน่าเกลียด" หนานกงเฉินหันมองไปที่เธอ "แล้วคุณล่ะ? ทำไมถึงนอนไม่หลับ?"

ไป๋มู่ชิงกัดฟันแน่นตัดสินใจที่จะไม่ทะเลาะกับเขา "ฉันไม่ได้กินข้าวเย็นเลยหิว"

ดูเหมือนเมื่อกี้เขายังทะเลาะไม่พอใจ ตอนนี้ก็จะมาหาเรื่องทะเลาะกับเธออีก

หนานกงเฉินมองไปที่ท่าทางของเธอที่สงบแล้วรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับเธอ เขาหิวเหมือนกับเธอเลยลงมาหาอะไรกิน ไม่คิดว่าจะเห็นเธอกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแห้งที่นี่

เขายื่นมือไปหยิบบะหมี่ในถ้วย ไป๋มู่ชิงก็รีบจับข้อมือของเขาไว้ "คุณจะทำอะไร?"

"กินบะหมี่ไง" หนานกงเฉินมองไปที่มือของเธอที่กำลังจับตัวเองอยู่

"นี่เป็นบะหมี่ของฉัน ถ้าคุณจะกินคุณไปหาเอง" ไป๋มู่ชิงแย่งบะหมี่ในมือเขากลับมาแล้วกอดถ้วยบะหมี่ไว้ในอ้อมกอดแน่น

"แม้แต่บะหมี่ถ้วยเดียวก็จะแบ่งกับผมขนาดนี้เลยหรอ?"

"ใช่ คุณไปกินบะหมี่ถ้วยเดียวกันกับรักแรกของคุณเถอะ" ไป๋มู่ชิงพูดจบลุกขึ้นกำลังจะเดินหนี

แต่หนานกงเฉินกลับจับข้อมือเธอไว้แล้วดึงเธอกลับมา จ้องมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ "คุณหนูไป๋ วันนี้คนที่ควรโกรธเป็นผม"

"คุณก็โกรธไปสิ ฉันก็โกรธของฉัน ต่างคนต่างโกรธ" พูดจบไป๋มู่ชิงก็สะบัดมือเขาทิ้งแล้วเดินออกจากห้องอาหาร เดินขึ้นไปชั้นบน

เมื่อไป๋มู่ชิงกลับมาถึงห้องนอนก็นั่งกินบะหมี่ของตัวเองบนโซฟา เดิมทีที่รู้สึกว่าบะหมี่นี้อร่อย แต่พอยิ่งกินไปยิ่งไม่น่ากิน กินไปครึ่งหนึ่งก็กินไม่ลงแล้ว

เธอนำบะหมี่ที่เหลือวางไว้ที่มุม จากนั้นก็หยิบรีโมทขึ้นเปิดทีวีดู

ดูไปได้สักพัก ประตูในห้องนอนก็ถูกใครบางคนเปิดออก เธอยืดตัวตรงจากบนโซฟา ดึกขนาดนี้แล้วมีคนมาเปิดประตูก็น่ากลัว แต่เมื่อเธอเห็นว่าหนานกงเฉินเดินเข้ามาเลยโล่งอกไป

แต่ว่า……เขามาในห้องเธอทำไม? แถมยังถือถ้วยใบใหญ่สองถ้วยมาด้วย

หนานกงเฉินวางถ้วยลงตรงหน้าเธอแล้วมองไปที่บะหมี่ที่เธอทิ้งไว้ตรงมุม "ต่อไปอยากกินอีก มันไม่ดีต่อสุขภาพ"

ไป๋มู่ชิงมองกวาดไปที่ถ้วยบะหมี่บนโต๊ะ "รักแรกทำให้คุณ?"

ถึงแม้บะหมี่ในถ้วยนี้จะดูดี แต่ดูเหมือนน้ำจะใส่น้อยเกินไป เธอไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะเป็นคนทำเอง เพราะว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยเข้าห้องครัวเลย

หนานกงเฉินแบ่งตะเกียบให้เธอหนึ่งคู่ แล้วพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "เหลือถ้วยหนึ่งให้คุณไว้คือให้หน้าคุณ อย่าหาเรื่องเลย"

ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกหิวอยู่แถมยังอยากลองชิมดูว่าบะหมี่ที่เขาทำรสชาติเป็นยังไง จะแย่มากหรือเปล่า แต่สีหน้าของเขาก็ทำให้เธอกลืนอารมณ์โกรธนี้ไม่ได้ เธอเลยต้องกลั้นใจไว้ "อย่าคิดว่าให้บะหมี่ถ้วยเดียวกับฉันแล้วฉันจะให้อภัยคุณ ไม่มีทาง!"

เธอยกถ้วยบะหมี่ขึ้นกินหนึ่งคำ ยังดี เป็นรสชาติของบะหมี่อยู่

"ผมต้องการให้คุณให้อภัยหรอ?" หนานกงเฉินทอดมองไปที่เธอ "ผมต่างหาก ให้อภัยคุณแล้ว ยังมาส่งบะหมี่ให้คุณอีกคุณก็ควรขอบใจไม่ใช่หรอ?"

"หนานกงเฉิน เอาบะหมี่ของคุณไปเลย" ไป๋มู่ชิงวางตะเกียบลงบนโต๊ะ "ฉันไม่ต้องการการให้อภัยของคุณ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บ"

ที่แท้ที่เขานำบะหมี่มาให้เธอไม่ใช่เพราะเชื่อใจเธอ แต่กลับให้เธอยอมแพ้แล้วยอมรับเป็นความผิดของตัวเอง

"คุณพอหรือยัง?" หนานกงเฉินหงุดหงิด

"ฉันไม่ได้งี่เง่า!" ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่เขา ความรู้สึกผิดหวังในใจก็เอ่อล้นออกมา

เธอกินไม่ลงจริงๆเลยหันหลังกลับไปบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด